ปัญหาของเสาเข็มเจาะแบบเจาะแห้ง
คือการที่เจาะลึกจนถึงชั้นดินทราย แล้วน้ำใต้ดินทะลักเข้ามาในหลุมเจาะ เมื่อเทคอนกรีตลงไป ที่ปลายเสาเข็มจะยุ่ยจนไม่มีแรงต้านที่ปลายเสาเข็ม (Soft Toe) กลายเป็นเสาเข็มแรงเสียดทานเพียงอย่างเดียว (Friction Pile)
สิ่งที่ตามมาคือปัญหาการทรุดตัวแตกต่าง เพราะความแน่นที่ก้นหลุมของเสาเข็มแต่ละต้น มีค่าไม่เท่ากัน
แนวทางในการแก้ไขปัญหา
1. ออกแบบเสาเข็มให้ปลายเสาเข็มอยู่ที่ชั้นดินเหนียวแข็ง ก่อนถึงชั้นทราย ดังนั้นกำลังรับแรงแบกทานที่ปลายเสาเข็มจะลดลง แต่ยังไงก็ดีกว่าไม่มีเลย ซึ่งจะทำให้กำลังรับน้ำหนักปลอดภัยของเสาเข็มเจาะ ลดลงจากเดิมที่เคยใช้กัน เช่น ปกติ Dia. 0.35 m. ใช้ 35 ตัน/ต้น อาจจะเหลือ 25 ตัน/ต้น
ในกรณีนี้ แนะนำให้ทำการเจาะสำรวจข้อมูลชั้นดินก่อน เพื่อประเมินกำลังรับน้ำหนักปลอดภัย และความลึกของเสาเข็ม นอกจากนี้เพื่อตรวจสอบว่า มีชั้นทรายบางๆแทรกอยู่ในชั้นดินเหนียว ก่อนถึงระดับความลึกที่ต้องการด้วยหรือเปล่า
เช่น ถ้าชั้นทรายอยู่ที่ความลึก 21 เมตร และมีการออกแบบให้ปลายเสาเข็มอยู่ที่ความลึก 19 เมตร แต่มีชั้นทรายบางๆแทรกอยู่ที่ความลึก 15 เมตร กรณีแบบนี้ ก็จะมีปัญหาน้ำเข้าในหลุมได้เช่นกัน
2. ใช้วิธี Full Casing โดยการใช้ปลอกเหล็กตลอดความยาวของหลุมเจาะ โดยเจาะให้ทะลุชั้นทรายชั้นแรก จนเลยไปถึงชั้นดินเหนียวแข็งใต้ชั้นทราย ปลอกเหล็กจะป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้ามาในหลุมเจาะ และชั้นดินเหนียวแข็งก็มีความทึบน้ำสูง น้ำจึงซึมผ่านเข้ามาได้ช้ามาก แต่วิธีนี้ต้องอาศัย ผู้รับเหมาเข็มเจาะที่มีความเชี่ยวชาญและมีเครื่องมือที่พร้อม จึงจะสามารถทำได้
3. ใช้วิธี Wet Process คือการทำเสาเข็มเจาะเปียก โดยการรักษาเสถียรภาพของหลุมเจาะด้วยสารละลายเบนโทไนท์ หรือสารละลายโพลีเมอร์ แล้วเทคอนกรีตด้วยท่อTremie Pipe จากก้นหลุม เหมือนๆกับการทำเสาเข็มเจาะเปียกขนาดใหญ่ แต่เนื่องจากหลุมเจาะมีขนาดเล็ก การทำงานและการควบคุมคุณภาพจึงทำได้ยากกว่ากรณีของเสาเข็มขนาดใหญ่ กรณีนี้จึงจำเป็นต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญ และมีประสบการณ์ ในการทำงาน
- 11
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
