17 ต.ค. 2021 เวลา 10:54 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมื่อประมาณ 150 ปีที่แล้ว ชีวิตได้ท้าทายธรรมชาติอีกครั้ง เมื่อบรรพบุรุษของนกได้ท้าทายธรรมชาติโดยต้องการจะพิชิตผืนฟ้าที่กว้างใหญ่ จนทุกวันนี้มีนกนานาชนิดได้เกิดขึ้นมาอยู่บนโลก ผลงานชิ้นเอกที่นกสร้างขึ้นมาคือ ‘ปีก’ เพื่อให้บินไปยังท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ได้ ปีกที่มีความสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของนกเกิดขึ้นมาเกิดขึ้นมาได้อย่างไรนั้น มาหาคำตอบกันครับ
ก่อนที่นกจะเกิดมาบนโลก ในยุคดึกดำบรรพ์นั้นได้มีสัตว์เลื้อยคลานที่มีปีก หรือเทอร์โรซอร์ครองความยิ่งใหญ่อยู่บนท้องฟ้า ในปัจจุบันก็มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่บินได้อย่างค้างคาว แต่ที่กล่าวมานี้ไม่มีเลยสักตัวที่สามารถบินได้อย่างอิสระเหมือนนก นกคือผู้พิชิตท้องฟ้าตัวจริง และกุญแจที่จะไขปริศนาต้นกำเนิดของนกก็คือ ‘อาคีออปเทอริกซ์’
อาคีออปเทอริกซ์ (Archaeopteryx)
การค้นพบหลักฐานของนกโบราณชิ้นแรกต้องย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1861 ที่เมืองโซลน์โฮเฟน รัฐบาเยิร์น ประเทศเยอรมัน วันหนึ่งมีผู้ได้ค้นพบฟอสซิลประหลาดในแผ่นหินปูนบริเวณนี้ ซึ่งฟอสซิลที่พบคือฟอสซิลของขนนก และหลังจากการขุดค้นต่อในบริเวณใกล้เคียงกันนั้นก็ได้พบกับฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตปริศนาที่ส่วนหัวหายไป มีขนเหมือนนก แต่มีกระดูกที่หางอย่างที่นกไม่มี และกระดูกขายังมีลักษณะของสัตว์เลื้อยคลานอีกด้วย เป็นฟอสซิลที่ไม่เหมือนกับเทอร์โรซอร์หรือนกเลย นักวิทยาศาสตร์จึงตั้งชื่อว่า ‘อาคีออปเทอริกซ์’ แต่ในขณะนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่า อาคีออปเทอริกซ์ เป็นสัตว์เลื้อยคลานหรือเป็นนกกันแน่
ฟอสซิลของ Archaeopteryx
หลังจากเป็นปริศนาอยู่นานก็ได้มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งได้พบหลักฐานชิ้นสำคัญจากฟอสซิลชุดนั้นนั่นก็คือ กระดูกรูปตัว V ที่กลางหน้าอกของ อาคีออปเทอริกซ์ หรือก็คือกระดูกไหปลาร้าชนิดพิเศษที่พบเฉพาะในนกเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์จึงมั่นใจว่า อาคีออปเทอริกซ์ เป็นบรรพบุรุษของนกอย่างแน่นอน แต่อาคีออปเทอริกซ์ ยังคงมีปริศนาที่มืดมนอีกมากมาย เพราะในปัจจุบันนี้ได้มีการค้นพบฟอสซิลของอาคีออปเทอริกซ์เพียง 11 ชิ้นเท่านั้น จากการตรวจสอบฟอสซิลอย่างละเอียดก็ได้พบว่าอาคีออปเทอริกซ์นั้นมีฟันอย่างที่นกในปัจจุบันไม่มี และมีเล็บ3เล็บที่ปลายปีกทั้งสองข้างอีกด้วย
ภาพกระดูกรูปตัว v (Furcula)
ข้ามมายัง ริมฝั่งแม่น้ำ โอรีโนโก ประเทศเวเนซุเอลา ที่นี่เป็นที่อยู่ของนกโฮตซิน นกมหัศจรรย์ที่ในขณะเป็นลูกนก นกชนิดนี้มีเล็บที่ปลายปีกเพื่อช่วยในการเกาะเดินไปตามกิ่งไม้ จากตัวอย่างนี้เอง ทำให้นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้คิดทฤษฎีว่า อาคีออปเทอร์ริกซ์ เกิดจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนต้นไม้
ลูกนกโฮตซิน (Hoatzin)
โดยนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้เชื่อกันว่าบรรพบุรุษของนกคือสัตว์เลื้อยคลานที่มีชื่อว่า ลาโกซูคัส โดยเจ้าพวกนี้ใช้ขาหน้าที่ยาวของมันในการปีนป่ายไปบนต้นไม้ และได้วิวัฒนาการปีกขึ้นมาเพื่อใช้ในการร่อนจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง จนเกล็ดของสัตว์เลื้อยคลานค่อยๆกลายสภาพเป็นขนนกไปในที่สุด แม้จะมองว่าเกล็ดและขนนั้นจะแตกต่างกันมากแต่ทั้งคู่ได้เกิดมาจากโปรตีนเคอราตินเช่นเดียวกัน แต่ไม่เคยมีการค้นพบหลักฐานที่เชื่อมโยงการวิวัฒนาการระหว่างสัตว์เลื้อยคลานกับอาคีออปเทอริกซ์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว อาจจะพูดได้ว่าจากทฤษฎีนี้จู่ๆก็มีนกปรากฎขึ้นมาบนโลกใบนี้เลย หรือกล่าวอีกนัยก็คือ ทฤษฎีนี้มีช่องโหว่นั่นเอง
1
ลาโกซูคัส (lagosuchus)
หลังจากที่ทฤษฎีก่อนหน้าได้ถูกปัดตกไปการหาหลักฐานวิวัฒนาการของอาคีออปเทอริกซ์ยังคงดำเนินต่อไป แต่ใครจะคิดว่าหลักฐานนั้นอยู่ในฟอสซิลที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์มากว่า 20 ปี
ฟอสซิลของไดโนเสาร์ชนิดหนึ่ง ‘คอมป์ซอกเนทัส’ นั่นเอง จากการตรวจสอบฟอสซิลชิ้นนั้นเองนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ตกใจกับสิ่งที่ค้นพบเพราะฟอสซิลชิ้นนั้นไม่ใช่ของคอมป์ซอกเนทัส แต่เป็นของอาคีออปเทอริกซ์ จากการค้นพบนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้ประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้
คอมป์ซอกเนทัส (comsocnatus)
จากการเปรียบเทียบกระดูกของคอมป์ซอกเนทัสกับกระดูกของอาคีออกเทอริกซ์นั้นพบว่า ลักษณะของกระโหลก กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน และอื่นๆ เหมือนกันถึง 20 จุด เพื่อพิจารณาจากกระดูกของสัตว์ทั้งสองก็พบว่าสัตว์ทั้งสองมีความปราดเปรียวเป็นอย่างมากและสามารถเคลื่อนที่ได้ตลอดเวลา ทำให้เชื่อได้ว่าอาคีออปเทอริกซ์ เป็นสัตว์เลือดอุ่นโดยสันนิษฐานว่าขนนกในช่วงแรกๆนั้นช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ เพื่อให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้ตลอดเวลานั่นเอง และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าขนนกได้วิวัฒนาการขึ้นมาจากเกล็ดของคอมป์ซอกเนทัสเช่นกัน
ภาพแสดงโครงกระดูกของคอมป์ซอกเนทัส กับ อาคีออปเทอริกซ์
ถึงแม้จะมีหลักฐานการวิวัฒนาการจากคอมป์ซอกเนทัสเป็นอาคีออปเทอริกซ์ แต่หลักฐานการวิวัฒนาการของเกล็ดมาเป็นขนนกในทึกวันนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ยังต้องหาคำตอบกันต่อไป หรือว่าในความเป็นจริงแล้ว ขนนกจู่ๆก็ปรากฎขึ้นมาและสร้างความยิ่งใหญ่ให้นกครองท้องฟ้ามาจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้มาจนถึงทุกวันนี้
จบลงไปแล้วกับบทความ ผู้พิชิตท้องฟ้า PART 1: กำเนิดราชาเเห่งท้องฟ้า
ตัวอย่างตอนต่อไป ‘เมื่อเราลองขยายภาพขนนกในยุคปัจจุบันดูเราจะพบว่ามีกิ่งก้านเป็นละเอียดที่มีขนาดไม่ถึง 0.01 มิลลิเมตร พาดพันกันอยู่เหมือนตาข่ายซึ่งซับซ้อนมาก ซึ่งเจ้าขนนกแบบนี้เองก็มีอยู่ในตัวอาคีออปเทอริกซ์เช่นกัน หรือนี่คืออาวุธที่ทำให้นกแย่งตำแหน่งราชาแห่งท้องฟ้ามาจากเทอร์โรซอร์ได้’ พบกันใน PART 2 : ‘ขนนก’ ความลึกลับของธรรมชาติ
โฆษณา