14 ต.ค. 2021 เวลา 03:15 • กีฬา
นี่คือนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ณ ช่วงเวลาหนึ่ง "โรนัลโด้" แห่งบาร์เซโลน่า กับประตูมหัศจรรย์ที่เขายิงได้ แม้จะผ่านไป 25 ปีแล้ว แต่คนไม่เคยลืม
1
สิ่งที่ทุกคนรู้ คือโรนัลโด้ย้ายจากพีเอสวี มาบาร์เซโลน่า ในซัมเมอร์ปี 1996 ด้วยราคาสถิติโลก แต่สตอรี่เบื้องหลังที่หลายคนอาจไม่ทราบคือเป้าหมายแรกสุดของบาร์เซโลน่า ความจริงไม่ใช่โรนัลโด้ แต่เป็นอลัน เชียเรอร์ ของแบล็คเบิร์น โรเวอร์สต่างหาก
เรื่องราวทั้งหมด เกิดขึ้นหลังจากโยฮัน ครัฟฟ์ คุมบาร์ซ่าพลาดแชมป์มา 2 ปีติดต่อกัน (1994-95 และ 1995-96) ทำให้เขาตัดสินใจแยกทางกับทีม ก่อนที่บาร์ซ่าจะแต่งตั้ง บ๊อบบี้ ร็อบสัน กุนซือมากประสบการณ์ชาวอังกฤษ เข้ามาเสียบตำแหน่งแทน
ร็อบสันเคยคุมทั้งพีเอสวี และปอร์โต้มาก่อน รวมถึงพาทีมชาติอังกฤษไปถึงรอบรองชนะเลิศในฟุตบอลโลกอีกด้วย นั่นทำให้ประธานสโมสร โจเซป หลุยส์ นูนเยซ มั่นใจว่า นี่ล่ะเป็นชอยส์ที่ถูกต้อง
องค์ประกอบรวมๆ ของบาร์ซ่าในชุดนั้น ก็นับว่าโอเค มีทั้งเป๊ป กวาร์ดิโอล่า, โรล็องต์ บลองค์, อีบัน เด ลา เปนญ่า และ หลุยส์ เอ็นริเก้ ว่าตรงๆ ก็มี Squad ที่ไม่ได้แย่
อย่างไรก็ตามจุดอ่อนของบาร์ซ่า ณ ขณะนั้นที่ใครๆ ก็เห็นคือตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า
ซีซั่น 1994-95 ดาวซัลโวในลีกของบาร์ซ่า คือโรนัลด์ คูมัน, จอร์ดี้ ครัฟฟ์ และ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ (9 ประตูเท่ากัน)
ซีซั่น 1995-96 ดาวซัลโวของทีมคือ ออสการ์ การ์เซีย (10 ประตู)
1
จะเห็นได้ว่าในช่วง 2 ปีสุดท้ายของโยฮัน ครัฟฟ์ ไม่มีกองหน้าคนไหนที่ฝากความหวังได้เลย นั่นทำให้ภารกิจแรกที่ประธานสโมสรร้องขอจากบ๊อบบี้ ร็อบสัน คือช่วยหากองหน้าสักคนที่จะมาเป็นตัวหลักของทีม จะให้จ่ายเงินซื้อก็ได้ ขอให้ดีจริงก็พอ
ประธานนูนเยซเอ่ยปากถามว่า "บ๊อบบี้ เราต้องการกองหน้าระดับท็อป คนที่จะทำให้แฟนๆ ตื่นเต้น คนที่การันตีว่าจะยิงได้เยอะๆ คุณรู้จักใครที่มีความสามารถประมาณนั้นบ้างไหม"
ร็อบสันตอบว่า "ผมรู้จักนักเตะคนหนึ่งที่อังกฤษ เขาชื่ออลัน เชียเรอร์ สามารถยิงประตูได้ทุกระยะของสนาม ถ้าเขามีเพื่อนร่วมทีมที่ดี อย่างกวาร์ดิโอล่า หรือสตอยช์คอฟ รับรองได้ว่าเชียเรอร์คนนี้ จะยิงได้ขั้นต่ำ 30 ลูกต่อฤดูกาล"
ประธานนูนเยซเชื่อที่ร็อบสันบอก เขาส่งรองประธานสโมสร โจน กาสปาร์ต ไปดูฟอร์มเชียเรอร์ ในศึกยูโร 1996 ในแมตช์ที่อังกฤษเอาชนะสเปนได้สำเร็จ และก็เห็นพ้องตรงกับร็อบสันว่า เชียเรอร์เป็นของจริง สมควรที่จะซื้อมาร่วมทีมด้วยทันที
