🟢 การกระทำเช่นนี้ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นเหตุให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า TINA ซึ่งสามารถนำมาใช้อธิบายว่าทำไมตลาดหุ้นจึงปรับตัวขึ้นได้แม้กำไรของบริษัทในตลาดหุ้นชะลอตัว
#TINA ย่อมาจาก "There is no alternative" ถูกใช้อย่างแพร่หลายราวทศวรรษที่ 80 หลังอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ Margaret Thatche เปลี่ยนแปลงนโยบายการเมืองและเศรษฐกิจซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่นายกหญิงแกร่งท่านนี้ได้ตอบกลับไปว่า “There Is No Alternative” ก็คือไม่มีทางเลือก
🟢 อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ TINA อาจไม่เกิดขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นผลจากเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวหรือหดตัว เนื่องจากแม้พันธบัตรจะให้อัตราผลตอบแทนที่ต่ำแต่ก็ยังคุ้มค่ามากกว่าจะเสี่ยงกับการถือครองหุ้นในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้
1
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวลงในช่วงทศวรรษที่ 90 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ตลอด 10 ปีในทศวรรษดังกล่าวประเทศญี่ปุ่นอยู่ในภาวะซบเซา ปี 1996 เป็นปีที่ GDP ของประเทศญี่ปุ่นเติบโตสูงสุดที่ 3.1% และมีถึง 3 ปีที่ GDP หดตัว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นว่ามีตลาดหุ้นของหลายประเทศที่ไม่ปรับตัวขึ้นแม้ทั่วโลกจะเริ่มกลับมาเปิดเมืองแล้ว นั่นก็เป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจและการทำกำไรของบริษัทยังไม่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้
📍 ต้องยอมรับว่าผลของปรากฏการณ์ TINA จะยังคงอยู่กับโลกการลงทุนต่อไปโดยเฉพาะตลาดหุ้นที่มีบริษัทซึ่งกำไรเติบโตได้ดี และก็สามารถนำไปใช้อธิบายว่าทำไมตลาดหุ้นถึงปรับตัวขึ้นทั้งที่ไม่ควรจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางสภาวะที่แม้อัตราดอกเบี้ยจะต่ำแต่ตลาดหุ้นก็ไม่เกิดปรากฏการณ์ TINA และท้ายที่สุดหาก TINA เกิดกับตลาดหุ้นที่ไม่ได้มีการเติบโตโดดเด่นก็จะนำไปสู่ฟองสบู่แตกได้ครับ