-เห็นหน้าปกอัลบั้มแล้วก็อดนึกถึง A Head Full of Dreams ไม่ได้เสียจริง เวลาเราเห็นหน้าปกอัลบั้มที่เคยผ่านตามาแล้ว อย่างแรกไอ้เราก็ไม่ใช่คนประเภทด่วนตัดสินหนังสือที่หน้าปกหรอกนะ แต่ความไม่มีอะไรใหม่กลับฉุกคิดอยู่ในหัวด้วยความน่าเสียดายจนได้ สไตล์เพลงโดยรวมในงานชุดล่าสุด แทบจะไม่ต่างจากงานชุดนั้นจนแทบกลับไปกดสูตรอิเล็กโทร-ป็อปอีกครั้ง การเชิญแขกรับเชิญบอยแบนด์ที่ดูทรงแล้วน่าจะพยายามเอาใจชาวเอเชียมากกว่าการเสริมบริบทมิติของภาษาข้ามชาติพันธุ์ให้แข็งแกร่งอย่างจริงจัง ความพยายามของวงร็อคที่ขึ้นชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดแห่งเกาะอังกฤษกลับทำสิ่งที่เรียกว่า “ง่ายไป” ในมุมมองคนฟังที่ติดตามมานาน 25 ปี ถ้าไม่ให้ผิดหวังไปมากกว่านี้ก็คงจะเป็นสเตตัสของวงที่ไปไกลจนถึงจุดอิ่มตัวเสียจน เราแทบจะไม่คาดหวังงานเพลงท้าทายทางโสตประสาทและความคิดจากวงนี้เป็นแน่นแท้
-การเรียกใช้บริการจาก Max Martin ในครั้งนี้อาจจะไม่ตรงจุดซะเท่าไหร่ ให้ขุนพลเพลงป็อปที่มีกรอบของสไตล์ป็อปคนเมือง มีเป้าประสงค์พุ่งที่ชาร์ตเพลง กลายเป็นความไม่ beyond ไปตามบริบทซักเท่าไหร่นัก เราเลยได้ป็อป-ร็อคของ Full Band ทั่วไป ไม่ได้มีกลิ่นไซไฟจ๋าขนาดนั้น เป็นการบอกเล่าเรื่องความรักความสัมพันธ์ของบุคคลรอบข้าง โดยมีแสงสีไฟนีออนฟ้าชมพูคอยเป็นแม่สี ไม่ต่างจากผับบาร์หรืองานคอนเสิร์ตตีมอวกาศก็เท่านั้น
-เห็นแววจากซิงเกิ้ลแรก Higher Power มันเป็นอิเล็กโทรป็อป upbeat ที่ไม่ได้ส่งต่อพลังมากนัก มีลูกเล่นที่เห็นได้ตามศิลปินป็อปทั่วไป ผิดกับ Humankind ที่ส่งต่อความ alert ได้ดีกว่า มันเป็น anthem ปลุกใจที่มีลูกเล่นโหมโรงสมกับการเอาไปสาดพลังใน stadium ที่ยังพอมีดีเอ็นเอเก่าๆของวงหลงเหลือบ้างคงหนีไม่พ้น People of The Pride ที่มีรีฟกีตาร์ปลุกเร้ามากที่สุด ได้ยินปุ๊บพร้อมดึงอารมณ์ให้คนดูกระทืบเท้าได้เลย ดีเอ็นเอความเป็นนักร้องสายให้กำลังใจหนักแน่นยังคงอยู่ในเพลง Let Somebody Go ซึ่งมีแนวโน้มฮิตมากๆโดยเฉพาะในไทย เพราะพี่ไทยชอบฟีลระล่ำระลักปล่อยเธอไปแบบนี้ แถมยังได้ Selena Gomez มาฟีท Gen Y-Z ให้ความสนใจ น่าจะติดชาร์ททั่วโลกได้อยู่
-นอกจากจะกดสูตรป็อปตาม AHFOD ยังมีการหยิบสไตล์เพลงบางส่วนจาก Everyday’s Life มาอย่างละนิดหน่อยอย่างเห็นได้ชัด เช่น ❤️ (Human Heart) ที่ได้ We Are KING และ Jacob Collier มาฟีทรวมตัวกันประสานเสียงกอสเปล ชวนระลึกถึง interlude track อย่าง When I Need a Friend เพลงมโนมุมมองเอเลี่ยนมองมายังโลกอย่าง Biutyful ที่ใช้เทคนิคการ distort เสียงเจี๊ยวจ๊าวขี้เล่นแบบในเพลง Cry Cry Cry อินโทรกระเพื่อมแอบแปลกๆมากกว่าล้ำ แต่มีจุดที่ผมชอบมากสุดคือ ท่อนแยกท่อนสุดท้ายก่อนเข้าฮุก หนักแน่นเข้าที่เข้าทางมากสุด ทั้งนี้ทางวงยังไม่เปิดเผยว่าใครคือคนที่เป็นตัวแทนเอเลี่ยนเสียงเจี๊ยวจ๊าวคนนั้น