19 ต.ค. 2021 เวลา 08:07 • ความคิดเห็น
บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าการคิดถึงอนาคตทำให้เราเป็นทุกข์ นี่เราพยายามทำสิ่งต่างๆเพื่ออนาคตจนลืมนึกถึงปัจจุบันรึเปล่า
นี่เราควรคิดถึงอนาคตหรือเราควรอยู่กับปัจจุบัน?
หลายครั้งที่เราคุ้นชินกับคำสอนของพุทธศาสนาที่ว่า มนุษย์เราควรอยู่กับปัจจุบัน การยึดติดกับอดีตหรืออนาคตนั่นคือสิ่งที่ทำให้จิตใจเป็นทุกข์ หลายคนก็อาจตีความรวมไปถึงว่างั้นชีวิตเราก็ไม่จำเป็นต้องมีแผนการอะไรก็ได้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องของอนาคตคิดไปก็มีแต่เป็นทุกข์
เอาเข้าจริงแล้วมันมีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นในชีวิตที่เรามักจะโฟกัสในเรื่องของอนาคต เราต้องยอมรับว่าคนเราไม่สามารถโฟกัสได้หลายๆเรื่องพร้อมกัน นี่คือสิ่งที่ทำให้เราต่างจากระบบประมวลผลในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
อะไรกันเล่าที่เราเฝ้าคำนึงถึงแต่อนาคต “อยากประสบความสำเร็จในชีวิต” ถ้าตีให้เป็นนามธรรมลงมาอีก เช่น อยากรวยมีเงินเยอะๆ อยากมีบ้านหลังโต อยากมีรถ อยากมีคู่ครอง อยากมีอำนาจ ฯลฯ เรามักคิดถึงความหวังว่าในอนาคตชีวิตเราอยากได้อยากมีอะไร
ขณะที่เราเฝ้าฝันถึงอนาคต ในเวลาเดียวกันเรากลับเป็นพวกที่อยู่กับปัจจุบันโดยไม่สนใจว่าต่อไปในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
มันเป็นความย้อนแย้งของมนุษย์
เรารู้ว่าการใช้ชีวิตของเราในทุกวันนี้ทำให้โลกกำลังมีปัญหา สภาวะเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าในสายตานักวิทยาศาสตร์แล้วเราสนใจมันไม่พอ จนวิกฤตหนักจึ้นเรื่อยๆ เรารู้ว่าการสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อปอดเสี่ยงโรคในอนาคตแต่หลายคนก็ยังสูบ การดื่มแล้วขับมันเสี่ยงอันตรายที่จะเกิดอุบัติเหตุแต่หลายคนก็ยังทำ หรือการกินอาหารตามใจปากเราจะเสี่ยงเจอหลายโรคแต่หลายคนก็ไม่สนใจ การออกกำลังกายดีต่อสุขภาพแต่หลายคนก็เลือกที่จะผัดผ่อน นักเรียนอยากมีผลการเรียนที่ดีแต่วันนี้หนังสือก็ยังไม่เปิดมาอ่าน
ถ้าคนเราคำนึงถึงอนาคตในทุกเรื่องของชีวิต ปัญหาย้อนแย้งที่กล่าวมาข้างต้นก็คงไม่เกิดขึ้น ในเชิงเศรษฐศาสตร์เราเรียกวิธีคิดของมนุษย์เช่นนี้ว่าการยึดติดกับปัจจุบัน (present bias) หมายถึง ที่คนเราให้คุณค่ากับปัจจุบันมากกว่าอนาคต และวิธีคิดนี้คือสิ่งที่ก่อให้เกิด ดอกเบี้ย ทางการเงินที่เราทุกท่านใช้กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หรือหลายกรณีเราก็เป็นพวกผัดวันประกันพรุ่ง (procrastination) หรือการละทิ้งความสุขในระยะยาวเพื่อรับความสุขในระยะสั้น ทั้งที่รู้ว่าท้ายที่สุดมันจะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายตามมาในอนาคต
ดังนั้นแล้วคนเราอาจเป็นพวกอนาคตนิยมในเรื่องหนึ่ง แต่กลับเป็นพวกปัจจุบันนิยมในอีกหลายเรื่อง และบางเรื่องเราก็เป็นพวกอดีตนิยม การพยายามปรับสมดุลในการคิดจึงเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งไหนยึดติดกับอนาคตมากไปก็ลดลง หันมาใส่ใจปัจจุบันบ้าง อันไหนสนใจแต่ปัจจุบันก็อย่าลืมมองถึงอนาคตบ้างว่าจะส่งผลเสียอะไรตามมาบ้างหรือเรียนรู้จากอดีตที่เคยผ่านมาแล้วปรับให้ดีขึ้น อันไหนติดกับอดีตมากไปก็กลับมาหาปัจจุบันหรือปล่อยวางเพื่อไปสู่อนาคต
ชีวิตมันไม่ได้มีสูตรสำเร็จว่าแบบไหนดีกว่า ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้นในการใช้ชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าเราจะปรับอย่างไรให้สมดุลย์…
โฆษณา