Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
MAD literary
•
ติดตาม
19 ต.ค. 2021 เวลา 04:15 • หนังสือ
7 สิ่งมหัศจรรย์บนสวรรค์ชั้น "ดาวดึงส์"
ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ สวรรค์ดาวดึงส์ (Trayastrimsa)
สวรรค์ชั้นที่ 2 ในฉกามาพจร
สวรรค์ชั้นนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปกว่าสวรรค์ชั้นไหนๆ สวรรค์ชั้นนี้มีสิ่งมหัศจรรย์ที่มีแค่สวรรค์ชั้นนี้เท่านั้นที่มี เหล่าบรรดาพรหมและเทวดาจากชั้นอื่นๆต่างก็ต้องมากันที่ดาวดึงส์กันทั้งนั้น เรามาดูกันว่าสวรรค์ชั้นนี้มีสิ่งมหัศจรรย์อะไรบ้าง
1. เขาพระสุเมรุ : แกนกลางของจักรวาล
เขาพระสุเมรุ (Mount Meru) เป็นภูเขาหลักของโลก ตั้งอยู่ในกลางจักรวาลอันยิ่งใหญ่เลยล่ะครับ ตั้งอยู่เหนือน้ำ 84,000 โยชน์ โดยมีภูเขารองรับสามลูก คือ ตรีกูฏ (Trikuja) (สามเส้าหรือสามยอด)
มี 7 เทือกเขาล้อมรอบเรียกว่า สัตตบริภัณฑ์คีรี ประกอบด้วย
1. ยุคนธร
2. อิสินธร
3. กรวิก
4. สุทัส
5. เนมินธร
6. วินตกะ
7. อัสกรรณ
เบื้องล่างมีปลาอานนท์ (Anada Fish) หนุนอยู่ที่ทะเลสีทันดร (Sidantara Ocean) เหนือเขาพระสุเมรุขึ้นไปนี้ เป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนครแห่งเทพที่ชื่อนครไตรตรึงษ์ มีท้าวสักกเทวราช (Sakka - พระอินทร์) เป็นผู้ปกครองทำหน้าที่เป็นเทวราชผู้อภิบาลโลก และพิทักษ์คุณธรรมให้แก่มนุษย์
เขาพระสุเมรุ : แกนกลางของจักรวาล
2. เจดีย์จุฬามณี
เจดีย์จุฬามณี (Culamanicetiya) เป็นพระเจดีย์ที่ประดับด้วยทองและแก้ว 7 ประการ มีกำแพงทอง 4 ด้าน ประดับด้วยธงทิวต่างๆนานา มีเทวดาประโคมดนตรีถวายพระเจดีย์อยู่เสมอ และพระอินทร์จะเสด็จยังเจดีย์จุฬามณีนี้บ่อย ๆ
ภายในบรรจุพระเกศโมลี (มวยผม) ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตัดออกในขณะที่เสด็จออกบรรพชา และ พระบรมธาตุเขี้ยวแก้วเบื้องขวาของพระบรมศาสดา
.
หนึ่งเจดีย์พระจุฬามณีสถิต
อันไพจิตรด้วยฤทธิ์สุเรนทร์ถวาย
สูงร้อยโยชน์โชติช่วงประกายพราย
ยิ่งแสงสายอสุนีในอัมพร
.
เชิญเขี้ยวขวาเบื้องบนพระทนต์ธาตุ
ทรงวิลาศไปด้วยสีประภัสสร
แทนสมเด็จพระสรรเพชญ์ชิเนนทร
สถาวรไว้ในห้องพระเจดีย์
(สมบัติอมรินทร์คำกลอน - เจ้าพระยาพระคลัง (หน))
เจดีย์จุฬามณี
3. นันทวันอุทยาน
นันทวันอุทยาน (Nandanavana) คืออุทยานทางทิศตะวันตกของสวรรค์ ในสวนนี้มีสระโบกขรณี 2 สระ คือ มหานันทา กับ จุลลนันทา
และมีแท่นบรรทมสำหรับให้เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ได้ทำการจุติด้วย ซึ่งเทพผู้เกิดจุตินิมิต จะมายังสวนนี้เพื่อทำการจุติ เหล่าทวยเทพสหายก็จะมาอำนวยอวยพรให้บังเกิดในสุคติภพต่อไป
นอกจากนี้ที่สวนนันทวัน ยังมีดอกมณฑารพเกิดขึ้นมากมาย เป็นต้นไม้ประจำสวนนันทวัน ดอกไม้นี้เคยตกจากสวรรค์ เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะที่พระองค์กำลังดับขันธปรินิพพาน ดอกมณฑารพมีสีเหลืองทอง มีรัศมีสวยงามมาก มีกลีบเท่าฉัตร ใบไม้ ละอองเกสรใหญ่เท่าทะนาน
.
อันภายนอกพระนครทั้งสี่ทิศ
ย่อมโสภิตสระสวนเกษมศรี
แต่นามนันทวันโบกขรณี
เป็นพื้นที่สนานสนุกแห่งเทวัญ
.
ระเบียบสระทั้งสี่วารีทิพ
เหมือนจะหยิบเสาวรสให้ทรงสรรค์
มีโกสุมปทุมซ้อนสลับกัน
ทั้งชั้นสัตวาจงกลบาน
(สมบัติอมรินทร์คำกลอน - เจ้าพระยาพระคลัง (หน))
นันทวันอุทยาน
4. ดอกปาริชาต : ดอกไม้ระลึกชาติ
อยู่ในอุทยานทิพย์ ต้นไม้ทองหลางใหญ่แผ่สาขาอยู่ต้นหนึ่ง
ชื่อว่า ต้นปาริชาต หรือ กัลปพฤกษ์
ต้นปาริชาต (Parijata) ร้อยปีถึงจะออกดอกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงคราวนั้นดอกไม้ในสวรรค์นี้ก็จะบานสะพรั่งย่อมส่งกลิ่นหอมไปในทิศนั้น เป็นระยะไกลแสนไกล ดอกไม้นี้จะบานสะพรั่งไปทุกกิ่งก้าน
ถ้าเทพบุตรเทพธิดาองค์ใด ปรารถนาจะได้ดอกปาริชาต ก็จะตกลงมาในมือดั่งรู้ใจ ถ้ายังไม่ได้รับในมือดอกก็ยังไม่ทันตกลงดิน โดยมีลมชนิดหนึ่งจะพัดชูดอกไว้ในอากาศ จนกว่าเทพยดาผู้ใดประสงค์ก็จะมารับเอาไป
ยิ่งเทวดาได้สูดดมด้วยแล้วก็จะสามารถจดจำเรื่องราวในอดีตชาติของตนได้
.
มีพระยาไม้ปาริกชาติ
ประจำเชิงเมรุมาศมไหศวรรย์
สูงร้อยโยชน์ยิ่งไม้ในหิมวันต์
ทรงสุคันธ์ทิพรสขจายจร
.
กลิ่นบุปผาฟุ้งฟ้าไปร้อยโยชน์
อบเอารสสาโรชเกสร
ทั่วสถานพิมานเทวนิกร
เบิกบัญชรพิศงามเมื่อยามบาน
(สมบัติอมรินทร์คำกลอน - เจ้าพระยาพระคลัง (หน))
ดอกปาริชาต : ดอกไม้ระลึกชาติ
5. ศาลาสุธรรมาเทวสภา : ที่ประชุมของทวยเทพ
ศาลาสุธรรมาเทวสภา (Sudhamma) เป็นเทวสถานที่อยู่ไม่ไกลจากต้นปาริชาตเท่าไรนัก ตั้งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้นามมาจากชื่อของพระนางสุธรรมา ซึ่งเป็น 1 ในชายาทั้ง 4 ของพระอินทร์
สภาแห่งนี้ใช้เป็นที่ประชุมของเหล่าเทพและพรหมเพื่อการต่างๆมากมาย ได้แก่ การประชุมกันเพื่อฟังธรรมในวันพระ , ประชุมกันเพื่อพิจารณาโทษผู้ทำผิดซึ่งอาจต้องเทวทัณฑ์หรือพรหมทัณฑ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเป็นที่เก็บบัญชีสุวรรณบัฏ บัญชีแผ่นทองซึ่งบันทึกชื่อคนดีในโลกมนุษย์ โดยพระปัญจสิขร (Pancha Sikhara) กับท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่บวกเหล่าบริวารจะช่วยกันเสาะแสวงหาผู้ปฏิบัติดีมีใจเป็นธรรมทั่วทั้งโลกมนุษย์ตลอดสัปดาห์ และจดบันทึกชื่อไว้ เพื่อนำมารายงานแก่เทวสภาในเหล่าเทพและพรหมได้อนุโมทนาบุญกันทุกวันพระ
ซึ่งเมื่ออนุโมทนากันเสร็จแล้วนามเหล่านั้นก็จะถูกจารึกลงในบัญชีสุวรรณบัฏ และทุกนามที่ได้รับการจารึกลงในบัญชีทองดำนั้น เมื่อหมดอายุขัยย่อมได้มาเกิดในสุคติภูมิทั้งสิ้น
ศาลาสุธรรมาเทวสภา : ที่ประชุมของทวยเทพ
6. บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ : ราชบัลลังก์ดาวดึงส์
บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ (Pandukambalasilasana) เป็นแท่นสีแดงดังดอกชบา อ่อนนุ่มดังฟูก
เมื่อพระอินทราธิราชประทับพักผ่อนอิริยาบถอยู่เหนือแท่นศิลาอาสน์แล้ว
แท่นทิพย์นี้ก็จะอ่อนยุบลงไป
และเมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้น แท่นศิลาก็จะฟูขึ้นเต็มตามเดิม
เป็นแท่นศิลาที่ประหลาดมหัศจรรย์ ยุบและฟูขึ้นเองโดยธรรมชาติ หรือเมื่อพระแท่นนี้ก็จะเด้งสปริงตัวขึ้นมาเอง พระอินทร์จะทราบได้ว่าคนดีกำลังตกทุกข์ได้ยากอยู่ ต้องรีบให้ความช่วยเหลือโดยเร็วไวตามสไตล์วรรณคดีไทย
บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ : ราชบัลลังก์ดาวดึงส์
7. ช้างเอราวัณ : ช้างทรงขององค์อมรินทร์
ช้างเอราวัณ (Airavata) เป็นช้างทรงของพระอินทร์ที่มีพละกำลังมาก เป็นที่โปรดปรานมากที่สุดของพระอินทร์
เชื่อกันว่าช้างเชือกนี้เป็นเทพบุตรองค์หนึ่ง เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จ ไปไหนเอราวัณเทพบุตร ก็จะแปลงกายเป็นช้างเผือก
ช้างเอราวัณมี 33 เศียร
แต่ละเศียรมีงา 7 งา
แต่ละงามีสระบัว 7 สระ
แต่ละสระมีดอกบัว 7 ดอก
แต่ละดอกมีกลีบ 7 กลีบ
แต่ละกลีบมีเทพธิดาสถิต 7 องค์
เทพธิดาแต่ละองค์มีบริวารองค์ละ 7 นาง
เทพธิดาบริวารแต่ละนาง มีบริวารนางละ 7 คน
ช้างเอราวัณ
3 บันทึก
2
2
3
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย