15 ต.ค. 2021 เวลา 11:18 • ประวัติศาสตร์
"ส่องภาพสลักวันเทโวโรหณะ : มรดกสองพันปีในพิพิธภัณฑ์เมืองโกลกาตา" เรื่องเล่าจากคอลัมน์ "ทัศนศึกษา Sight & See ไปกับครูพี่ต้นคูน" บนแอป 2read
พระพุทธรูปศิลปะคันธาระ (พุทธศตวรรษที่ 6 – 9) ใน Indian Museum
ในเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอยู่สองวัน แต่มักจะไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงเนื่องจากโดยปกติแล้วไม่ใช่วันหยุดราชการ วันแรกคือวันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ถือเป็นวันสิ้นสุดการเข้าพรรษาตลอดสามเดือนของพระภิกษุสงฆ์ตามประเพณี และวันที่สองคือวันเทโวโรหณะ ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถือเป็นวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่เมืองสังกัสสะ ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศอินเดียในปัจจุบัน โดยในพรรษานั้น (พรรษาที่ 7 นับแต่ตรัสรู้) มีเรื่องเล่าว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปประทับจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อโปรดพระพุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายาที่สิ้นพระชนม์ไปหลังเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 7 วันและไปจุติเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์
สถูปภารหุต (Bharhut Stupa) สืบค้นจาก https://www.britannica.com/place/Bharhut เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564
ปีพุทธศักราช 2564 วันออกพรรษาตรงกับวันที่ 21 ตุลาคม เป็นวันหยุดราชการพิเศษประจำภาคกลาง และวันเทโวโรหณะตรงกับวันที่ 22 ตุลาคม เป็นวันหยุดราชการเช่นกัน ในฐานะวันหยุดชดเชยวันปิยมหาราช (23 ตุลาคม) ในโอกาสนี้ ผมจะพาทุกท่านไปส่องดูภาพสลักของศิลปะสมัยภารหุต (Bharhut Sculpture) เกี่ยวกับเรื่องราวการเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นภาพสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติตอนนี้ที่เก่าแก่ที่สุดชิ้นหนึ่งของโลก คือมีอายุอยู่ในสมัยราชวงศ์ศุงคะของอินเดีย กำหนดอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 5 – 6 ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์อินเดีย (Indian Museum) เมืองโกลกาตา (Kolkata) รัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย
พุทธประวัติยุคต้น
พุทธประวัติระยะแรกในประวัติศาสตร์โลกไม่ได้มีการเขียนขึ้นอย่างชีวประวัติที่เป็นระบบ (ตั้งแต่ประสูติถึงปรินิพพาน) แบบที่เราคุ้นเคยกัน แต่เราสามารถพบเรื่องราวที่เป็นประวัติของพระพุทธเจ้ากระจัดกระจายอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มต่าง ๆ ได้ เช่น พระวินัยปิฎก และพระสุตตันตปิฎก และพบในคัมภีร์ชั้นหลังที่มีการประพันธ์เพิ่มเติม เช่น ในขุททกนิกายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระสุตตันตปิฎก (นิกาย หมายถึง ส่วนย่อย) ปรากฏเรื่องของพระพุทธเจ้าและอดีตพุทธเจ้าอยู่ในเรื่องพุทธวงศ์ ชาดก และจริยาปิฎก เป็นต้น โดยพุทธประวัติแบบดั้งเดิมนั้นจะแสดงสถานะของพระพุทธเจ้าในฐานะบุคคลธรรมดาที่เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ส่วนปาฏิหาริย์ทั้งหลายในพุทธประวัติอาจจะมีอยู่บ้าง ซึ่งน่าจะเกิดจากการเล่าแบบมุขปาฐะ (ปากต่อปาก)
อย่างไรก็ตามเมื่อพระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญขึ้น จึงเกิดวัฒนธรรมการนับถือพระพุทธเจ้าในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสมอด้วยพระผู้เป็นเจ้า เกิดคติโลกุตตระ คือพระพุทธเจ้าทรงเป็นยอดมนุษย์เหนือโลก และคติตถาคตครรภ์ คือพระพุทธคุณนั้นอยู่กับเราเสมอ จึงทำให้ในความรู้สึกของผู้คนนั้นพระพุทธเจ้ายังทรงดำรงอยู่เสมือนเป็นอมตะ และนำไปสู่การสร้างสรรค์ปาฏิหาริย์มากมายในพุทธประวัติในคัมภีร์ชั้นหลัง เช่น ลลิตวิสตระ พุทธจริต และมหาวัสดุ พุทธประวัติที่ผสมปาฏิหาริย์แบบมหายานนี้ได้เป็นแรงบันดาลใจให้คัมภีร์ชั้นหลังในนิกายเถรวาท เช่น อรรถกถาที่แต่งในลังกาเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 10 เป็นต้นมาเลือกรับปาฏิหาริย์บางอย่างไปไว้ในพุทธประวัติด้วย
งานแกะสลักที่ภารหุต (Bharhut Sculture)
พระพุทธรูปศิลปะคันธาระ (พุทธศตวรรษที่ 6 – 9) ใน Indian Museum
พระพุทธรูปศิลปะมถุรา (พุทธศตวรรษที่ 6 – 9) ใน Indian Museum
สถูปภารหุตเป็นสถูปโบราณอายุประมาณ 2,000 ปี ตั้งอยู่รัฐมัธยประเทศของประเทศอินเดีย ตั้งชื่อตามหมู่บ้านภารหุต (Bharhut) ในรัฐมัธยประเทศ ปัจจุบันมีสภาพรกร้าง อย่างไรก็ตามนักโบราณคดีได้พบงานแกะสลักเกี่ยวกับพุทธประวัติในระยะเริ่มแรกที่อยู่ในสภาพดีที่สถูปแห่งนี้ จึงมีการนำชิ้นส่วนส่วนใหญ่ของสถูปเหล่านี้มาเก็บรักษาเอาไว้ที่ Indian Museum เรียกกลุ่มโบราณวัตถุเหล่านี้รวมกันว่างานแกะสลักที่ภารหุต (Bharhut Sculture)
โตรณะและเวทิกาจากสถูปภารหุต
ชิ้นส่วนงานแกะสลักที่เด่นสะดุดตาที่สุดของงานแกะสลักที่ภารหุตก็คือโตรณะและเวทิกา (ซุ้มประตูและรั้ว) ซึ่งเป็นโตรณะที่เก่าแก่ที่สุดในศิลปะอินเดียเท่าที่มีการค้นพบในขณะนี้ บนโตรณะมีจารึกอักษรขโรษฐี (Kharosthi) ซึ่งเป็นอักษรที่โบราณที่สุดประเภทหนึ่งในประวัติศาสตร์อินเดีย อเล็กซานเดอร์ คันนิงแฮม (Alexander Cunningham) วิศวกรและนักโบราณคดีชาวอังกฤษเสนอว่าโตรณะและเวทิกาเหล่านี้น่าจะมีช่างจากแคว้นคันธาระ ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศปากีสถานปัจจุบันมาร่วมสร้าง และได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะของราชวงศ์อาร์เคเมนิด (Archaemenid)ในอารยธรรมเปอร์เซีย เช่น มีบัวหัวเสาทรงระฆังคว่ำ และรูปสิงห์หันหลังชนกัน)
หากสังเกตส่วนของเวทิกา จะยังเห็นองค์ประกอบต่าง ๆ ของเวทิกาที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มีอุษณีษะ (คานทับหลัง) สูจี (คานนอน) และสตัมภะ (เสา) รวมถึงมีลายวงกลมบรรจุภาพเล่าเรื่องด้วย ภาพเล่าเรื่องเหล่านี้เป็นพุทธประวัติแบบดั้งเดิมในยุคที่ยังไม่มีการสร้างพระพุทธรูป (พระพุทธรูปสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 6) เพราะฉะนั้นภาพสลักเหล่านี้จะแสดงพุทธประวัติด้วยระบบสัญลักษณ์ ดังที่พบจะยกตัวอย่างจากสภาพสลักเกี่ยวกับวันเทโวโรหณะ หรือวันเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีอายุเก่าแก่ที่สุดชิ้นหนึ่งของโลก
ภาพสลักเรื่องเทโวโรหณะ
ภาพสลักการเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระพุทธเจ้า ศิลปะภารหุต
ตำนานเล่าว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าโปรดเทพบุตรพระพุทธมารดาแล้ว พระอินทร์ได้ทรงเนรมิตบันได 3 อันทอดลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมายังประตูเมืองสังกัสสนคร บันไดที่แรกคือบันไดทองสำหรับเทพยดาตามเสด็จพระพุทธเจ้า บันไดที่สองคือบันไดเงินสำหรับท้าวมหาพรหม และบันไดที่สามคือบันไดแก้วมณี ซึ่งเป็นบันไดกลางสำหรับพระพุทธเจ้าเสด็จด้วยพระองค์เอง แต่เนื่องจากในสมัยที่สถูปภารหุตสร้างขึ้นยังไม่มีการสร้างพระพุทธรูปดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ในภาพสลักชิ้นนี้เราจะเห็นรอยพระบาท (รอยเท้า) ที่ด้านบนบันได และด้านล่างบันได แสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนที่ของพระพุทธองค์จากสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ และยังเห็นภาพสลักของบรรดาพระสงฆ์และผู้คนจำนวนมากที่มาเฝ้ารับเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่ในภายในภาพด้วย
เรื่องเล่านี้นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเป็นตำนานบอกเล่ากันแบบปากต่อปากหรือตำนานแบบมุขปาฐะ เพราะไม่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกตั้งแต่เริ่มแรก แต่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ชั้นอรรถกถาซึ่งเป็นคัมภีร์ที่แต่งขึ้นในสมัยหลัง อย่างไรก็ตามหลวงจีนเหี้ยนจัง (หรือพระถังซำจั๋ง) ที่เคยเดินทางไปถึงเมืองสังกัสสะ ในประเทศอินเดีย ได้บันทึกเอาไว้ว่า พระเจ้าอโศกมหาราช (ครองราชย์ พ.ศ. 275 – 311) ทรงพบตีนบันไดที่พระพุทธเจ้าทรงเคยใช้ในการเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จึงได้สร้างเสาอโศกไว้เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นสถานที่สำคัญในพุทธประวัติ (ตีนบันไดนี้อาจจะมีชนพื้นเมืองสร้างเอาไว้เคารพสักการะตามตำนานเล่าขาน) หากบันทึกของหลวงจีนเหี้ยนจังเป็นจริง นั่นก็หมายความว่าเรื่องเล่าปรัมปราว่าด้วยการเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระพุทธเจ้านั้นได้มีการแต่งขึ้นตั้งแต่ก่อนสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแล้ว
นอกจากรายละเอียดเกี่ยวกับการเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว ตำนานพุทธประวัติยังเล่าต่อไปอีกว่าในวันนั้นพระพุทธองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดภพภูมิทั้ง 31 ภพภูมิ ตั้งแต่พรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก ลงไปจนถึงนรกภูมิให้ได้มองเห็นกันหมด เป็นการเตือนใจผู้คนทั้งหลายให้งดเว้นประพฤติชั่วและประพฤติแต่ความดี วันเทโวโรหณะจึงมีอีกชื่อหนึ่งว่าวันพระเจ้าเปิดโลกตามตำนานที่ว่านี้ และมีประเพณีการตักบาตรเทโวในวันสำคัญนี้มาจนถึงปัจจุบัน อนึ่ง นักประวัติศาสตร์บางกลุ่มให้ความเห็นว่า การแต่งตำนานเรื่องพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ กวีในพระพุทธศาสนาน่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องตรีวิกรม หรือการแสดงความเป็นใหญ่ของพระวิษณุด้วยการก้าวเท้าลงบนสวรรค์ โลกมนุษย์ และโลกบาดาล เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือทุกภพภูมินั่นเอง
บรรยากาศในเมืองโกลกาตา (Kolkata) รัฐเบงกอลตะวันตก
นอกจากเหนือจากงานแกะสลักที่ภารหุตแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเป็นสถานที่รวบรวมของมีค่าต่างๆ ที่ค้นพบในอินเดียทุกยุคทุกสมัย ตลอดจนมีนิทรรศการหมุนเวียนนำโบราณวัตถุจากต่างประเทศมาให้ชมกันด้วย Indian Museum จึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับใครก็ตามที่เดินทางไปเยี่ยมชมนครโกลกาตา และผมแนะนำว่า ขอให้ทุกท่านเก็บโปรแกรมเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เอาไว้ในช่วงบ่าย เพราะจะได้หลีกเลี่ยงอากาศร้อน และมีเวลาเที่ยวชมได้อย่างจุใจครับ
แหล่งอ้างอิงประเภทเอกสาร
กำจร สุนพงษ์ศรี. (2553). ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดีย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เชษฐ์ ติงสัญชลี. (2562). พุทธประวัติระยะแรกในศิลปะอินเดียที่ภารหุตกับสาญจี (เอกสารประกอบคำบรรยาย).
📌 อ่านบทความอื่นๆ ในคอลัมน์ "ทัศนศึกษา Sight & See ไปกับครูพี่ต้นคูน" ที่แอป 2read หรือคลิกภาพด้านล่าง
📲ดาวน์โหลดแอป 2read จิ้มลิงก์นี้เลย! 👉 https://bit.ly/3bQtbiV
✅อ่านง่าย อ่านสะดวก อ่านที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ตามใจต้องการ มีบทฟรีให้อ่าน เลือกอ่านเฉพาะบทที่อยากอ่านก็ได้ ซื้ออ่านทั้งเล่ม (เล่มที่จบแล้ว) ลด 10% ก็ดี๊ดี ใช้เหรียญเงินเปิดอ่านฟรีดีต่อใจ❤️
📚มีทั้งหมวดการลงทุน ธุรกิจ พัฒนาตนเอง ไลฟ์สไตล์ (ประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยว) นิยาย การ์ตูน และคอลัมน์หลากหลายเรื่องราวที่น่าสนใจ จากผู้รู้ลึกที่หลงใหลในเรื่องราวนั้นๆ
🎉สมัครสมาชิกกับแอป 2read รับไปเลย 30 เหรียญเงิน ฟรี! เอาไว้ใช้อ่านหนังสือบนแอป 2read (เหรียญเงินมีวันหมดอายุนะ)
💥อย่าลืมแวะมาอ่านบทความฟรีของ 2read Around U
มีทั้งคอลัมน์ “JOURNALIST IN YOUR SIDE” โดย นักผจญข่าว
“สดทุกเช้า อ่านข่าวจีน” โดย พลตรีไชยสิทธิ์ ตันตยกุล
และ “ทัศนศึกษา Sight & See ไปกับครูพี่ต้นคูน” โดย พี่ต้นคูน - ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์
ชอบเรื่องไหน ก็ตามอ่านกันได้เลยที่แอป 2read ที่เดียว!
#2read #แอปที่มากกว่าการอ่านศูนย์กลางการอัพสกิล
โฆษณา