Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Torpenguin - ผู้ชายขายบริการ
•
ติดตาม
19 ต.ค. 2021 เวลา 02:25 • ธุรกิจ
-- 10 บทเรียนธุรกิจจากผู้กำกับโฆษณาระดับโลก--
อาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นโอกาสดีที่ได้นั่งคุยกับพี่ #ต่อธนญชัย ศรศรีวิชัย (ต่อ ฟีโนมีน่า) ผู้กำกับหนังโฆษณาอันดับ 1 ของโลก 6 สมัย ซึ่งหากใครเคยดูโฆษณาของไทยประกันชีวิต เงินติดล้อ สมูทอี แพนทีน หรือ AdviceIT ฯลฯ จะเห็นว่าโฆษณาทุกตัวที่พี่ต่อทำนั้นนอกจากจะประสบความสำเร็จในการเป็นที่พูดถึงแล้ว ยังแอบแฝงแนวคิดเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมเสมอ
ซึ่งตลอดการนั่งคุย 8 ชม. นั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเรากำลังคุยอยู่กับผู้กำกับโฆษณา แต่เหมือนกำลังนั่งคุยอยู่กับคนที่เข้าใจธุรกิจ เข้าใจชีวิตอย่างลึงซึ้ง และที่สำคัญที่สุดคือคนที่เชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นผ่านอาชีพที่ตัวเองทำ เลยถือโอกาสสรุปแนวคิดที่ได้จากพี่ต่อเผื่อจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังทำธุรกิจอยู่
#ให้คิดถึงคนดูเลิกคิดถึงตัวกู
1
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหรือนักการตลาดสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญที่สุดคือคนดูคือลูกค้า ว่าเค้าสนใจอะไรอยู่ไม่ใช่เอาแต่ตะบี้ตะบันจะขายของเพียงอย่างเดียวไม่เช่นนั้นเราก็จะเอาแต่เล่าว่าของเราดียังไง มีฟังก์ชั่นอะไรดี ซึ่งบางครั้งลูกค้าอาจไม่ได้สนใจเลยก็ได้ ฉะนั้นเราควรกลับไปมองในมุมลูกค้าก่อนว่าเค้าสนใจอะไรอยู่
พี่ว่า Squid Game เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ เค้าชนะตั้งใจก่อนจะเริ่มเขียนบทแล้ว เพราะเค้าทำหนังที่เข้าใจ Insight ของคนทั้งโลกที่มีความรู้สึกระหว่างคนจนคนรวย ปัญหาเชื้อชาติ ความขัดแย้งทางศาสนา ความอยากยกระดับชีวิตตัวเอง นี่คือประเด็นสังคมที่คน 90%ทั้งโลกเจอ ไอ้ตัวเกมมันเป็นแค่เครื่องมือการตลาดที่ทำให้เนื้อเรื่องสนุกมากยิ่งขึ้น พอคนดูไม่ว่าจะประเทศไหนก็จะรู้สึกโดนใจเพราะเหมือนกับชีวิตเรา แต่เราลองมาดูหนังของไทยที่ชอบเอามวยไทยเอาวัดมาขาย ทำหนังท่องเที่ยวก็ต้องมีซีนยักษ์วัดแจ้ง วัดพระแก้ว ซึ่งเราไม่เคยคิดเลยว่าคนดูเค้าสนใจเรื่องนี้จริงๆมั้ย
1
.
#อย่าอยู่แต่ในห้องประชุมและคิดแทนลูกค้าให้ลองเอาชีวิตเราไปเป็นเค้าดู
จะทำอะไรจะขายอะไรให้ลูกค้า อย่าไปคิดแทนลูกค้าเพราะคนอยู่แต่ในโต๊ะทำงานอยู่แต่ในห้องประชุม ไม่มีทางที่จะเข้าใจความต้องการลูกค้าที่แท้จริงแน่นอน เราจะทำหนังเกี่ยวกับคนขายก๋วยเตี๋ยว เราก็ต้องลองไปเป็นคนขายก๋วยเตี๋ยวดู ว่าเค้าลวกยังไง เค้ายกกระชอนยังไง เค้ามีท่าทางยังไง ไม่งั้นไม่มีทางที่คนดูจะเชื่อเรา เหมือนกับเวลาเราดูหนังไทยแล้วเห็นคนจนทุกคนใส่เสื้อเชิ้ตลายสก็อต ต้องมีรอยเปื้อนที่หน้า ต้องเอาแขนเช็ดเหงื่อทุกคน ซึ่งมีชีวิตจริงมันไม่เป็นแบบนั้น เวลาพี่จะทำหนังโฆษณาสักเรื่องเวลาที่เสียไปมากที่สุดคือเวลาการค้นคว้าข้อมูล ลงพื้นที่ ลงไปสังเกตพฤติกรรมของคนจริงๆ ซึ่งของเรานี้เราหาไม่ได้ในห้องประชุม
#จะทำของอะไรมาขายอย่าเพิ่งคิดว่าจะขายยังไงให้คิดว่าของเราทำของที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง
คนส่วนใหญ่สนใจแต่ว่าจะทำยังไงให้สินค้าขายได้ สนใจว่าต้องการตลาดยังไงแบรนด์ดิ้งยังไง จะทำโปรโมชั่นยังไง แต่ไม่ค่อยสนใจว่าของของเรานั้นดีที่สุดที่เราทำได้แล้วหรือยัง ก่อนเราจะไปทำการตลาดเราต้องมั่นใจว่าของเราดีที่สุดก่อน เอาเวลาไปพัฒนาสินค้าเราให้อร่อยขึ้น ให้ใช้ดีมากขึ้นก่อน แล้วถึงเป็นหน้าที่ของนักการตลาดที่มาช่วยทำให้สินค้าดูน่าสนใจขึ้น ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้นเอง
พี่เองเวลาจะทำโฆษณาชิ้นไหนจะต้องดูก่อนว่าสินค้าของเค้าดีแล้วหรือยัง เพราะถ้าเราทำให้สินค้าเค้าเป็นที่รู้จักขายได้ แต่พอถึงเวลาที่ลูกค้าเค้าใช้แล้วมันไม่ดีสุดท้ายมันก็กลับมาทำร้ายแบรนด์ภายหลังอยู่ดี
#เริ่มต้นทำแบบคนจนแต่ให้เริ่มทำเลย
ต่อให้เราจะมีเงินเยอะแค่ไหน แต่ถ้าคิดจะทำอะไรอยากให้เริ่มจากคิดว่าเราจนไม่มีเงินก่อน เพราะเมื่อไหร่เราใช้เงินลงไปทีเดียวตู้มเลย แน่นอนว่ามันเร็วแต่พื้นฐานเราจะไม่แน่น ไม่แน่นทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้า ไม่แน่นในเรื่องความคิด กลุ่มลูกค้า แล้วที่สำคัญมันทำให้เราคิดน้อย เพราะมันไม่เกิดกระบวนการเรียนรู้ จดจำและพัฒนา
สมมุติว่าเราจะทำสบู่ อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องจะตั้งชื่อยังไง แพ็กเกจจิ้งจะสวยแค่ไหน ซึ่งเดี๋ยวนี้คนเราชอบคิดเรื่องเหล่านี้ก่อนทำสินค้าให้ดี แต่ให้เริ่มต้นด้วยการทำสบู่ออกมาให้ดีก่อน แทนที่จะผลิตล็อตแรกออกมาเยอะๆทีเดียว เพราะถ้าทำแล้วไม่ดีขายไม่ได้ก็ไม่เจ็บตัว การเริ่มต้นก็ทำได้ง่ายเพราะใช้เงินไม่เท่าไหร่ อาจลองทำขึ้นมาใช้เองก่อน ถ้าใช้ดีแล้วก็อาจลองเพิ่มเป็น 30 ก้อนลองส่งให้คนรอบตัวใช้ ทำจนคิดว่านี่เป็นสบู่ที่ดีที่สุดของเราแล้วค่อยเริ่มคิดเรื่องที่จะขาย แต่ที่สำคัญที่สุดนะคือทำเลย ทำทันที อย่าไปรอ เพราะรอให้พร้อมก็จะไม่มีทางได้ทำ
#ความจริงใจซื่อสัตย์คือการตลาดที่ดีที่สุด
การสื่อสารการตลาดยุคนี้สำคัญที่สุดคือความจริงใจ ซื่อสัตย์และเป็นธรรมชาติหรือเป็นตัวเราเองนี่แหละ เพราะคนดูเดี๋ยวนี้เค้ารู้หมดแล้วอะไรปรุงแต่ง อะไรไม่จริง เค้าไม่เชื่อพรีเซนเตอร์ดังๆที่รู้ว่าไม่ใช้ของชิ้นนั้นๆแล้ว แต่เค้าเชื่อเจ้าของที่ออกมาพูดจริงๆมากกว่า ชอบรีวิวลูกค้าที่พูดถึงสินค้านั้นจริงๆมากกว่า
ไม่เชื่อเราลองสังเกตคอนเทนต์ที่กลายเป็นไวรัลในตลาดทั้งหลายในช่วงที่ผ่านมา ไม่ใช่มาจากโปรดักชั่นขนาดใหญ่ จัดไฟ ใช้พร็อพเยอะ แต่มาจากอะไรที่มันจริง ยกตัวอย่าง บังฮาซัน บังมีความเป็นธรรมชาติ กล้องช่วงแรกๆก็ดูไม่ชัดแต่ดูแล้วเชื่อว่าเรียล เป็นคนใต้ก็พูดสำเนียงคนใต้ บอกว่ารับมาจากชาวบ้านก็บอกรับมาจากชาวบ้านแต่ก็เลือกร้านที่อร่อยที่สุดมา แถมมีกินให้ดูสดๆเลยว่ามันอร่อยจริง ลองคิดดูนะถ้าบังฮาซันมีโปรดักชั่นที่อลังการ ใช้ภาษาที่ดูน่าเชื่อถือ คนดูคงไม่เชื่อแล้วคงไม่ดังขนาดนี้แน่นอน
#โลกยุคใหม่ไม่มีอีกแล้วคนที่รู้เพียงเรื่องเดียวจะมีแต่Maker
มันหมดยุคแล้วที่เราจะทำอาชีพอะไรอย่างเดียวโดยไม่รู้เรื่องอื่นเลย เราต้องรู้ทุกเรื่องในภาพรวมทุกมุมมอง ถ้าคุณทำอาชีพผู้กำกับ คุณก็ต้องเป็นผู้กำกับที่เข้าใจธุรกิจ ถ้าคุณเป็นวิศวกร คุณก็ต้องเป็นวิศวกรที่เข้าใจเรื่องบัญชี หรือถ้าคุณเป็นนักธุรกิจคุณก็ต้องเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี
ลองคิดดูถ้าพี่เป็นผู้กำกับที่เอาแต่คุยว่าหนังเราดียังไง เราอยากจะทำแบบนี้ โดยไม่สนใจในมุมธุรกิจเลย และอีกฝั่งนึงก็คือนักธุรกิจที่สนใจจะขายของแต่ไม่สนใจเรื่องสังคมเรื่องศิลปะเลย มันคงคุยกันไม่มีทางรู้เรื่องแน่นอน แต่ถ้าเมื่อไหร่นักโฆษณาเข้าใจในมุมธุรกิจและนักธุรกิจสนใจเรื่องศิลปะเรื่องสังคม ก็จะทำให้คุยกันได้ง่ายและเห็นเป้าหมายเดียวกันได้ไม่ยาก
3
#จะขายอะไรให้คิดเสมอว่าเราจะทำให้สังคมดีขึ้นได้ยังไง
6
เราทุกคนล้วนอยู่ในธุรกิจที่ทำให้โลกเราแย่ลงด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจอะไรก็ตาม เราทำอสังหาฯ เราก็ต้องระเบิดภูเขา ตัดต้นไม้ เราทำร้านอาหารเราก็ต้องฆ่าสัตว์ สร้าง Food waste เราทำโฆษณาเราก็กำลังมอมเมาประชาชนให้เกิดกิเลสมากขึ้น แต่เชื่อมั้ยว่าทุกธุรกิจก็มีมุมที่ช่วยให้สังคมดีขึ้นได้ด้วยเช่นกัน เราทำธุรกิจเงินกู้ เราจะสอนชาวบ้านได้ยังไงให้กู้เพื่อไปปลดหนี้จะได้ตั้งใจทำมาหากิน ไม่ใช่กู้เพื่อไปซื้อของฟุ่มเฟือย เราทำร้านอาหารเราจะช่วยให้คนรู้จักกินของที่ดีมีประโยชน์ ทำลายสุขภาพน้อยลงได้ยังไง หรือเราจะช่วยให้เกษตรกรชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ยังไง
ซึ่งคนส่วนใหญ่จะคิดว่าการที่ธุรกิจต้องให้อะไรกับสังคมจะทำให้กำไรน้อยลง ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นไม่มีใครยอมทำแน่นอน แต่เราต้องทำให้เค้าเห็นว่าเค้าเองก็ได้มากขึ้น และสังคมก็ได้มากขึ้นนะ ถ้าคุณทำให้คนกู้คุณเพื่อไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยน้อยลงเค้าก็มีเวลาไปทำธุรกิจให้ดีขึ้น ครั้งหน้าที่เค้ามากู้คุณเค้าก็จะมากู้ในก้อนเงินที่เพิ่มขึ้น
#จะเอาชนะใจใครได้ต้องเข้าใจเค้าให้ได้ก่อน
มีครั้งนึงพี่ถูกเจ้าสัวท่านนึงเชิญเข้าไปพบเพราะอยากให้พี่ทำโฆษณาให้ พอพี่เดินเข้าไปในห้องประชุมหนึ่งในผู้บริหารเดินเข้ามาแล้วทักขึ้นมาว่าเรามาจากเครือโรงเรียนเดียวกันนะครับ เค้าทำการบ้านพี่มาอย่างดีว่าเราจบจากที่ไหน ทำงานอะไรมาบ้าง ผลงานเราเป็นยังไง ซึ่งนี่คือเรื่องที่พี่ทำมาตลอด
อาจจะเห็นเราแต่งตัวเสื้อกล้าม ขาสั้น รองเท้าแตะ แต่เวลาพี่จะไปคุยงานกับใคร พี่ทำการบ้านเค้าก่อนทั้งสิ้นว่าเค้าเป็นใครเค้าสนใจเรื่องอะไรเพื่อที่จะหาจุดเชื่อมโยง เพราะคนส่วนใหญ่จะชอบคนที่มีอะไรเหมือนกับตัวเค้าเอง และทำให้พี่เข้าใจเค้าด้วยว่าเค้ามีพื้นฐานแบบนี้เค้าน่าจะมีชุดความคิดแบบไหน พอเราเข้าใจเค้าก็ทำให้เราคุยกับเค้าได้ลื่นมากขึ้น ทำให้เรามีโอกาสโน้นมน้าวเค้าให้เปิดใจรับกับความคิดเราได้มากขึ้น แม้บางครั้งไอเดียที่พี่เสนอจะโคตรตรงข้ามกับสิ่งที่ธุรกิจเค้าเชื่อเลยก็ตาม
.
#รักลูกค้าก่อนแล้วลูกค้าจะรักเราเอง
ไม่ต้องเสียเวลาพูดหรอกว่าจะสร้าง Brand love ยังไง จะทำให้ลูกค้ามาเป็น repeat customer ยังไง จะมีกลยุทธ์อะไรที่ให้ลูกค้ารักเราบอกต่อเรา สิ่งที่อยากบอกคนทำธุรกิจทุกคนคือ เราต้องรู้จักรักลูกค้าเราก่อน ก่อนที่จะให้ลูกค้ามารักเรา
การรักลูกค้าคือการทำสินค้าให้ดี บริการให้ดี จริงใจกับเค้าเราใส่ผงชูรสก็บอกว่าใส่แต่มันทำให้อาหารอร่อยขึ้นนะก็บอกไป ถ้าเราใส่สารกันบูดเราก็ต้องบอกว่าใส่ ไม่ใช่เลี่ยงไม่พูดแล้วไปพูดเรื่องอื่น ที่สำคัญต้องช่วยทำให้สังคมดีขึ้นทางใดทางหนึ่งด้วย และเมื่อไหร่ที่เค้ารู้สึกว่าคุณหวังดีกับเค้าคุณรักเค้า เดี๋ยวเค้าก็จะรักคุณเองมันง่ายแค่นี้
การขายที่ดีที่สุดไม่ใช่การขายที่ลูกค้ามาซื้อกับเรา แต่มันคือดีที่สุดต่อลูกค้า ถ้าสินค้าเราไม่ได้ถูกที่สุดหรือดีที่สุดในมุมลูกค้า เราก็ต้องพูดความจริงกับลูกค้า ถ้าสินค้าหรือบริการเรายังไม่ดี เราก็บอกลูกค้าไปเลยว่าเรายังไม่ดีแต่เราจะไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เราสัญญาว่าวันนึงเราจะทำสินค้าบริการเราให้ยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จะช่วยให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น ถ้าเรามีความตั้งใจแบบนั้นเราก็สื่อสารออกไป พี่เชื่อว่าถ้าเราพูดด้วยความจริงใจลูกค้าจะสัมผัสได้
1
#ไม่มีอะไรจะทำให้เราโตเท่ากับความพ่ายแพ้และปัญหา
ไม่มีใครชอบเจอกับปัญหา ทุกครั้งที่เจอปัญหาเรามักจะคิดว่าทำไมเราต้องซวยแบบนี้ แต่ถ้าเราลองคิดดูให้ดี ทุกการคิดค้นอะไรใหม่ๆ ทุกการตลาดที่ประสบความสำเร็จล้วนมาจากการแก้ปัญหาทั้งสิ้น ฉะนั้นจริงๆแล้วปัญหาคือสิ่งที่จะทำให้เราพัฒนาหรือค้นพบสิ่งใหม่ๆ และปัญหาคือโอกาสในการยกระดับจิตใจตัวเอง คิดดูง่ายๆถ้าโควิดครั้งนี้คือวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ครั้งหน้าที่เราเจอกับปัญหาเราก็จะไม่รู้สึกว่ามันหนักเพราะเราเจอหนักที่สุดมาแล้วนี่แหละคือประโยชน์ของปัญหา แต่คนมักไม่ได้มองตรงนี้ คนที่เจอกับปัญหาหรือวิกฤตใหญ่ๆแล้วผ่านมันไปได้ คนๆนั้นก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าคนอื่น
ฉะนั้นเราควรสร้างนิสัยที่ชอบหาปัญหา ชอบแก้ไขปัญหา เพราะมันเหมือนการฝึกสมองเราให้รู้จักการแก้ปัญหาอยู่ตลอด แล้วเวลาที่ปัญหามาหาเราจริงๆเราก็จะไม่ตื่นตระหนกและไม่รู้สึกว่าทำไมต้องมาเกิดกับกูแบบนี้
ปล. ขอบคุณพี่อั๋น CEO Kaspy เกษตรครบจบในแอปเดียว ที่ชวนไปนั่งพูดคุยสร้างแรงบันดาลใจดีๆในครั้งนี้ครับ
#torpenguin #ผู้ชายขายบริการ
#ต่อเพนกวิน #ต่อธนญชัย #ต่อฟีโนมีน่า
10 บันทึก
6
7
10
6
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย