19 ต.ค. 2021 เวลา 08:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
#MODERN : จาก Dr.No ถึง No Time to Die และปืนคู่ใจของสายลับ 007
กระแสภาพยนตร์ No Time to Die ภาพยนตร์สายลับ 007 ภาคสุดท้ายของ แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ยังคงทำรายได้ดีอย่างต่อเนื่อง เมื่อแฟนๆสายลับทั่วโลกต่างเฝ้ารอการกลับมาของบอนด์ที่ว่ากันว่า ‘ดีที่สุด’ โดยทำรายได้ทั่วโลกในสัปดาห์ล่าสุดคือ 313 ล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐ หรือเป็นจำนวนเงินกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท สร้างความหวังให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะโควิด-19
ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ภาพยนตร์สายลับ 007 ตลอดระยะเวลา 59 ปี นักแสดงชายมากมายต่างร่วมสร้างความทรงจำให้ผู้ชม ในฐานะสายลับ MI6 ใส่สูทถือปืนพก ผู้มีผมดำ ตาฟ้า และสเน่ห์แบบที่สาวๆหลงใหล ตั้งแต่บอนด์คนแรกที่รับบทโดย ฌอน คอนเนอรี (Dr.No - You Only Live Twice), จอร์จ ลาเซนบี (On Her Majesty's Secret Service), โรเจอร์ มัวร์ (Live and Let Die - A View to a Kill), ทิโมธี ดาลตัน (The Living Daylights - Licence to Kill), เพียร์ซ บรอสแนน (Tomorrow Never Dies - Die Another Day) จนถึง แดเนียล เคร็ก (Casino Royale - No Time to Die) บอนด์คนล่าสุดซึ่งเพิ่งอำลาบทไปไม่นานหลังจากรับบทมากกว่า 15 ปี เรียกว่าเป็นการเดินทางที่ยาวนานสำหรับชีวิตนักแสดงท่านหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อพูดถึงบอนด์ นอกจากภาพจำของสายลับทรงสเน่ห์ ใส่สูทแบบที่ผู้ชมคุ้นเคยกันแล้ว จุดเด่นที่น่าสนใจมากๆอีกจุดหนึ่งของบอนด์คือ ‘การใช้ปืนพก’ ตั้งแต่ไตเติ้ลยิงปืนเปิดตัวจนถึงฉากโรแมนติกและการวางปืนใต้หมอน อาวุธทรงอานุภาพนี้เป็นเหมือนเพื่อน และเครื่องป้องกันที่ทำให้บอนด์รอดชีวิตหลายต่อหลายครั้ง เราจึงอยากพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับอาวุธคู่ใจของบอนด์ในแต่ละภาคว่ามีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง
Beretta 418: ปืนพกชนิดแรกที่เอียน เฟลมมิง ผู้เขียนนิยาย 007 ระบุให้บอนด์ใช้ในหนังสือเล่มแรกอย่าง Casino Royale (ภาคแรกที่รับบทโดยเคร็กในปี2006) อาจเป็นเพราะเอียนยังไม่ได้กำหนดทิศทางเนื้อเรื่องของนิยาย และไม่ได้กำหนดจำนวนภาคไว้แต่ต้น เขาจึงเลือกปืนเล่มนี้ตามประวัติการใช้งานของเขาเอง โดยที่เอียนใช้งาน Beretta 418 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะเขาประจำการเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองให้กับกองทัพเรือ (Naval Intelligence) จุดเด่นของ Beretta 418 คือ ใช้กระสุนขนาด.25 ACP (Automatic Colt Pistol) ใช้แม็กกาซีนขนาด 8+1 คือ 8 นัดในแม็กกาซีนและ 1 นัดในรังเพลิง มีขนาดเล็กพกพาง่าย โดยปรากฎในนิยายช่วงแรกของเอียนคือ Casino Royale, Dr.No, From Russia With Love, Diamonds are Forever และ Live and Let Die
Walther PPK: ปืนคู่กายเพียงหนึ่งเดียวของบอนด์ที่ปรากฎในภาพยนตร์ทุกภาค หลังจากเอียน เฟลมมิงเขียนให้บอนด์ใช้ Berretta ในช่วงแรก ก่อนการตีพิมพ์ From Russia With Love เอียนได้รับจดหมายจากแฟนคลับที่ตามอ่านนิยายของเขา คือ พันตรี เจฟฟรีย์ บูธรอยด์ ซึ่งปลดประจำการและผันตัวมาเป็นนักสะสมปืน โดยบูธรอยด์ระบุว่า Berretta .418 เป็นปืนที่ไม่เหมาะกับการใช้งานของบอนด์ เพราะอำนาจหยุดยั้ง (Stopping Power) ที่น้อยเกินไป บูธรอยด์จึงเสนอให้ใช้ Smith & Wesson Centennial Airweight
