#รีวิวฟันด์วันละกอง #JittaWealth #กองทุนส่วนบุคคล
#Thematic #ธีมไหนดี
.
สวัสดีครับ
หลังจากบทความรีวิวกองทุนมานาน ในที่สุดแอดก็ได้ฤกษ์เขียนบทความซะที
ขออภัยเพื่อนๆที่รอกันนานนะครับ หลังๆสนุกกับการนั่งฟังไลฟ์แล้วเลคเชอร์ 555
.
วันนี้ถึงตาของ Jitta Wealth อีกครั้ง ถ้าเพื่อนๆจำกันได้ครั้งก่อนที่ผมรีวิว Jitta Ranking ไปก็มีอัพเดทเพิ่มมาคือ Jitta Ranking มี Model หุ้นจีนด้วย เพิ่มเข้ามาจากที่มีหุ้นไทย หุ้น US หุ้นเทค
==========
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth - Jitta Ranking
==========
.
เท้าความกันก่อน Jitta Wealth คือ กองทุนส่วนบุคคล ของบลจ. จิตตะ เวลธ์ ซึ่งมันจะมี 3 รูปแบบให้เราเลือกลงทุน คือ
.
1) Global ETF (ลงทุน ETF ทั่วโลก) โดยเริ่มที่ 1 แสนบาท ก็พบว่าน่าสนใจทีเดียว
2) Thematic (มีให้เลือก 16 ธีม) เริ่มที่ 1 แสนเช่นกัน อันนี้เดาว่าคนน่าจะชอบเยอะ
3) Jitta Ranking ไม่ใช่ ETF แต่ไปเลือกหุ้นลงทุนด้วย AI คัดมาให้
.
==========
.
#Thematic
เป็น 1 ใน 3 สินค้าการลงทุนของ Jitta Wealth โดยคนส่วนใหญ่มักเรียกว่า "Thematic ETF" >>> ก็เป็น ETF นั่นแหละ ที่คัดออกมาเป็นธีมต่างๆเข้าใจง่ายๆเลยจบ
เราจะลง 1-5 ธีมก็ได้ น้ำหนักเท่าๆกัน ขั้นต่ำเริ่มที่ 1 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีธีมให้เลือกมากถึง 16 ธีม
เราจะเลือกลงทุนเองเป็น Thematic DIY ก็ได้ หรือให้ AI ช่วยเลือก เรียกว่า Thematic Optimize
.
#ข้อดีของThematic
.
- สำหรับผมมันคือ การได้ไปซื้อ ETF ตรงๆเลยผ่าน Jitta
- ค่าธรรมเนียมไม่สูงมาก รวมๆก็ราว 0.8% ต่อปี++ (กรณีโอนเงินไปกลับ) ถูกกว่ากองทุนรวมต่างประเทศนะ
- ธีมที่ลงทุน ผมมองว่าเป็น Megatrend นะ มีหลาย Passive ETF ที่น่าสนใจ ซึ่งทีมงาน Jitta Wealth เค้าคัดมาให้แล้ว บวกกับเอา ETF ที่มีสภาพคล่องและ Fee น้อยๆมาให้ เรียกว่า #ETFคัดมาแล้ว
- ตอบโจทย์คนที่ชอบ Thematic ไม่ต้องพูดเยอะ บางทีเราไม่รู้จักหุ้นรายตัว แต่เรารู้จัก Theme ดีๆหลายแบบ ซึ่งวันที่ผมเขียนบทความเค้ามีอยู่ 16 ธีมนะ (แต่ลงได้สูงสุด 5 ธีมเอง 5555)
- Rebalance เรื่องนี้ผมชอบ เพราะข้อดีของมันคือจะทำให้เราพอร์ตสมดุลอยู่เสมอ เพราะ Concept ในการลงทุนในพอร์ตนี้จะเป็น Equal Weight แบ่งเท่าๆกัน ดังนั้นเมื่อสัดส่วนน้ำหนักลงทุนเปลี่ยนแปลงเกิน 5% ดังนั้น Rebalance จึงช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้ถือตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป
.
โอเค นี่คือข้อดีที่ผมเห็นจาก Thematic แต่มันก็มีข้อจำกัดเล็กน้อย นั่นคือ เรื่องของความคล่องตัว และการส่งคำสั่ง
.
ประเด็นหลักๆ คือ Thematic ดูๆแล้วเหมาะแก่การซื้อถือยาวๆ ไม่ใช่ทำออกมาเพื่อเทรดเก็งกำไรครับ ผมเองก็โทรถาม Jitta เค้าก็แนะนำว่า บางทีเราโอนเงินแล้วอาจรอซักพัก 3-5 วันถึงจะได้ซื้อ หรือเวลาเราอยากปรับพอร์ต การส่งคำสั่งของเราอาจจะช้า และขายไม่ทันอะไรแบบนี้นะครับ
.
ถามว่า มันเป็นเรื่องใหญ่ไหม ผมคิดว่า สำหรับคนที่เคยศึกษาเรื่องการลงทุนระยะยาว จะทราบดีว่า ถ้าสุดท้ายเราถือสินทรัพย์นั้นยาวๆ ถ้ามันขึ้นเยอะ แม้จะซื้อช้าไป 2-3 วัน มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากต่อภาพรวมครับ คงแนะนำตรงๆว่า #ไม่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น ซื้อถือยาวๆดีกว่า แล้วทำ Rebalance เสริมครับ
.
#ค่าธรรมเนียม
.
-เสียค่าธรรมเนียมหลักๆ 0.5% ต่อปี ไม่ต้องปวดหัวกับค่าธรรมเนียมอีกหลายตัวทั้ง performance fee /front/back/switch
- นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายๆนิดๆหน่อยๆ พวก commission fee 0.2% ของมูลค่าการซื้อขาย และ Custodian fee 0.1% ต่อปี (หรือหักขั้นต่ำเดือนละ 80 บาท)
- ดูๆแล้วรวมๆ 0.8%++ ไม่รวมค่าโอนเงินไม่เกิน 1000 บาท
- ซึ่งถ้าคิดเลขง่ายๆ บางคนอาจรู้สึกว่า 0.1% ที่คิด 80 บาทต่อเดือนจะไม่คุ้ม ควรลงทุนราวๆ 960,000 บาทขึ้นไป ถึงจะคุ้มค่าธรรมเนียม ซึ่งจะบอกแบบนั้นก็ไม่ผิด
- แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุน FIF ในบ้านเราจะพบว่า ค่าธรรมเนียมที่เราเสียรวมๆไม่ถึง 1% ด้วย ซ้ำ ถือว่าถูกกว่านั่นแหละ จึงสะท้อนถึงโอกาสการเติบโตของเงินที่มากกว่าถ้าเราไปลงกองทุนเดียวกันนะ
- อย่างไรก็ดี ค่าธรรมเนียมตรงนี้เราเสียให้ Jitta 0.5% นะ ที่เหลือเราจ่ายให้คนอื่น ส่วนค่าธรรมเนียมพวก Ongoing Charges ของ ETF ก็จะมีตามปกติ เหมือนที่เราลงกองทุนหรือ ETF ในต่างประเทศ
.
#ThematicDIY
.
- แปลง่ายๆว่า เราเลือกเองว่าจะลง ETF ได้ 1-5 ธีม และจะแบ่งน้ำหนักลงเท่าๆกัน (Equal Weight)
- มีการปรับสัดส่วนการลงทุน (Rebalance) เมื่อสัดส่วนธีมใดธีมหนึ่งเปลี่ยนแปลงเกิน 5% หรือเมื่อครบ 1 ปี
- ลงทุนไปแล้วก็เปลี่ยนธีมได้นะ ไตรมาสละครั้ง นับจากวันที่เริ่มลงทุน แต่ถ้าอยากเปลี่ยนอีกในช่วง 90 วันนั้น ต้องเสียครั้งละ 500 บาท (ไม่คุ้มอ่ะ ถือยาวนิ่งๆดีกว่า แล้วถ้าอยากเปลี่ยนก็คิดให้ดีครับ)
.
ตอนแรก Jitta Wealth ก็ออก DIY มาก่อน เราก็ต้องมาศึกษากันแหละว่าอะไรดีไม่ดี ใครที่ชอบ Thematic น่าจะถูกใจ แต่คนที่ไม่มีเวลาศึกษาหาข้อมูลอาจจะไม่กล้าลงทุน ทำให้ช่วงก.ย.-ต.ค.64 Thematic Optimize ก็คลอดตามออกมานั่นเอง
.
#ThematicOptimize
.
- ผมชอบเรียกมันว่า ให้ Thematic AI ให้ AI ช่วยเลือก เหมือนที่เค้ามี Hashtag ออกมา #เลือกให้ถูก
- ต่างจาก DIY ตรงที่ AI จะเลือกมา 4 ธีมๆละ 25% แล้วก็จะมีปรับพอร์ตทุก 3 เดือน
- AI มันดีตรงที่ข้อมูลเยอะไง อ่านมากกว่าเรา แล้วไม่ใช้อารมณ์ตัดสินใจด้วย
- ถ้าถามว่า AI เลือก ETF ตัวไหนมาจัดพอร์ตคงประกอบด้วยหลักการที่หลากหลาย แต่ผมเข้าใจ ว่า น่าจะพิจารณาจาก Revenue Growth เป็นหลักเพราะธีมแห่งอนาคตก็ต้องมียอดขายที่เติบโตเร็วเป็นธรรมดา
- อย่างไรก็ดี ธุรกิจเหล่านี้อาจมีกำไรน้อยหรือยังไม่มีกำไร แต่ราคาหุ้นวิ่งไปก่อนแล้วนั่นเอง
- ถ้าเราเคยฟังคุณเผ่า หรือดูในเว็บจะพบว่า ผล Backtest ของ Thematic Optimize น่าสนใจมากเฉลี่ย 25% ต่อปี แต่ถามว่าเวลาลงจริงๆ เราจะได้แบบนั้นไหม ก็คงไม่มีใครตอบได้ ทั้งนี้ผล Backtest ดังกล่าวเป็นช่วง 3 ปีย้อนหลัง เพราะหลายๆ ETF เพิ่งก่อตั้ง อายุไม่มาก และหลายธีมก็ได้ประโยชน์จาก Covid เป็นตัวเร่ง ดังนั้นฐานผลตอบแทนจากทั้ง ETF หรือกองทุนอื่นๆที่เราลงมันจะดูสูงเกินไปจากฐานต่ำ และการฟื้นตัวที่แรง ดังนั้นตัวเลข 25% ไม่ใช่การการันตี แต่สิ่งที่เราจะได้ คือ การคาดหวังผลตอบแทนที่สูง เพราะเป็นการเลือกลงทุนในหุ้น 100% และเป็น Megatrend ของโลก
- สุดท้าย โมเดล ETF ที่ AI เลือกมา อาจจะมี DIY เพียง 10 รูปแบบจาก 100 รูปแบบ (10%) ที่ชนะ AI แปลว่า อย่างน้อยถ้าเราเลือกเองไม่ได้ ก็แน่ใจได้ว่า ผลตอบแทนคาดหวังก็คงไม่แย่
แม้ไม่ได้ไปถึงดวงจันทร์ แต่ก็อยู่ท่ามกลางดวงดาวนะครับ แต่ถ้าเลือกเองแล้วผิดขึ้นมา อาจจะอยู่แค่ชั้นบรรยากาศของโลกก็ได้
.
ถ้าคำถามของเรา คือ แบบไหนที่เหมาะกับเรา ผมคิดว่า ถ้าเราไม่ได้ศึกษาให้ดี หรือมีข้อมูลที่ไม่มากพอ Thematic Optimize ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ
ในทางกลับกัน สมมติเราเชี่ยวชาญหรือมีเวลาศึกษา หาข้อมูลมาก ผมว่าเราจะลง DIY ก็ได้ แต่ AI เหล่านี้ก็เข้าถึงข้อมูลมากกว่าหรือเท่ากับตัวเราแน่นอน ดังนั้นคงวัดกันที่หลักการตัดสินใจแล้วว่า เราหรือ AI จะเลือกออกมาแบบไหนครับ
.
==========================
.
#Thematicทั้ง16
.
ดังนั้นวันนี้ Fun Manager จึงนำข้อมูลในเชิง Quantitative เกี่ยวกับ 16 ธีมมาฝากไว้เผื่อใช้ตัดสินใจได้ สำหรับคนที่อยากลง DIY นะครับ แล้วทั้ง 16 ธีมมีอะไรบ้าง และลง ETF ตัวไหน
.
1. ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา >> SCHX
2. ตลาดหุ้นจีน >> MCHI
3. ตลาดหุ้นอินเดีย >> EPI
4. ตลาดหุ้นเวียดนาม >> VNM
5. บริการสุขภาพ >> IXJ
6. หุ่นยนต์และ AI >> IRBO
7. คลาวด์ >> WCLD
8. เทคโนโลยี >> XT
9. อีคอมเมิร์ซ >> ONLN
10. เทคโนโลยีการเงิน (Fintech) >> FINX
11. เกมและอีสปอร์ต >> HERO
12. เทคโนโลยีจีน >> CQQQ
13. กัญชา >> MJ
14. เทคโนโลยีท่องเที่ยว >> AWAY
15. จีโนมิกส์ >> IDNA
16. พลังงานสะอาดจีน >> KGRN
.
วันนี้ผมยังไม่ได้มารีวิวแต่ละ ETF ให้ฟังนะครับ ขอเก็บไว้ตอนหน้าๆนะ
แต่เรามาดูข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลังรายปี 2019 2020 และ YTD (30 ก.ย.)
พบว่า US India น่าสนใจ แต่บางธีมเช่น Esport และ China Tech ปรับตัวลงมากมีผลตอบแทน YTD ติดลบ
.
ขณะที่ผลตอบแทนแบบปักหมุด (ณ 30 ก.ย.) พบว่า 1 ปีย้อนหลังหลายๆตัวสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยมีถึง 11 ตัวที่มีผลตอบแทนมากกว่า 20%
.
นอกจากนี้ผมยังได้ดึงข้อมูล Return/Risk มาให้เป็นการเปรียบเทียบผลตอบแทนรายปีและค่าSD ด้วย จะมองเป็น Sharpe Ratio ก็ได้เหมือนกัน
.
สุดท้าย P/E P/B ในตาราง ต้องชี้แจงนิดนึงว่า ปกติเวลาเราฟัง Live ที่เค้าพูดถึง P/E โดยส่วนมาก มักจะเป็นค่า Forward P/E ซึ่งสะท้อน Price หรือ Index ปัจจุบัน และ EPS ในอนาคตของตลาดหุ้นนั้นๆ
.
แต่ ETF รายตัวนี้ ไม่มี Forward P/E เพราะไม่มีนักวิเคราะห์มาประเมิน EPSในอนาคต ดังนั้น P/E ที่แสดงนี้จึงเป็น Trailing P/E หรือ Historical P/E นั่นเอง >> P คือ ราคาของ ETF ปัจจุบัน และ E คือ EPS ในอดีต (ส่วน P/B ก็เป็น Book Value ในอดีตด้วย)
.
หวังว่าข้อมูลตรงนี้จะช่วยเสริมเพื่อนๆนักลงทุนในการตัดสินใจลงทุนใน Thematic DIY ได้ แต่หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณจะเลือกถูกไหม
.
ผมคิดว่า Thematic Optimize ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยล่ะ เพราะเวลา AI ดู มันเจาะเข้าไปงบการเงินและยอดขายของหุ้นรายตัวในแต่ละ ETF ซึ่งผมดูไม่ไหวหรอก 16 ตัวก็เยอะแล้ว นี่ต้องไปดูไส้ในอีกให้ AI ช่วยละกัน แล้วเอาเวลาไปดู Netflix ละกัน 555
.
ป.ล. แอบบอกว่าแอดมินลง DIY ไปก่อนแล้ว แต่เลือกธีมไหน จะมีใครเดาถูกบ้างไหมนะ เพราะส่วนหนึ่งก็อาศัยข้อมูลจากตารางนี้นี่แหละครับ ไว้จะมาเล่าต่อตอนหน้านะ
=========================
.
หากท่านสนใจลงทุนใน Jitta Wealth ไม่ว่าจะเป็น Thematic / Global ETF / Jitta Ranking
.
สามารถสมัครได้เลยที่ลิ้งนี้ครับ
.
ศึกษาให้ดีก่อนที่จะเริ่มลงทุน แต่อย่าลังเลที่จะลงทุนนะครับ
=========================
.
ขอให้โชคดีในการลงทุน และสนุกสนานกับการเรียนรู้ครับ
#FunManager
.
Facebook : www.facebook.com/funxmanager
Blockdit : www.blockdit.com/funxmanager
===========================
คำเตือน : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ และไม่ได้ชี้นำการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของกองทุนรวม/กองทุนส่วนบุคคลต่างๆก่อนการลงทุน เพราะผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคตนะครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
