21 ต.ค. 2021 เวลา 13:21 • กีฬา
ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเร็วๆ นี้หรือไม่ แต่ทีมปีศาจแดงก็ไม่สมควรรีบตกรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
ไม่มีอะไรการันตีเลยว่าถ้าผีแดงแพ้ อตาลันต้า คาบ้าน จะทำให้บอร์ดบริหารตัดสินใจปลด โซลชาร์ ทันทีหรือเปล่า
1
ซึ่งในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้หลายๆ สำนักก็ต่างพร้อมใจรายงานไปในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือเก้าอี้ของ โซลชาร์ ยังมีความมั่นคงอยู่ หากนับเฉพาะสถานการณ์ตอนนี้
หลายคนอาจคิดแค่ว่า การที่ โซลชาร์ รีบไปให้พ้นๆ ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยเร็วที่สุด คือสิ่งที่จะดีที่สุดสำหรับสโมสร แต่ถ้ามาลองคิดดูดีๆ หน้าที่ของผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร มันคืออะไรกันแน่?
1
มันไม่ใช่การพาทีมชนะให้ได้ และไปให้ไกลที่สุดในทุกรายการแข่งขันที่ลงแข่งหรอกหรือ?
แล้วมันจะมีเหตุผลอะไร ที่แฟนบอลต้องแช่งให้ทีมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้ ตอนที่ทีมยังมีโอกาสเข้ารอบ โดยไม่มีอะไรการันตีเลยว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าทีมแพ้ อตาลันต้า คาบ้านจริงๆ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นก่อนเลยแน่ๆ นั่นก็คือโอกาสตกรอบฟุตบอลรายการใหญ่สุดของยุโรปจะมีสูงขึ้น
1
จากที่ตารางคะแนนโชว์ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด นำจ่าฝูงของกลุ่ม F ในตอนนี้ จะกลายเป็นว่าพวกเขารั้งอันดับบ๊วยแทน และถ้าทีมไม่สามารถเข้าไปเล่นรอบน็อคเอาต์ UCL ได้อีกปี สโมสรจะต้องสูญรายได้ไปไม่น้อย ทั้งจากเงินรางวัลการเข้ารอบและลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ซึ่งจะทำให้มูลค่าภาพลักษณ์ทางการตลาดยิ่งตกต่ำลงด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าสโมสรต้องหล่นไปเล่นรายการ ยูโรปา ลีก จริงๆ ทีมจะวางแผนเพื่อทำผลงานให้ดีในเกมลีกสุดสัปดาห์ได้ยากขึ้นมากในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เพราะการต้องลงเตะระหว่างคืนวันพฤหัสบดี ต่อด้วยวันอาทิตย์เป็นประจำ มันทำให้สภาพความฟิตของนักเตะไม่ได้อยู่ในระดับดีที่สุด และมันจะทำให้ผลงานที่แฟนบอลคาดหวังเกิดขึ้นได้ยากตามไปด้วย ไม่ว่าคนคุมทีมจะเป็นกุนซือระดับเทวดาจากไหนก็ตาม
4
คุณลองสังเกตดูสิ ว่าทีมที่จะทำผลงานในลีกให้มันคงเส้นคงวาแบบที่แฟนบอลพอใจได้ มักไม่ใช่ทีมที่มีโปรแกรมแข่งบอลยุโรปในคืนวันพฤหัสบดีหรอก ไม่ต้องพูดถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นทีมไหนที่เจอโปรแกรมแบบนี้ มักจะทำงานยากกันหมดทั้งนั้น
1
ถ้าบทสรุปตัดสินเมื่อมันถึงเวลา โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ สอบไม่ผ่านอย่างชัดเจน ยังไงสโมสรก็จะปลดเขาออกไปแน่ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ แต่ถ้าการแข่งขันมันยังไม่จบ สิ่งที่ควรโฟกัสก็คือผลงานตรงหน้าก่อน
ด้วยความที่ 2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ โซลชาร์ ไม่เคยพาทีมหลุดจากอันดับ 3 ในลีก และต้องมีอย่างน้อย 1 รายการที่เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ โดยไม่เคยมีปัญหาทำให้ห้องแต่งตัวแตกแยกมาก่อน แถมมีความเป็นตำนานสโมสร ที่แฟนบอลท้องถิ่นสนับสนุนเยอะ นั่นจึงทำให้เขาได้เวลาพิสูจน์ตัวเองมากกว่ากุนซือทุกคนต่อจากยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
1
สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ โซลชาร์ สามารถโดนปลดได้อยู่แล้ว ถ้าผลงานเมื่อถึงเกณฑ์ต้องตัดสินมันออกมาสอบตกจริงๆ แต่การแช่งให้ทีมแพ้ แช่งให้ทีมล้มเหลว โดยไม่มีอะไรการันตีว่ากุนซือคนใหม่จะเป็นใคร มาตอนไหน ใช้เวลาอีกนานเท่าไรกว่าจะยกระดับผลงานให้ดีขึ้นมากพอจนแฟนบอลต้องการ นั่นมันไม่เรียกว่า Supporter แต่เป็นแค่ Hater ที่จ้องจับผิด และมองสโมสรเป็นทาสบำเรออารมณ์ตัวเองมากกว่า
3
ไซม่อน สโตน ผู้สื่อข่าวคนดังจาก บีบีซี เขียนรายงานบรรยากาศเกมเมื่อคืนนี้ว่า แฟนบอลใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยังคงร้องเพลงเชียร์ โซลชาร์ กันตั้งแต่ก่อนแข่ง อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อเป็นการเปลี่ยนความกดดันอันหนักหน่วงที่เขาและลูกทีมต้องเจอตลอดช่วงหลัง ให้เป็นกำลังใจช่วยทีมฮึกเหิมกับเกมตรงหน้าไว้ก่อน
2
แต่หลังจากที่ อตาลันต้า เป็นฝ่ายนำก่อน 2 ประตู บรรดากองเชียร์เริ่มส่งเสียงโห่ไม่พอใจ แต่ในขณะเดียวกัน แฟนผีก็ยังตะโกนเร่งเร้าทุกครั้งที่ทีมได้โอกาสโจมตี เพื่อกระตุ้นแพชชั่นนักเตะในสนามให้พยายามส่งบอลเข้าก้นตาข่ายให้ได้
1
แฟนผีในสนาม (และอาจรวมไปถึงผู้ชมทางบ้าน) มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่รู้ว่าจะเอาไงดีกับความรู้สึกตัวเอง คือหงุดหงิดจากผลงานนัดที่แล้ว พอถึงวันแข่งก็พยายามเอาใจช่วย พอทีมเล่นห่วยก็บ่นแรงๆ แสดงออกว่าหงุดหงิดสุดๆ แต่เมื่อทีมได้ลุ้นก็เชียร์เต็มที่ และตะโกนเฮอย่างสุดเสียง เมื่อทีมชนะได้จริงๆ
1
การพลิกแซงดับ อตาลันต้า 3-2 เมื่อคืนวันพุธ ถือเป็นชัยชนะร่วมกันของนักเตะที่แสดงสปิริตนักสู้ออกมาจนหยดสุดท้าย, กุนซือและทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชที่พยายามหาทางปรับรูปแบบการเล่นเพื่อพลิกสถานการณ์ และการกระตุ้นจากแฟนบอลในสนาม ที่ช่วยให้ทีมมีค่ำคืนยุโรปที่น่าจดจำอีกครั้ง
นี่คือครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกจากตามหลังคู่แข่ง 2 ประตูกลับมาเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะได้ ต่อจากการบุกชนะ ยูเวนตุส 3-2 ที่ตูริน ในเกมรอบรองชนะเลิศนัดชี้ชะตาปี 1999 และเกมพลิกกลับมาชนะ บราก้า 3-2 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในรอบแบ่งกลุ่มซีซั่น 2012-13
อย่างไรก็ตาม ถ้าตัดเรื่องความสุขสมหวังกับผลการแข่งขันนัดล่าสุดออกไป นี่ยังไม่ใช่เกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานว่าดีพอแล้ว ว่าจะผ่านช่วงโปรแกรมหฤโหดนี้ไปได้แบบน่าไว้ใจนัก พวกเขาดูจะน่าพอใจแค่ครึ่งหลัง แต่ครึ่งแรกนี่มีทรงว่าจะแพ้คาบ้านสูงมาก
การที่ อารอน วาน-บิสซาก้า สามารถลงเล่นได้ หลังจากที่สโมสรอุทธรณ์บทลงโทษที่ ยูฟ่า สั่งแบนเพิ่มจากจังหวะเข้าบอลอันตรายในเกมกับ ยัง บอยส์ รวมไปถึงการได้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลับมาคุมแผงหลังตัวจริงอีกครั้ง ทำให้สภาพทีมของ โซลชาร์ ในเกมนี้ ได้เปรียบทีมเยือนพอสมควร
จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ นายใหญ่ของ อตาลันต้า ต้องขาดกองหลังตัวหลักไป 2 คน นั่นคือ ราฟาเอล โตลอย กัปตันทีมดีกรีทีมชาติอิตาลี และ เบรัต ฌิมซิตี้ นักเตะทีมชาติแอลเบเนีย ทำให้ มาร์เท่น เดอ รอน ต้องถอยจากตำแหน่งถนัดอย่างมิดฟิลด์ ลงต่ำไปยืนเป็นหนึ่งใน 3 เซนเตอร์แบ็กร่วมกับ เมรีห์ เดมิรัล และ โฮเซ่ หลุยส์ ปาโลมิโน่
ไม่ใช่แค่ขาดกองหลังตัวหลัก 2 คนเท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้วิงแบ็กซ้ายคนสำคัญทีมชาติเยอรมนีอย่าง โรบิน โกเซ่นส์, กองกลางตัวหลักดีกรีทีมชาติอิตาลีอย่าง มัตเตโอ เปสซิน่า และวิงแบ็กขวาทีมชาติเนเธอร์แลนด์อย่าง ฮันส์ ฮาเตบัวร์ ก็บาดเจ็บ จนหมดสิทธิ์ช่วยทีมในเกมนี้ก่อนแล้วทั้งหมด
ระบบการเล่นของ อตาลันต้า มาในหมาก 3-4-1-2 ซึ่งถือว่าผิดคาดเล็กน้อยที่ กาสเปรินี่ เลือกใช้คู่กองหน้าเป็น โยซิป อิลิซิช จับคู่กับ หลุยส์ มูเรียล เพราะก่อนหน้านั้นตัวหลักในแนวรุกคือ รุสลัน มาลินอฟสกี้ กับ ดูวาน ซาปาต้า ที่ได้ลงตัวจริงบ่อยกว่า
แต่อาจเป็นเพราะฟอร์มของ อิลิซิช ที่เพิ่งยิง เอ็มโปลี มา 2 ประตู, หลุยส์ มูเรียล ก็ทำแอสซิสต์ได้ แถมจอมทัพอย่าง มาริโอ ปาซาลิช ก็จ่าย 2 ลูกในเกม เซเรีย อา คืนวันอาทิตย์ที่บุกถล่ม เอ็มโปลี 4-1 นั่นทำให้ กาสเปรินี่ ยังเลือกใช้แนวรุก 3 ตัวบนชุดเดิมต่อไป
