12 ต.ค. 2021 เวลา 02:10 • ประวัติศาสตร์
“สงครามพิวนิก (Punic Wars)”
“สงครามพิวนิก (Punic Wars)” คือสงครามระหว่างคาร์เธจและโรม ซึ่งกินเวลาเกือบศตวรรษ โดยเริ่มเมื่อ 264 ปีก่อนคริสตกาล และจบลงด้วยชัยชนะของโรมันเมื่อ 146 ปีก่อนคริสตกาล
เมื่อสงครามพิวนิกครั้งที่ 1 เริ่มต้นขึ้น กรุงโรมคือมหาอำนาจในแถบคาบสมุทรอิตาลี ในขณะที่คาร์เธจ ซึ่งเป็นนครรัฐที่ทรงอำนาจทางเหนือของแอฟริกา ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในดินแดนแถบชายฝั่งทะเล
สงครามพิวนิกครั้งที่ 1 เริ่มต้นเมื่อ 264 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อโรมได้เข้าไปก้าวก่ายในความขัดแย้งของเกาะซิซิลี ซึ่งเป็นเกาะใต้อำนาจของคาร์เธจ จนเกิดเป็นสงคราม
สงครามครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะของกรุงโรม และทำให้โรมได้เข้าควบคุมทั้งซิซิลีและคอร์ซิกา และทำให้กรุงโรมกลายเป็นมหาอำนาจทั้งทางทะเลและบนบก
ในสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 “ฮันนิบาล (Hannibal)” แม่ทัพฝ่ายคาร์เธจ ได้เข้ารุกรานอิตาลีและได้รับชัยชนะ ก่อนจะพ่ายแพ้เมื่อ 202 ปีก่อนคริสตกาล และทำให้กรุงโรมได้มีอำนาจในแถบตะวันตกของเมดิเตอเรเนียนและดินแดนจำนวนมากในสเปน
ในสงครามพิวนิกครั้งที่ 3 ฝ่ายโรมันได้รุกรานและทำลายคาร์เธจเมื่อ 146 ปีก่อนคริสตกาล และทำให้แอฟริกาตกอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิโรมัน
สำหรับรายละเอียดของสงครามพิวนิกครั้งที่ 1 ต้องเล่าตั้งแต่เมื่อชาวฟินิเซีย ได้มาตั้งรกรากยังเมืองไทร์ ซึ่งปัจจุบันคือเลบานอน
3
จากนั้น เมื่อราว 814 ปีก่อนคริสตกาล ก็ได้มีการตั้งนครรัฐคาร์เธจ ซึ่งตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลทางเหนือของแอฟริกา และภายใน 265 ปีก่อนคริสตกาล คาร์เธจก็ได้กลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งและทรงอำนาจที่สุดแห่งหนึ่ง
คาร์เธจในเวลานั้นก็ได้มีปัญหากระทบกระทั่งกับดินแดนอื่นหลายแห่ง หากแต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกรุงโรม โดยมีการลงนามสนธิสัญญาหลายฉบับ และมีการให้สิทธิทางการค้าอีกด้วย
1
264 ปีก่อนคริสตกาล โรมได้เข้าแทรกแซงความขัดแย้งในดินแดนบริเวณเกาะซิซิลี ซึ่งในเวลานั้นเป็นดินแดนใต้อำนาจของคาร์เธจ
โรมได้ให้การสนับสนุนฝ่ายซีราคิวส์ ซึ่งเป็นศัตรูกับเมสซินา แต่ปัญหาคือฝ่ายคาร์เธจนั้นสนับสนุนเมสซินา
เมื่อสนับสนุนคนละฝ่าย ความสัมพันธ์ระหว่างโรมและคาร์เธจก็เริ่มจะไม่ดี และในที่สุด ทั้งสองดินแดนก็แตกหัก พร้อมจะทำสงคราม
ภายในระยะเวลาเกือบ 20 ปี โรมก็ได้มุ่งมั่นที่จะสร้างกองเรือเพื่อจะรบกับกองทัพเรือคาร์เธจ และได้ชัยชนะครั้งแรกเมื่อ 260 ปีก่อนคริสตกาล และได้ชัยชนะอีกครั้งเมื่อ 256 ปีก่อนคริสตกาล
ถึงแม้การบุกแอฟริกาเหนือของโรมจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่โรมก็ไม่ยอมแพ้ และเมื่อ 241 ปีก่อนคริสตกาล กองเรือโรมันก็สามารถเอาชนะกองเรือคาร์เธจ
เมื่อสงครามพิวนิกครั้งที่ 1 จบลง ซิซิลีก็ได้กลายเป็นเมืองขึ้นของกรุงโรม
ภายหลังจากสงครามพิวนิกครั้งที่ 1 โรมก็ได้เข้ายึดครองคอร์ซิกาและซาร์ดิเนีย แต่คาร์เธจก็สามารถสร้างฐานอำนาจในสเปนเมื่อ 237 ปีก่อนคริสตกาล
1
ภายหลังจาก “ฮันนิบาล (Hannibal)” ขุนพลของคาร์เธจขึ้นเป็นใหญ่เมื่อ 221 ปีก่อนคริสตกาล อีกสองปีต่อมา เขาก็ได้นำทัพบุกข้ามน้ำไปยังซากุนโต ซึ่งเป็นเมืองใต้อำนาจของโรมัน และนี่คือการประกาศสงคราม
ในสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 ฮันนิบาลได้นำทัพทหารราบจำนวน 90,000 นาย ทหารม้าอีก 12,000 นาย เดินทัพจากสเปนไปจนถึงอิตาลี และเอาชัยเหนือโรมัน
1
วีรกรรมของฮันนิบาลนั้นเป็นที่จดจำมากที่สุดในยุทธการที่กันไน (Battle of Cannae) เมื่อ 216 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อฮันนิบาลได้ให้กองทหารม้าทำการล้อมกองทัพโรมันซึ่งมีจำนวนมากกว่ากองทัพคาร์เธจถึงสองเท่าตัว และสามารถสังหารทหารโรมันได้เป็นจำนวนมาก
ภายหลังจากพ่ายแพ้ โรมันก็ไม่ยอมแพ้ และสามารถตีโต้จนคาร์เธจได้เสียอำนาจในอิตาลี อีกทั้งโรมยังเอาชนะ สามารถยึดสเปนและแอฟริกาเหนือได้อีกด้วย
203 ปีก่อนคริสตกาล กองทัพของฮันนิบาลต้องถอยทัพออกจากอิตาลี
ความพ่ายแพ้ของฮันนิบาลในสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 ทำให้อำนาจของอาณาจักรคาร์เธจทางตะวันตกของเมดิเตอเรเนียนต้องจบลง และทำให้โรมเป็นใหญ่ในสเปน อีกทั้งคาร์เธจก็ต้องเสียทั้งดินแดนและอำนาจมากมาย และยังต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามเป็นจำนวนมหาศาล
สำหรับสงครามพิวนิกครั้งที่ 3 เป็นผลมาจากความพยายามของเหล่าขุนนางในสภาโรมัน ที่พยายามจะโน้มน้าวให้ทุกคนเชื่อว่าคาร์เธจนั้นเป็นภัยต่อกรุงโรม
149 ปีก่อนคริสตกาล คาร์เธจได้ละเมิดสนธิสัญญาที่ทำกับกรุงโรม โดยคาร์เธจได้ประกาศสงครามต่ออาณาจักรนูมิเดีย ทำให้โรมันต้องส่งกองทัพไปยังแอฟริกาเหนือ และนี่คือจุดเริ่มต้นของสงครามพิวนิกครั้งที่ 3
คาร์เธจสามารถต้านกองทัพโรมันที่ล้อมเมืองได้ถึงสองปี จนกระทั่ง 146 ปีก่อนคริสตกาล กองทัพโรมันจะทำการโจมตีบริเวณท่าเรืออย่างหนัก จนกระทั่งบุกเข้าเมืองได้ และทำการทำลายบ้านเรือนและผลักให้กองทัพคาร์เธจถอยกลับไปยังฐานที่มั่น
ภายหลังจากผ่านไปเจ็ดวัน คาร์เธจก็ยอมแพ้ และทำให้เมืองซึ่งอยู่มานานกว่า 700 ปีแห่งนี้ต้องจบลง
ประชาชนชาวคาร์เธจที่รอดชีวิตจำนวน 50,000 คน ได้ถูกขายเป็นทาส และในปีนี้เอง กองทัพโรมันก็ได้เคลื่อนพลไปทางตะวันออกเพื่อทำสงครามกับมาซิโดเนีย
1
ภายในสิ้นปี จักรวรรดิโรมันก็แผ่อำนาจได้กว้างไกล และเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์
โฆษณา