17 ต.ค. 2021 เวลา 08:09 • ประวัติศาสตร์
ทำไมราชวงศ์โรมานอฟจึงถูกปลงพระชนม์หมู่ทั้งครอบครัว?
ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับราชวงศ์โรมานอฟไว้หลายบทความแล้ว
5
หากแต่เรื่องราวของราชวงศ์นี้ ทั้งช่วงเวลาที่รุ่งเรืองและสิ้นสลาย ล้วนแต่มีแง่มุม เรื่องราวต่างๆ ให้ศึกษา
บทความนี้ผมจะเขียนถึงสาเหตุที่ว่าทำไมราชวงศ์โรมานอฟจึงถูกโค่นและปลงพระชนม์หมู่ทั้งครอบครัว หากแต่จะไม่ได้เขียนเป็นข้อๆ แต่เล่าถึงเบื้องหลัง เหตุการณ์ต่างๆ ก่อนการสังหาร และให้ผู้อ่านไปคิดเอาเองว่าทำไมจึงมีการสังหารครอบครัวโรมานอฟ
เมื่อ “จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Nicholas II)” ได้ขึ้นครองราชย์เป็น “ซาร์ (Czar)” หรือ “จักรพรรดิ” แห่งรัสเซีย ในเวลานั้น พระองค์ยังคงสับสนงงงวย
จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (Nicholas II)
คำถามที่พระองค์ทรงรับสั่งถามต่อที่ปรึกษาก็คือ
“อะไรจะเกิดขึ้นกับเราและรัสเซียทั้งประเทศหรือ?
พระองค์ยังรับสั่งต่ออีกว่า
“เราไม่ได้ถูกเตรียมพร้อมให้เป็นซาร์ เราไม่เคยอยากเป็นด้วยซ้ำ”
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย
อีก 24 ปีต่อมา ความไม่พร้อมนี้เองจะเป็นภัยต่อพระองค์ และทำให้ความรุ่งเรืองของพระองค์ต้องสิ้นสุดในที่สุด
รากฐานของการปลงพระชนม์ครอบครัวโรมานอฟนั้น ต้องย้อนไปตั้งแต่การขึ้นครองราชย์เป็นพระประมุขของพระองค์
จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ใน “จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย (Alexander III)” และพระองค์ก็ทรงเป็นรัชทายาทแห่งบัลลังก์รัสเซีย
1
แต่จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ก็ไม่ได้ทรงเตรียมความพร้อมให้พระราชโอรสอย่างเพียงพอ ซึ่งในเวลานั้น รัสเซียกำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายทางการเมือง โดยจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ทรงเป็นพระประมุขประเภทที่เชื่อว่าการปกครอง ต้องใช้บารมีทำให้ประชาชนหวาดกลัว
3
จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งรัสเซีย (Alexander III)
พระองค์ทรงห้ามไม่ให้ประชาชนในรัสเซียพูดภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษารัสเซีย และยังปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน รวมทั้งทำให้อำนาจของประชาชนนั้นอ่อนแอ
1
เมื่อเป็นอย่างนี้ ทำให้ภาระต่างๆ ตกมาอยู่กับจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ผู้เป็นพระราชโอรส ที่ต้องมารับช่วงต่อรัสเซียที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย
เพียงไม่กี่วันหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระองค์ในปีค.ศ.1894 (พ.ศ.2437) ประชาชนของพระองค์เกือบ 1,400 คนก็ต้องเสียชีวิต
1
ที่เป็นอย่างนั้น ก็เนื่องจากประชาชนจำนวนมากได้มารวมตัวกันในมอสโควเพื่อรอรับของขวัญและของที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หากแต่ด้วยความที่มีผู้คนมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความวุ่นวายและจบลงด้วยการที่ประชาชนเหยียบกันตาย
2
ตลอดรัชสมัยของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 พระองค์ต้องทรงพบกับการวิพากษ์วิจารณ์และความไม่พอใจของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง
รัฐบาลของพระองค์ก็ได้สังหารประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยในปีค.ศ.1905 (พ.ศ.2448) รัฐบาลก็ได้สังหารผู้ชุมนุมประท้วงเกือบ 100 คน
นอกจากนั้น พระองค์ยังต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์กับสภาดูมา (Duma) ซึ่งเป็นสภาผู้แทนของรัฐบาลรัสเซีย
“เจ้าชายอเล็กเซย์ (Alexei Romanov)” พระราชโอรสของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ทรงประชวรด้วยโรคฮีโมฟีเลีย ซึ่งทำให้พระโลหิตไหลไม่หยุด และเป็นอันตราย
“จักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย (Alexandra Feodorovna)” พระมเหสีของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ก็ทรงหลงและยำเกรง “กริกอรี รัสปูติน (Grigori Rasputin)” ผู้วิเศษซึ่งพระองค์ทรงเชื่อว่าสามารถช่วยชีวิตของเจ้าชายอเล็กเซย์ได้
1
เจ้าชายอเล็กเซย์ (Alexei Romanov)
จักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย (Alexandra Feodorovna)
กริกอรี รัสปูติน (Grigori Rasputin)
ยิ่งนานวัน รัสปูตินก็ยิ่งมีอิทธิพลต่อราชวงศ์ ต่อครอบครัวโรมานอฟ และทำให้ทั้งประชาชนและเหล่าขุนนางระแวงและไม่พอใจ
ต่อมา ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) รัสเซียก็ถูกดึงเข้ามาในสงครามโลกครั้งที่ 1 หากแต่รัสเซียก็ไม่ได้มีความพร้อมในการรบ
ผลก็คือตัวเลขผู้เสียชีวิตของรัสเซียนั้นมหาศาล สร้างความตกใจให้ชาวรัสเซีย โดยรัสเซียนั้นมีจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากสงครามมากที่สุด โดยทหารเสียชีวิตกว่า 1.8 ล้านคน ประชาชนอีกราวๆ 1.5 ล้านคน
1
ผลจากสงคราม ทำให้ประชาชนและแม้แต่ขุนนางเองเคียดแค้นและไม่พอใจในองค์จักรพรรดิ ที่ผ่านมา นอกจากสงครามจะทำให้ผู้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ยังส่งผลกระทบต่อด้านอื่นๆ ทั้งขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตรกรรม ส่งผลให้เสบียงอาหารขาดแคลน ระบบการคมนาคมก็ล่ม ทำให้ประชาชนที่ไม่พอใจได้ก่อจลาจล
ในทีแรก จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ก็ทรงปฏิเสธที่จะสละราชสมบัติ แต่สุดท้าย ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) พระองค์ก็ทรงยอมสละราชสมบัติ
พฤศจิกายน ค.ศ.1917 (พ.ศ.2460) คณะปฏิวัติบอลเชวิก นำโดย “วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin)” ได้ขึ้นเป็นใหญ่ ในขณะเดียวกัน จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ก็ได้ทรงขอให้อังกฤษและฝรั่งเศสช่วยให้ที่ลี้ภัย หากแต่ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสก็ปฏิเสธคำขอของพระองค์ ทำให้พระองค์และครอบครัวโรมานอฟตกอยู่ใต้เงื้อมมือของรัฐบาลคณะปฏิวัติ
1
วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin)
ชีวิตใหม่ของครอบครัวโรมานอฟนั้นแตกต่างจากชีวิตที่หรูหรา สุขสบายอย่างที่เจอมาตลอดพระชนม์ชีพ โดยทั้งจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 และจักรพรรดินีอเล็กซานดรา ก็ไม่ทรงหมดหวังว่าจะมีคนมาช่วย
ครอบครัวโรมานอฟถูกนำเสด็จย้ายไปยังบ้านพักต่างๆ ก่อนจะถูกควบคุมองค์ในบ้านที่พรรคบอลเชวิกเรียกว่า “บ้านเพื่อการณ์พิเศษ”
จากที่เคยอยู่ในพระราชวังที่หรูหราใหญ่โต บัดนี้ ครอบครัวโรมานอฟต้องมาประทับในบ้านหลังเล็กๆ ที่ยากาเตรินบุร์ก ปราศจากคนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลังดังเช่นในอดีต
ในที่สุด คืนวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) ครอบครัวโรมานอฟก็ถูกปลุกให้ตื่นจากบรรทมกลางดึก และทหารก็ทูลให้ทุกพระองค์เตรียมตัวเสด็จย้ายอีกครั้ง
ครอบครัวโรมานอฟยังคงมีความหวังที่จะหนีจากการควบคุมของรัฐบาล จึงแต่งองค์และเก็บของอย่างเร่งรีบ โดยในฉลองพระองค์นั้น ก็มีทั้งเครื่องเพชรล้ำค่าและเงินอีกจำนวนมาก
1
หากแต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อทุกพระองค์ถูกนำเสด็จเข้ามาในห้องๆ หนึ่ง ก่อนที่เหล่าทหารจะสาดกระสุนใส่ทุกพระองค์ ทำให้สมาชิกครอบครัวโรมานอฟทุกพระองค์ สวรรคตและสิ้นพระชนม์ในทันที พร้อมๆ กับการสิ้นสุดระบอบกษัตริย์ในรัสเซีย
4
การปลงพระชนม์ครอบครัวโรมานอฟ
การปลงพระชนม์นี้ หากดูเผินๆ ก็อาจจะคิดได้ว่าเป็นการสังหารแบบกระทันหัน ไม่ได้เตรียมการมาก่อน หากแต่ที่จริง การสังหารนี้มีการเตรียมการมาก่อนแล้ว
ก่อนหน้าวันสังหารหลายวัน กลุ่มบอลเชวิกได้เตรียมการสำหรับบ้านที่จะใช้ในการปลงพระชนม์ รวมทั้งเตรียมน้ำมันเบนซินจำนวนมากเพื่อใช้ในการเผาศพ อีกทั้งยังมีกรดซัลฟูริกเพื่อทำลายศพให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้
1
แต่สิ่งที่เลนินและคณะบอลเชวิกลืมคาดไปก็ได้เกิดขึ้น เนื่องจากข่าวการสังหารหมู่พระราชวงศ์นั้นโด่งดัง กลบแทบทุกข่าว
2
เลนินและคณะปฏิวัติมองว่าพระราชวงศ์เป็นมะเร็งร้ายที่เกาะกินประเทศ และทำให้ชนชั้นแรงงานไม่สามารถก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ได้ หากแต่เมื่อข่าวนี้ออกไป ประชาชนจำนวนหนึ่งกลับสงสารพระราชวงศ์และไม่เห็นด้วยกับคณะปฏิวัติ
ความสำเร็จของเลนินและคณะปฏิวัติถูกข่าวการสังหารพระราชวงศ์โรมานอฟกลบจนหมด โดยข่าวการสิ้นสุดราชวงศ์โรมานอฟ ได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเป็นเวลานาน
4
ถึงแม้ราชวงศ์รัสเซียจะสิ้นสุดลง แต่ในเวลานั้น ชาวรัสเซียบางส่วนก็ยังต้องการให้มีราชวงศ์ แม้แต่ในทุกวันนี้ ก็ยังมีกลุ่มชนรัสเซียกลุ่มเล็กๆ ที่ต้องการให้มีราชวงศ์ในรัสเซีย
1
เรื่องราวนี้ก็นับเป็นประวัติศาสตร์บทสำคัญ และเป็นบทเรียนบทสำคัญบทหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก
ส่วนสาเหตุที่บอลเชวิกต้องปลงพระชนม์ทุกพระองค์ คำตอบก็น่าจะซ่อนอยู่ในบทความนี้แหละครับ ขึ้นอยู่กับการตีความ
1
โฆษณา