15 ต.ค. 2021 เวลา 01:53 • ท่องเที่ยว
Turkey (15) .. Sultankani Caravansarai ที่พักของกองคาราวานสมัยโบราณ
เส้นทางสายไหม .. เป็นเส้นทางที่สร้างเพื่อเชื่อมต่อระหว่างเอเชียกับยุโรป โดยเฉพาะจีนอันเป็นจุดเริ่มต้นทางตะวันออก ตรงไปจนถึงเมดิเตอร์เรเนียนและยุโรป ระหว่างทางอาจจะมีแยกซ้ายขวาออกไปบ้าง แต่หากนับระยะทางง่ายๆ เส้นทางสายนี้มีความยาวราว 6400 กิโลเมตร ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ
คำว่า “เส้นทางสายไหม” .. เพิ่งจะใช้กับเมื่อราวสองพันปีก่อนนี่เอง ในช่วงราชวงศ์ฮั่น ช่วงนั้นเมืองจีนส่งออกสินค้าผ้าไหมจำนวนมาก ซึ่งใช้การขนส่งมาตามเส้นทางนี้ จึงมีชื่อเรียกว่า เส้นทางสายไหม เพราะเหตุนี้เอง
เส้นทางสายไหมมีชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้งในยุคที่ มาร์โคโปโล นักเดินทางชาวยุโรปรายแรกๆในศตวรรษที่ 13 ที่ใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางไปยังเมืองจีน .. บันทึกเรื่อง The Travel of Marco Polo กลายเป็นหนังสือตำนานการเดินทางยุคบุกเบิก และโด่งดังข้ามหลายศตวรรษ
มาร์โคโปโล ได้ใช้เส้นทางสายนี้ผ่านตุรกีทั้งไปและกลับ .. ในยุคนั้นจึงมีคาราวานอูฐเดินทางผ่านพื้นที่แห้งแล้งเป็นระยะทางไกลๆ และใรระหว่างการเดินทาง ก็จะต้องระแวดระวังในเรื่องของโจรผู้ร้ายที่อาจจะโผล่มาปล้นสะดมภ์ ทำร้าย ปล้นฆ่า .. จึงต้องมีการาสร้างที่พักระหว่างทาง
ที่พักที่สร้างขึ้นในเส้นทางมักจะเป็นแบบป้อมค่าย ที่มีกำแพงสูงมิดชิด .. นอกจากเพื่อป้องกันลมหนาวที่เย็นยะเยือกกลางทุ่งกึ่งทะเลทรายที่อันตรายแล้ว ยังเพื่อป้องกันการโจมตี การเข้ามาปล้นสินค้า และเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนของคนแรมทางและสัตว์ที่เป็นพาหนะอีกด้วย
เราเดินทางผ่านทุงหญ้าที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่มากๆ ใช้เวลาเดินทางข้ามทุ่งนาน .. จนมาถึงป้อมที่น่าตลึง
Caravansarai … เป็นที่พักสำหรับคนแรมทางในเส้นทางสายไหมโบราณ ซึ่งเริ่มจากจีนไปจนถึงอิหร่าน โดยทุกๆ 40 กิโลเมตร จะมีคาราวานสไลด์ 1 แห่ง
Sultankani Caravansarai ในตุรกี .. เริ่มสร้างโดย Akaattin Kykubat 1 ในปี 1229 … แต่หลังเกิดไฟไหม้ก็ได้รับการบูรณะและขยายให้ใหญ่ขึ้นโดย Governor Siracettin Al Hasen ในปี 1278 .. คาราวานสไลด์ของที่นี่ใหญ่ที่สุดในตุรกี
ป้อมที่เราไปเยือน ด้านนอกเป็นกำแพงหินทรายสูงมาก เอาไว้ลาดตระเวน .. ความสูงอาจจะเท่ากับตึก 5-6 ชั้น ดูแล้วมั่นคงเหมือนป้อมทหาร โจรจะเข้ามาโจมตีก็คงยากมากๆในการหาบันไดมาปีนข้ามกำแพง ต้องใช้กำลังพลไม่น้อยหากจะโจมตี และอาจจะไม่คุ้มกับการปล้นสักเท่าไหร่
ทางเข้าหลักจะอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ... ประตูของป้อมสูงโดดเด่นมากทีเดียว เพื่อให้อูฐที่สูงใหญ่ที่ขนคน ขนสินค้าสามารถที่จะเข้ามาได้สะดวก
ประตูทางเข้าหลัก สร้างด้วยหินอ่อน สลักเสลาอย่างงดงามในสไตล์ของศิลปะแบบอิสลาม ซึ่งมักจะเป็นลวดลายที่เป็นทรงเรขาคณิต และเป็นลวดลายที่เลือกใช้จากพื้นฐานทัศนะของอิสลามที่มีต่อโลก
สำหรับชาวมุสลิมแล้วลวดลายของการตกแต่งดังกล่าว เป็นลวดลายที่ต่อเนื่องเลยไปจากโลกที่เราอยู่ หรืออาจจะพูดได้ว่า เป็นลวดลายที่เป็นสัญลักษณ์ของความไม่สิ้นสุด
ฉะนั้นศิลปินอาหรับจึงสื่อความหมายของจิตวิญญาณโดยไม่ใช้ไอคอนเช่นที่ใช้ในศิลปะของคริสต์ศาสนา
ด้านข้างของประตูทางเข้า .. สลักหินอ่อนด้วยลวดลายศิลปะแบบอิสลาม สวยมากทีเดียว
ลานกว้าง อยู่ถัดจากประตูทางเข้า ... พื้นที่กว้างมาก สามารถรับคาราวานอูฐได้ครั้งละหลายกอง พื้นที่ด้านในประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นพื้นที่โล่ง ซึ่งจะใช้ในช่วงหน้าร้อน และส่วนที่มีหลังคาคลุม ซึ่งใช้ในฤดูหนาว
รอบๆลานมีกำแพงหนา .. ตรงกลางลานมีซุ้มทำจากหินทรายเรียงกันเป็นชั้นๆ มีบ่อน้ำเล็กๆให้คนแรมทางได้ใช้ล้างหน้า ล้างมือ ทำความสะอาดก่อนการละหมาด
… ตรงกลางเป็นสุเหร่าเล็กๆ เพื่อใช้ประกอบศาสนกิจ
ด้านในที่ถัดไปจะเป็นอาคารขนาดใหญ่มาก เป็นอาคารที่มีหลังคา 2 หลังที่มีขนาดใกล้เคียงกัน เป็นที่พักแบบรวมของกองคาราวาน และว่ากันว่าสแต่ละอาคารสามารถรองรับคนได้นับพันแบบสบายๆ (มีพื้นที่แบบ VIP ซึ่งคงต้องจ่ายพิเศษมากโขอยู่) .. มีโดมเล็กๆขึ้นไปข้างบนพร้อมกับช่องแสง
.. ขณะเดินชม ก็อดที่จะจินตนาการไปไม่ได้ว่า ในสมัยที่ยังมีกองคาราวานมาพัก บรรยากาศท่ามกลางแสงสลัวจากกองไฟ กลิ่นอาหารที่โชยมาตามลม และคงคึกคักด้วยเสียงพูดคุย ทักทาย เรื่องเล่าของการเดินทาง และเสียงสรวลเสเฮฮาจากการสังสรรค์ของคนแรมทางจากทุกสารทิศที่มาพักในที่เดียวกัน
.. สำหรับที่พักคนแรมทางมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่เปิดใช้งานในช่วงหน้าร้อน และส่วนที่ปิดจะใช้งานในช่วงหน้าหนาว
Caravansarai ในตุรกี อาจจะไม่อลังการเท่าป้อมต่างๆในอินเดีย … แต่ก็น่าสนใจมากมายด้วยเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ขแองเส้นทางสายไหมที่โด่งดัง
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา