14 ต.ค. 2021 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ Microsoft ที่ปล่อยให้ Android ครองสมาร์ตโฟน
1
Bill Gates มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft เคยให้สัมภาษณ์ในปี 2019 ว่า ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของ Microsoft คือความล้มเหลวของ Windows Phone จนทำให้ Android ครองตลาดระบบปฏิบัติการบนสมาร์ตโฟนไปได้ คิดเป็นมูลค่าที่ Microsoft ปล่อยหลุดมือไปกว่า 13.5 ล้านล้านบาท
3
แล้ว Microsoft ที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วโลก
ได้กว่า 80% มาหลายสิบปี กลับพลาดโอกาสในการเป็นเจ้าแห่งระบบปฏิบัติการสมาร์ตโฟนได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
4
ย้อนกลับไปในปลายทศวรรษ 1970 บริษัท Apple ได้ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์
ด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลกอย่าง Apple I และ Apple II
3
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่บริษัท Microsoft เริ่มสร้างระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ PC สำหรับผู้ผลิต PC เจ้าอื่นที่ต้องการตีตลาดนี้แข่งกับ Apple
2
จน Windows ก็ได้กลายเป็นระบบปฏิบัติการมาตรฐานที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกมากที่สุดกว่า 80% มาจนถึงปัจจุบัน
4
หลังจากนั้น 30 ปี Apple ได้ทำการปฏิวัติอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นกับโทรศัพท์เคลื่อนที่
นั่นคือการเปิดตัวสมาร์ตโฟนจอทัชสกรีนไร้คีย์บอร์ดที่ชื่อว่า iPhone ในปี 2007
3
บริษัทซอฟต์แวร์อันดับ 1 ของโลกอย่าง Microsoft ก็มี Windows Mobile ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่อง PDA อยู่แล้ว
1
การพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ตโฟน แล้วใช้กลยุทธ์ที่ตัวเองถนัดอย่างการขายระบบปฏิบัติการให้กับผู้ผลิตสมาร์ตโฟนเจ้าอื่นที่ต้องการแข่งกับ iPhone ก็ดูไม่ใช่เรื่องยาก
4
แต่ Microsoft กลับพ่ายแพ้ให้กับระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า “Android” ของบริษัทเทคโนโลยีน้องใหม่อย่าง Google ซึ่งในปัจจุบันครองส่วนแบ่งระบบปฏิบัติการสมาร์ตโฟนทั่วโลกกว่า 70%
9
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับ Microsoft ?
4
Microsoft เปิดตัว Windows CE ในปี 1996 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา หรือ Pocket PC คล้ายกับเครื่อง PDA ยี่ห้อ Palm ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อมาเป็น “Windows Mobile” ในปี 2003
3
นับตั้งแต่เปิดตัว Pocket PC ของ Microsoft ก็ได้รับการตอบรับที่ดี มีส่วนแบ่งตลาดเป็นรองเพียงแค่ Palm แต่ในปี 2003 สมาร์ตโฟนของ Nokia ที่ใช้ระบบปฏิบัติการชื่อ Symbian ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายมาเป็นผู้นำในตลาดนี้
3
Palm และ Microsoft จึงจับมือกัน โดยในปี 2005 เครื่อง Palm ได้เลือกใช้ระบบปฏิบัติการของ Windows Mobile ทำให้ในปีถัดมา Microsoft มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง
5
ภาพการแข่งขันในตลาดนี้ ถูกจับตามองโดยผู้ร่วมก่อตั้ง Google ที่เห็นว่าเมื่อโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ต่อไปคนจะใช้งาน Search Engine บนโทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้นจนกลายมาเป็นช่องทางหลัก แซงการใช้งานบน PC ได้ในที่สุด
3
Search Engine ของ Google ในตอนนั้นเพิ่งมีจำนวนผู้ใช้งานเฉือนชนะ Yahoo! มาได้
จึงไม่อยากพลาดโอกาสการเติบโตไปพร้อมกับสมาร์ตโฟน
3
จึงทำให้ในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 Eric Schmidt ผู้เป็น CEO ของบริษัทในขณะนั้น
ได้ตัดสินใจซื้อบริษัทชื่อว่า “Android” ด้วยมูลค่า 1,690 ล้านบาท
2
Android ก่อตั้งในปี 2003 หรือเพิ่งก่อตั้งมาได้เพียง 2 ปี โดย Andy Rubin และเพื่อนอีก 3 คน จากไอเดียการพัฒนาสมาร์ตโฟนและระบบปฏิบัติการที่ให้ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนทั่วไปเลือกใช้ได้ แข่งกับ Symbian ที่มี Nokia เป็นผู้ใช้งานหลัก และ Windows Phone ของ Microsoft
6
หลังจาก Google ซื้อ Android ก็เริ่มออกแบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ที่ยังคงเป็นสมาร์ตโฟนรูปแบบมาตรฐานในตอนนั้น คือครึ่งหนึ่งเป็นหน้าจอ อีกครึ่งหนึ่งเป็นคีย์บอร์ด
1
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ก็ได้มีอยู่บริษัทหนึ่ง ที่ซุ่มพัฒนาสมาร์ตโฟนในอีกรูปแบบ
เพื่อปฏิวัติสมาร์ตโฟนแบบเดิม และเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคนทั่วโลกไปตลอดกาล
3
บริษัทนั้นก็คือ “Apple” ที่ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนหน้าจอทัชสกรีนไร้คีย์บอร์ด ที่ชื่อว่า “iPhone” ในเดือนมกราคม ปี 2007
6
แต่หากย้อนกลับไปในตอนนั้น คนส่วนใหญ่ยังมองว่า iPhone ไม่น่าจะประสบความสำเร็จและแย่งส่วนแบ่งตลาดไปได้
2
ซึ่งนอกจากคนส่วนใหญ่แล้ว ผู้บริหารบริษัทที่เป็นเจ้าตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และสมาร์ตโฟน
ทั้ง Nokia, BlackBerry รวมถึง Microsoft เองก็คิดแบบนั้น
3
ในปีที่ iPhone เปิดตัว “Steve Ballmer” หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft มาพร้อม Bill Gates
และเป็น CEO ของ Microsoft ในขณะนั้น ถูกถามว่าตอนเห็น iPhone ครั้งแรก เขารู้สึกอย่างไร
2
Ballmer หัวเราะแล้วตอบว่า iPhone คือโทรศัพท์ที่ราคาแพงสุดในโลก และจะไม่สามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจได้ เพราะมันไม่มีคีย์บอร์ด ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานอีเมล
17
Ballmer ยังบอกอีกว่าตอนนั้น Microsoft ขายโทรศัพท์ได้ปีละหลายล้านเครื่อง
แต่ Apple เพิ่งเริ่มทำโทรศัพท์ นี่จึงไม่ใช่ความสนใจหลักของ Microsoft
5
ซึ่งในเวลานั้นสิ่งที่สำคัญกับ Microsoft มากที่สุดคือ Windows Vista ระบบปฏิบัติการ PC เวอร์ชันใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป
2
ในทางตรงข้าม ก็ยังมีกลุ่มที่มองว่าสมาร์ตโฟนไร้คีย์บอร์ดคือการปฏิวัติโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างแท้จริง หนึ่งในนั้นก็คือ Google
4
ทันทีที่ iPhone เปิดตัว Google ตัดสินใจยกเลิกโปรเจกต์สมาร์ตโฟน Android เดิมที่ซุ่มพัฒนามาเกือบ 2 ปี และก็ได้เปลี่ยนแผนมาพัฒนาสมาร์ตโฟนและระบบปฏิบัติการ สำหรับการใช้งานแบบทัชสกรีนที่ไม่มีคีย์บอร์ดแทน
4
เดือนพฤศจิกายน ปี 2007 Google ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจที่ชื่อ “Open Handset Alliance” หรือ OHA เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการกลางของอุปกรณ์สื่อสาร ซึ่งจะเน้นเจาะตลาดสมาร์ตโฟนที่ราคารองลงมาจาก iPhone
8
ที่สำคัญก็คือ Google จะให้บริการ “ฟรี” ไม่คิดค่า License แบบที่ Microsoft Windows จะเรียกเก็บจากผู้ผลิต PC แต่ Google มีข้อแม้ว่าการตั้งค่าเริ่มต้นจะต้องเป็นบริการของ Google ทั้งหมด เช่น Google Chrome และ Gmail
4
OHA จึงรวบรวมสมาชิกกลุ่มชุดแรกได้ถึง 34 บริษัท โดยมีทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออย่างเช่น Sprint, T-Mobile และ China Mobile ผู้ผลิตชิปอย่างเช่น Intel, Qualcomm และ Nvidia รวมถึงผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารอย่างเช่น Motorola, Sony Ericsson, HTC, LG และ Samsung
12
ปี 2008 ระบบปฏิบัติการ Android เริ่มถูกนำไปใช้เป็นครั้งแรกในสมาร์ตโฟนรุ่น HTC Dream ของบริษัท HTC ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนจากไต้หวัน
5
แต่ในเวลานั้น ทั้งตัวเครื่องและระบบปฏิบัติการมีจุดอ่อนเยอะมาก ยังไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ iPhone ทำได้
3
ก่อนที่ในปีถัดมา Android จะเจอจุดเปลี่ยน เมื่อ Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนตระกูล Galaxy เป็นครั้งแรกในปี 2009 ซึ่ง Samsung ได้เลือกใช้ระบบปฏิบัติการของ Android แทน Symbian ที่เคยใช้อยู่เดิม
5
ต่อมาในปี 2010 Samsung เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นที่เป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบันอย่าง Galaxy S ที่ตัวเครื่องมีการพัฒนาไปจนรองรับกับการพัฒนาของ Android ได้อย่างลงตัว Samsung Galaxy S เลยเป็นสมาร์ตโฟนที่เริ่มคล้าย iPhone มากขึ้น ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น
ความสำเร็จของ Samsung Galaxy S ก็ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนเจ้าอื่นหันมาใช้ Android ตาม จนในปี 2010 จำนวนผู้ใช้งาน Android เพิ่มขึ้นจนมาเทียบเท่า iOS และทั้งคู่ก็สามารถเอาชนะ Windows Mobile ของ Microsoft ไปได้แล้ว
8
Microsoft ตระหนักถึงศักยภาพของสมาร์ตโฟนไร้คีย์บอร์ดหลังจาก iPhone เปิดตัวไปแล้วเกือบ 2 ปี
11
ปลายปี 2008 Microsoft เริ่มรู้ตัวว่าปกป้องส่วนแบ่งตลาดสมาร์ตโฟนจาก iPhone ไม่ได้ ทีมงานของ Microsoft จึงถูกเรียกประชุมด่วนเพื่อวางแผนพัฒนาระบบปฏิบัติการบนสมาร์ตโฟนไร้คีย์บอร์ด มาสู้กับ iPhone
1
ผ่านไปเกือบ 2 ปี ในเดือนตุลาคม ปี 2010 Microsoft เปิดตัวระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า “Windows Phone” ซึ่งมาแทนที่ Windows Mobile ช้ากว่า Android 2 ปี และหลัง iOS 3 ปี
4
แต่ครั้งนี้ Microsoft ไม่ได้เจาะกลุ่มตลาดแมสแบบ Windows ที่ใช้กับ PC ได้ทุกประเภท
เพราะ Windows Phone ตั้งใจจะวางตัวเป็นซอฟต์แวร์คุณภาพสูงที่ถูกพัฒนามาเพื่อแข่งกับ iOS โดยตรง
2
ปัญหาก็คือ Microsoft เชี่ยวชาญแค่ด้านซอฟต์แวร์ แต่ไม่สามารถหาผู้ผลิตสมาร์ตโฟนคุณภาพสูงเพื่อรองรับ Windows Phone ได้ จึงทำให้การรุกเข้าสู่ตลาดนี้ กลายเป็นเรื่องที่ยากกว่ากลยุทธ์การเจาะตลาดแมสแบบ Android
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง สถานการณ์ของเจ้าตลาดสมาร์ตโฟนเดิมอย่าง Nokia ก็กำลังย่ำแย่ Nokia เลยไล่ CEO ออก และแต่งตั้ง CEO คนใหม่ที่ชื่อ Stephen Elop ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้บริหารอยู่ที่ Microsoft
4
Elop กู้สถานการณ์ให้ Nokia ด้วยการทิ้งระบบปฏิบัติการเดิมอย่าง Symbian ที่ล้าสมัยไปแล้ว และหันไปพัฒนาสมาร์ตโฟนทัชสกรีน
2
และด้วยความที่ Nokia ยังคงเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการผลิตสมาร์ตโฟนคุณภาพสูง
ตรงกับที่ Microsoft มองหา ทั้ง 2 บริษัทจึงได้ตกลงเป็นพันธมิตรกัน
1
ทำให้ Nokia สามารถเปิดตัวสมาร์ตโฟนทัชสกรีนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone
นั่นคือ “Nokia Lumia 800” ตอนปลายปี 2011
3
เมื่อยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 บริษัทร่วมมือกัน ก็ดูเหมือนว่าทั้ง Nokia และ Microsoft จะกลับมาได้รับความสนใจจากสื่อและผู้บริโภคอีกครั้ง แต่ทั้งคู่กลับไม่สามารถดึงความสนใจจากผู้พัฒนาแอปพลิเคชันได้
ในปี 2011 ที่ Nokia Lumia เปิดตัว
Android สามารถครองส่วนแบ่งระบบปฏิบัติการสมาร์ตโฟนทั่วโลกไปได้แล้วถึง 47% ตามมาด้วย iOS ของ Apple ที่ครองส่วนแบ่งได้ 19%
1
ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันทั่วโลกจึงทุ่มเทเวลาให้กับระบบปฏิบัติการ 2 เจ้าหลัก ที่มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันได้กว่า 66% มากกว่าจะหันมาสนใจ Windows Phone ที่มาทีหลัง
5
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้ Windows Phone ไม่สามารถดึงดูดผู้พัฒนาแอปพลิเคชันได้ แม้แต่แอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกอย่าง Facebook, YouTube และ Instagram ก็ไม่ได้สนใจจะเข้ามาพัฒนาแอปพลิเคชันบนระบบนี้เลย
6
เรียกได้ว่าตลาดระบบปฏิบัติการสมาร์ตโฟนไม่มีที่ว่างให้กับ คู่แข่งรายที่ 3 อย่าง Windows Phone
1
และแม้ว่าในปี 2014 Microsoft จะยังสู้ต่อด้วยการซื้อกิจการส่วนที่เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ Nokia คิดเป็นมูลค่า 2.4 แสนล้านบาท
1
แต่ในวันนั้น กว่า 80% ของผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการสมาร์ตโฟนทั่วโลก ตกเป็นของ Android ไปแล้ว เป็นที่เรียบร้อย
2
ในที่สุด Windows Phone จึงแพ้ให้กับ Android แบบหมดทางสู้
จนกระทั่งปี 2017 หรือ 10 ปีหลังจากที่ iPhone เปิดตัว
Microsoft ได้ตัดสินใจปิดตัว Windows Phone อย่างเป็นทางการ
5
ย้อนกลับไปวันนั้น..
วันที่ iPhone เปิดตัว
คู่แข่ง 2 รายที่อยู่ในตลาดมองเห็นภาพเดียวกัน แต่เลือกที่จะทำแตกต่างกัน
7
Microsoft เลือกที่จะไม่สนใจ
แต่ Google มองว่ามันคือการปฏิวัติวงการเทคโนโลยี
6
จนในวันนี้ Google ก็สามารถเติบโตไปกับตลาดสมาร์ตโฟนได้มหาศาล ทั้งจากการพัฒนาระบบปฏิบัติการ Android รวมไปถึงการพัฒนา Google Apps เช่น Gmail, Google Docs และ Google Drive ที่ผู้ใช้งานสมาร์ตโฟนยังคงเลือกใช้งานเป็นลำดับต้น ๆ
3
และยังรวมไปถึงการตัดสินใจเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์เป็นของตัวเองในปี 2008
นั่นก็คือ “Google Chrome” ที่ปัจจุบัน ได้กลายมาเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากสุดในโลก
แซงหน้า Internet Explorer ของ Microsoft ได้ในปี 2012 จนถึงปัจจุบัน
10
มาถึงตรงนี้ สิ่งที่ Ballmer เคยพูดไว้ว่า iPhone ไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวของ Microsoft ก็อาจจะไม่ได้ผิดเสียทีเดียว
2
เพราะผู้ที่ทำให้ชื่อของ Microsoft หายไปจากตลาดสมาร์ตโฟน ไม่ใช่ iPhone
แต่กลับเป็นผู้ที่มองเห็นความยิ่งใหญ่ของ iPhone มาตั้งแต่แรก อย่าง Android นั่นเอง..
13
โฆษณา