แต่เอียนได้คำนึงถึงปัญหาของปืนที่ไม่สามารถเก็บไว้ในสูทได้ บูธรอยด์จึงเสนอให้ใช้ Walther PPK แทน โดยจุดเด่นของปืนกระบอกนี้เหมือน Berretta ทั้งหมด คือใช้กระสุน .32 ACP ใช้แม็กกาซีนขนาด 8+1 คือ 8 นัดในแม็กกาซีนและ 1 นัดในรังเพลิง ขนาดเล็กพกพาง่าย แต่อำนาจหยุดยั้งดีกว่าและระยะยิงไกลกว่า เนื่องด้วยขนาดของกระสุนและลำกล้องปืน จากจุดเด่นดังกล่าวทำให้เอียนตัดสินใจใช้ Walther PPK เป็น sidearm ของบอนด์ตลอดมา ทั้งยังใช้ภาพลักษณ์ของ พันตรี เจฟฟรีย์ บูธรอยด์ เป็นแบบในการสร้างตัวละครที่ชื่อ Q อีกด้วย โดย Walther PPK ปรากฎในภาพยนตร์ 007 ทุกภาค ยกเว้น For Your Eyes Only เท่านั้น ที่มีการใช้ Savage 99F แทน
Walther P99: ยังคงอยู่ในตระกูล Walther เดิม แต่เป็นอีกรุ่นหนึ่งซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างจาก PPK พอสมควร โดยปืนนี้ถูกใช้ครั้งแรกในภาค Tomorrow Never Dies นำแสดงโดย เพียร์ซ บรอสแนน จุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจาก เรย์มอนด์ เบ็นสัน ถูกขอให้รับช่วงเขียนบทภาพยนตร์ 007 ต่อจาก จอห์น การ์ดเนอร์ เขามองว่าปืนที่เหมาะกับบอนด์ควรแยกออกตามการทำงาน เขาจึงกำหนดให้บอนด์ใช้ Walther PPK เมื่อต้องทำการปกปิดตัวตนในภารกิจ และใช้ Walther P99 เมื่อ 007 ใช้ชื่อเจมส์ บอนด์
โดยจุดเด่นของปืนกระบอกนี้ คือมีข้อดีโดยรวมในแง่การใช้งานดีกว่าทั้ง PPK และ Beretta โดย P99 ใช้กระสุนขนาด 9 มม. ส่งผลให้อำนาจหยุดยั้งดีกว่า ใช้แม็กกาซีนขนาด 15 นัด นับว่ามากกว่าทั้ง 2 กระบอกที่กล่าวมา แต่เพราะขนาดของปืนที่ใหญ่ ทำให้ความแนบเนียนในการพกพาลดลง เบ็นสันจึงกำหนดให้บอนด์ใช้ P99 แค่เฉพาะภารกิจที่ไม่ต้องสเตลท์เท่านั้น ซึ่งตามการใช้งานจริง บอนด์จะใช้ P99 ไม่คล่องเท่า PPK และ 418 เพราะไม่คุ้นชินเท่า ดังนั้นเมื่อภาพยนตร์ถ่ายทำไปถึง Casino Royale ซึ่งแดเนียล เคร็กรับบทบอนด์ ผู้เขียนบททั้ง 3 นีล โรเบิร์ต และพอล จึงเลือกให้บอนด์กลับมาใช้ PPK เป็นปืนหลักกระบอกเดียว
ปืนอื่นๆของบอนด์: นอกจากปืนหลักที่เราเห็นบ่อยๆแล้ว บอนด์เป็นสายลับที่มีความสามารถในการใช้อาวุธได้ทุกประเภทโดยเฉพาะปืน ดังนั้นในแต่ละภาคจะมีปืนเด่นๆที่เราได้เห็นกันนอกจาก PPK 418 และ P99 อย่าง FN Model 1910 (Dr.No), Walther P38 (Gold Finger), M. B. Associates Gyrojet Rifle (You Only Live Twice), Savage 99F (For Your Eyes Only), SIG-Sauer P226 (Quantum of Solace) และ Glock 17 (Skyfall)
เนื่องจาก No Time To Die กำลังจะลาโรงในไม่ช้า เราขอยกคำพูดของแดเนียล เคร็กขณะกล่าวอำลาการเดินทางภายใต้รหัส 007 และชื่อเจมส์ บอนด์ ตลอด 15 ปีในกองถ่ายภาพยนตร์ No Time To Die ว่า “ทีมงานมากมายตรงนี้ร่วมเดินทางกับผมตั้งแต่หนังภาคแรก ผมรู้ว่าตลอดเวลามันมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น แต่เชื่อเถอะว่าผมรักทุกๆวินาทีของหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะ No Time To Die เพราะในทุกเช้าที่ผมตื่นขึ้นมาเพื่อร่วมงานกับพวกคุณ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่สุดในชีวิต”
ขอบคุณข้อมูลภาพยนตร์จาก: https://jamesbond.fandom.com/
ขอบคุณข้อมูลและรายละเอียดปืนทั้งหมดจาก: Chairatch Karnchanakan
ขอบคุณ Daniel Craig’s Farewell จาก Filmthusiast
CONTENT : APHAPHAT T.
——
ติดต่อโฆษณา: kritthanan@songsue.co
โฆษณา