เมื่อตกลงใจว่า จะเอาแน่ๆ แล้ว ร็อบสันโทรศัพท์หา เรย์ ฮาร์ฟอร์ด ผู้จัดการทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส "เรย์ ผมอยากจะซื้ออลัน เชียเรอร์ คุณยินดีฟังข้อเสนอไหม"
แต่ฮาร์ฟอร์ดตอบกลับมาอย่างเย็นชาว่า "ไม่มีทาง เขาไม่ได้มีไว้ขาย ประธานสโมสรไม่ปล่อยเขาแน่ ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ก็ตาม" ฝั่งร็อบสันก็ไม่ยอม ตอบโต้กลับไปว่า "แต่บาร์เซโลน่ามีงบประมาณมากพอจะซื้อนะ"
แต่ฝั่งฮาร์ฟอร์ด และแบล็คเบิร์น ก็ไม่อยากจะคุยด้วย เขาสวนกลับมาว่า "บ็อบบี้ ผมบอกแล้วไง ว่าเขาไม่ได้มีไว้ขาย ผมไม่อยากเห็นข่าวเรื่องนี้ในหน้าหนังสือพิมพ์ เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกกวนใจ จริงๆ คุณอาจจะแอบลอบคุยกับนักเตะลับหลังสโมสรก็ได้ แต่ผมไม่คิดว่าคนที่เป็นสุภาพบุรุษอย่างคุณจะทำแบบนั้นหรอกใช่ไหม"
2
เมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่ายังไงก็ไม่ขาย ทำให้ประธานนูนเยซ ถามร็อบสันต่อว่า เอาล่ะ ถ้าไม่มีเชียเรอร์ มีใครหรือเปล่าที่เป็นอ็อปชั่นเบอร์ 2
ร็อบสันจึงแนะนำโรนัลโด้ กองหน้าจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ที่มีอายุย่าง 20 ปี นี่คือเจ้าของสถิติดาวซัลโวของลีกดัตช์ ด้วยจำนวน 30 ประตู จากการลงเล่น 33 เกม
ร็อบสันกล่าวว่า "เด็กคนนี้มีพรสวรรค์สูงมาก เขาเลี้ยงบอลดีกว่าเชียเรอร์ แต่มีความแข็งแกร่งของร่างกาย และมีความเป็นผู้ใหญ่น้อยกว่า" ซึ่งพอได้ยินดังนั้น ประธานนูนเยซ จึงถามกลับไปว่า เขาควรจะมีราคาเท่าไหร่
1
"คือผมพอรู้จักกับคนในสโมสรพีเอสวีอยู่บ้าง ผมคิดว่าเราจ่าย 10 ล้านดอลลาร์ น่าจะได้ตัวเขาแล้ว" ร็อบสันนั้นเคยทำงานเป็นเฮดโค้ชของพีเอสวีมาก่อน ในช่วงปี 1990-1992 จึงเชื่อว่า สโมสรที่คุ้นเคยกัน จะไม่โขกสับราคาจนโหดเกินไปนัก
แต่พีเอสวี ปฏิเสธตัวเลข 10 ล้านดอลลาร์อย่างง่ายดาย ฝั่งบาร์ซ่าจึงยื่นเพิ่มเป็น 11 ล้าน ตามด้วย 12 ล้าน แต่ก็โดนปฏิเสธทั้งหมด
1
เมื่อโดนปฏิเสธหลายๆ รอบ ร็อบสันจึงยื่นโป้งไปที่ 18 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นงบที่สูงกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ตอนแรกเยอะมาก แต่ประเด็นคือฤดูกาลจะเริ่มแล้ว ยังไงก็ต้องซื้อกองหน้ามาให้ได้
1
การอัพราคาเป็น 18 ล้านดอลลาร์ ทำให้ประธานนูนเยซตกใจ เพราะมันเป็นตัวเลขที่สูงมากๆ ราคาขนาดนี้เอาไปซื้ออลัน เชียเรอร์ อย่างที่ตั้งใจตอนแรกไม่ดีกว่าหรือ
เพราะถ้าพูดถึงชื่อเสียงแล้ว ณ เวลานั้น เชียเรอร์ดังกว่าเยอะ เขาได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้วและเป็นคีย์แมนของทีมชาติอังกฤษ ต่างจากโรนัลโด้ที่เก่งในลีกฮอลแลนด์ เราเคยเห็นนักเตะในลีกดัตช์หลายคน ที่เหมือนจะเก่งกาจ แต่พอย้ายไปลีกใหญ่ก็ดับ ไม่มีอะไรการันตีว่ากรณีแบบนั้น จะไม่เกิดกับโรนัลโด้
1
ยิ่งไปกว่านั้น มีสัญญาณแปลกๆ คือไม่มีสโมสรอื่นๆ ที่รุมแย่งซื้อตัวโรนัลโด้เลย มีแต่บาร์ซ่าที่ยื่นราคามาอยู่ทีมเดียว ซึ่งนับว่าพิลึก ถ้าหากนักเตะเก่งจริง มันต้องมีทีมอื่นยื่นข้อเสนอให้บ้างสิ
ในเรื่องนี้ ร็อบสันกล่าวว่า "ตอนนั้นผมก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน หรือจะมีจุดด้อยบางอย่างของโรนัลโด้ที่ทุกคนเห็น แต่ผมไม่เห็น"
1
แม้จะอัพราคาเป็น 18 ล้านดอลลาร์ แต่พีเอสวีก็ยังไม่ขาย คราวนี้ ร็อบสันโทรศัพท์สายตรงหา แฮร์รี่ ฟาน ราย ประธานสโมสรพีเอสวีเพื่อคุยแบบเปิดอก "แฮร์รี่ คุณเอาแต่ปฏิเสธข้อเสนอของเรา คือคุณพอจะบอกตัวเลขในใจได้ไหม ผมไม่ได้บอกว่าเราจะจ่ายนะ แต่ผมอยากรู้ว่าเลขที่คุณพอใจคือเท่าไหร่"
1
ประธานพีเอสวีตอบกลับมาว่า "เราอาจจะตกลงถ้าได้ 20 ล้านดอลลาร์"
1
"คุณอาจตกลง หรือ คุณจะตกลง ผมต้องการความชัดเจน ถ้าผมยื่น 20 ล้านดอลลาร์ให้คุณวันพรุ่งนี้ คุณจะขายไหม" ร็อบสันถาม และได้คำตอบว่า "ขาย เราจะขายถ้าได้ราคา 20 ล้านดอลลาร์"
3
ประธานนูนเยซ เมื่อได้รู้ตัวเลขที่ต้องจ่าย ก็ตกใจมาก เพราะเป็นตัวเลขที่เกินจากงบที่วางไว้ 1 เท่าตัว และที่สำคัญ มันคือราคาสถิติโลก
สถิติค่าตัวสูงสุดก่อนหน้านี้ เป็นของจิอันลุยจิ เลนตินี่ ย้ายจากโตริโน่ ไปเอซี มิลาน ด้วยราคา 13 ล้านปอนด์ แต่ถ้าบาร์ซ่าซื้อโรนัลโด้ในราคา 20 ล้านดอลลาร์จริงๆ (แปลงเป็นเงินปอนด์ จะได้ 13.2 ล้านปอนด์) ก็จะทำลายสถิติโลกทันที
ประธานนูนเยซ บอกร็อบสันว่า "20 ล้านดอลลาร์งั้นหรือ ในตอนแรกคุณบอกว่า 10 ล้านไง!" ซึ่งร็อบสันก็ได้แต่บอกว่า เขาทำอะไรไม่ได้จริงๆ นี่เป็นราคาที่พีเอสวีพอใจ
2
ฝั่งพีเอสวีคงต้องการบันทึกประวัติศาสตร์ว่า เป็นสโมสรที่ขายนักเตะได้ราคาสถิติโลก ก็เลยขายต่ำกว่านี้ไม่ได้จริงๆ
สุดท้ายนูนเยซ กัดฟันจ่ายให้พีเอสวีไป 20 ล้านดอลลาร์ พร้อมกับบ่นอุบว่าแพงเกินไป เด็กอายุ 20 ปี ที่ยังไม่เคยได้เล่นฟุตบอลโลกสักนัด ทำไมราคามันสูงเว่อร์วังขนาดนั้น ราคาสถิติโลกเนี่ยนะ
2
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประธานนูนเยซคาดเดาไม่ได้คือ กับสิ่งที่โรนัลโด้กำลังจะทำให้บาร์เซโลน่า ตัวเลข 20 ล้านดอลลาร์ที่จ่ายไป เป็นราคาที่ถูกอย่างเหลือเชื่อ
1
เมื่อโรนัลโด้ย้ายมาบาร์เซโลน่า เขายิงกระจุยแบบที่คุณคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าจะมีนักเตะสักคน ที่ซัดประตูได้ทุกรูปแบบขนาดนี้ เท้าซ้าย เท้าขวา โหม่ง ยิงชิพ ยิงนอกเขตโทษ ล็อกหลบโกล์ ไม่มีวิธีการยิงแบบไหน ที่เขาทำไม่ได้
4
แฮตทริกที่ยิงใส่บาเลนเซีย ได้รับการยกย่องว่าเป็นแฮตทริกที่เหนือชั้นที่สุดตลอดกาล คือไม่ใช่แค่ยิง 3 ลูก แต่เป็นการยิงที่สุดยอดทั้ง 3 ลูก
3
ประตูแรก โรนัลโด้เลี้ยงแหวกกองหลัง 2 คนมาดื้อๆ จนไปดวลเดี่ยวกับนายทวารแล้วยิงสวนตัวเข้าไปแบบคมกริบสุดๆด้วยเท้าขวา
ประตูสอง โรนัลโด้เล่นเกมโต้กลับเร็ว สปรินท์รวดเดียวถึงหน้าประตูแล้วคราวนี้ซัดด้วยซ้าย ซึ่งก็เข้าประตูไปแบบหมดสิทธิ์ต้านทาน โรนัลโด้ยิงคมทั้งสองเท้า
1
ประตูที่สามยิ่งแล้วใหญ่ แฟนบอลใช้คำว่า out of this world คือเหลือเชื่อราวกับมาจากนอกโลก โรนัลโด้เลี้ยงจากกลางสนาม เร็วจัดและแข็งแกร่ง แหวกทุกคนที่ขวางหน้าเหมือนเอามีดร้อนๆผ่าเนย ลูกนี้มันบ้าชัดๆ แล้วก็ยิงด้วยขวาเข้าไปแบบคมมากจริงๆ
1
ร็อบสันเล่าว่า "ตอนผมเห็นเขายิงลูกที่สาม ผมลุกขึ้นไปบอกโชเซ่ มูรินโญ่ ผู้ช่วยของผมว่า ดูนั่นสิโชเซ่! เหลือเชื่อสุดๆ สวยอะไรขนาดนี้!"
และอีกหนึ่งประตู ที่ใครๆ ก็พูดถึงกันเสมอ คือประตูที่ยิงใส่คอมโปสเตล่า ในวันที่ 12 ตุลาคม 1996 หรือเมื่อวานนี้เมื่อ 25 ปีที่แล้ว
ถ้าพูดถึงประตู "เลี้ยงครึ่งสนาม" ที่สวยที่สุดตลอดกาล ลูกนี้ของโรนัลโด้ อยู่ในระดับเทียบเคียงกับลูกยิงของดีเอโก้ มาราโดน่า ในฟุตบอลโลก 1986 และ ลูกกระชากของไรอัน กิ๊กส์ ในเอฟเอคัพ ปี 1999 คือมันน่าจดจำขนาดนั้น
โรนัลโด้ได้บอลจากกลางสนาม เขาโดนซาอิด ชีบา กองกลางของคู่แข่งอัดหนักๆ กะให้ร่วง เพื่อตัดเกม แต่โรนัลโด้ไม่ล้ม เขาใช้ความเร็วสปรินท์หนี โฆเซ่ ราม่อน กองกลางอีกคน จนไปถึงเขตโทษของคอมโปสเตล่า
วิลเลียม กองหลังของคู่แข่งมาช่วยซ้อนกะจะแย่งบอลให้ได้ แต่เขาโดนหลอกหลังหัก จากนั้นโฆเซ่ ราม่อนลงมากะหวดโรนัลโด้ให้ล้มแต่เขาไม่ล้ม ก่อนจะตวัดยิงด้วยเท้าขวาผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไป
1
มันน่าจดจำ เพราะมันมีองค์ประกอบครบ มันเป็นส่วนผสมของเทคนิค ความเร็ว ความแข็งแกร่ง และความคม ทุกอย่างที่คุณคาดหวังจากกองหน้าสักคน รวมอยู่ในประตูนี้ทั้งหมด
ลูกนี้เกิดขึ้นได้ เพราะผู้ตัดสิน เลือกปล่อยให้ได้เปรียบ โดยวิคเตอร์ เอสกีนาส ผู้ตัดสินในนัดนี้เล่าว่า "มีหลายหนเหมือนกันที่ผมเกือบจะเป่านกหวีดออกไปแล้ว แต่ผมก็ปล่อยให้เกมเดินต่อ" กล่าวคือโรนัลโด้โดนหวดจงใจเอาฟาวล์ กรรมการบางคนอาจหยุดเกมไปก่อน แต่ผู้ตัดสินเอสกีนาส ปล่อยให้เกมไหลต่อ ซึ่งเป็นจุดสำคัญมากที่ทำให้ประตูนี้เกิดขึ้น
ในขณะที่ฝั่งคอมโปสเตล่า แทนที่จะเสียใจที่โดนยิง แต่พวกเขากลับรู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้อยู่ในโมเมนต์คลาสสิคของโลกฟุตบอล โดยวิลเลียม กองหลังที่โดนหลอกหลังหักกล่าวว่า "ถ้าผมนั่งอยู่บนสแตนด์ ลูกนี้ผมคงลุกขึ้นมาปรบมือเหมือนกัน"
ส่วนเฟร์นันโด ผู้รักษาประตูที่โดนยิงกล่าวว่า "ผมคิดว่าโรนัลโด้คงจะร่วงแถวๆ กลางสนาม แต่เขาค่อยๆ เข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น ผมคิดในใจ ณ โมเมนต์นั้นว่า พระเจ้า มันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว"
โรนัลโด้ใช้เวลา 12 วินาที แตะบอลทั้งหมด 14 ครั้ง เลี้ยงจากแดนตัวเองไปจนทำสกอร์ได้สำเร็จ รวมระยะทาง 48 เมตร ซึ่งโรนัลโด้เองก็ยังยอมรับในภายหลังว่า "นี่คือลูกที่สวยที่สุด และยากที่สุดที่ผมเคยยิง"
2
ในวันรุ่งขึ้น หน้า 1 ของหนังสือพิมพ์มาร์ก้า ลงภาพโรนัลโด้เต็มหน้าและเขียนคำเดียวว่า "อัจฉริยะ" คือไม่บ่อยนักที่สื่อจากฝั่งมาดริด จะสดุดีนักเตะบาร์เซโลน่า แต่คราวนี้ต้องยอมจริงๆ
1
ผลงานของโรนัลโด้นั้นไม่มีข้อสงสัย ฤดูกาล 1996-97 เป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตนักฟุตบอลของเขาด้วย 47 ประตูจาก 49 เกม อะไรจะยิงระเบิดเถิดเทิงขนาดนั้น
ไม่ใช่แค่จำนวน แต่คุณภาพของแต่ละลูก ก็อยู่ในระดับสูงสุดด้วย ณ เวลานั้นคนจึงเข้าใจว่า ทำไมฉายาของโรนัลโด้คือ "อิล ฟิโนมิโน่" หรือที่แปลว่า ปรากฏการณ์ เพราะการมีอยู่ของเขา เป็นปรากฏการณ์ในโลกฟุตบอลจริงๆ
1
เร็ว แข็งแกร่ง เทคนิคแพรวพราว ทุกอย่างที่คุณต้องการในตัวกองหน้าตัวเป้า ไม่มีอะไรที่โรนัลโด้ไม่มี
หลังจากอยู่บาร์เซโลน่า 1 ปี อินเตอร์ มิลานจ่ายค่าฉีกสัญญา 38 ล้านดอลลาร์ ดึงโรนัลโด้ไปอยู่ด้วย เส้นทางของเขากับบาร์ซ่าจึงจบลงสั้นๆ แค่นี้
อย่างไรก็ตาม 1 ปี อันยอดเยี่ยมของโรนัลโด้ คงทำให้ประธานนูนเยซคงได้เข้าใจแล้วว่าราคา 20 ล้านที่กัดฟันจ่ายให้พีเอสวีไป มันถูกเหมือนได้เปล่า เอาแค่ประตูยิงใส่คอมโปสเตล่าลูกเดียวก็คุ้มแล้ว
#MIRACLE
3
โฆษณา