สำหรับแท็กติกที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ใช้ในเกมนี้ แม้จากกราฟิกจะมาในระบบ 4-2-3-1 ตามปกติ แต่ถ้าดูจากตำแหน่งการยืนในสนาม หลักๆ จะออกแนวไปทาง 4-2-4 ที่พวกตัวรุกดันสูงกันเยอะมากกว่า โดย บรูโน่ แฟร์นันด์ส มีอิสระในการวิ่งพล่าน ทำให้ระบบการเล่นอาจดูจะเป็น 4-3-3 ได้ในบางสถานการณ์
1
บรูโน่ ยังคงเป็นผู้เล่นที่ทำงานหนักเพื่อทีมที่สุด เกมนี้เขาทำทุกอย่างทั้งรุกและรับ วิ่งพล่านเข้าปะทะรวมกันถึง 5 ครั้ง (สำเร็จถึง 4 หน) เป็นคนที่สัมผัสบอลมากที่สุดในสนาม (95 ครั้ง) และสร้างโอกาสลุ้นประตูได้ถึง 8 ครั้ง ซึ่งกลายเป็นสถิติใหม่ไปแล้วสำหรับนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สร้างโอกาสให้เพื่อนได้มากที่สุด ในการลงเล่นเกม UCL นัดเดียว
1
อย่างไรก็ตาม ถึงกองกลางทีมชาติโปรตุเกสจะยังคงเป็น “เดอะ แบก” ของทีมเช่นเดิม แต่ก็พอจะสังเกตเห็นได้บ้างแล้วว่า โซลชาร์ พยายามปรับให้ลูกทีมเล่นเพื่อช่วยเหลือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่ให้โดดเดี่ยวมากขึ้น และเกมนี้ถือว่า โรนัลโด้ พยายามเคลื่อนที่มากกว่าทุกเกมก่อนหน้านี้
สตาร์ดังเจ้าของเสื้อหมายเลข 7 ถือว่าเล่นได้ดีมาก เกมนี้เขาจ่ายบอลง่ายๆ ในจังหวะควรจ่าย พยายามวิ่งสอดหาช่องเข้าทำอยู่ตลอด ส่วนนักเตะคนอื่นๆ ก็ช่วยกันวิ่งไล่บอลมากขึ้น
ถึงแม้การเพรสซิ่งอาจจะยังไม่ได้ประสิทธิภาพมากนักเทียบเท่ากับพวกทีมชั้นนำ แต่อย่างน้อยๆ ทั้งทีมก็ดูจะมุ่งมั่นกันมากกว่าหลายเกมที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
อีกคนที่เคลื่อนที่เยอะมาก และทำผลงานได้น่าประทับใจจนต้องปรบมือให้ สำหรับผมคือ เฟร็ด
1
ผมคิดว่าการตัดสินใจส่ง เฟร็ด ลงตัวจริงคู่กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ โดยเลือกดร็อป ปอล ป็อกบา ไปนั่งสำรองก่อนในเกมนี้คือเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และไม่ใช่การตัดสินใจแบบปอดแหกแต่อย่างใด
เกมที่แพ้ เลสเตอร์ นัดล่าสุด เราเห็นกันแล้วว่าแนวรับของทีมยังไว้ใจไม่ได้ ส่วน ป็อกบา ก็ขาดวินัยในการช่วยเกมรับ คุณจึงต้องพยายามใช้คู่กลางที่สามารถช่วยชะลอให้บอลไปถึงแดนหลังได้น้อยลงกว่านี้ ซึ่งการที่ทีมยังขาดมิดฟิลด์ประเภทที่ยืนตัวรับคนเดียวแล้วเอาอยู่ มันจึงจำเป็นต้องใช้คู่ผึ้งงานอย่าง “แม็คเฟร็ด” เล่นร่วมกันอีกครั้ง
ในเกมนี้ เฟร็ด เล่นได้สุดยอดมากๆ เขาคือหนึ่งในนักเตะที่พยายามวิ่งพล่านตอนที่ไม่มีบอลอยู่กับตัวมากที่สุดของทีม
สถิติบอกว่าตลอดช่วงเวลา 88 นาทีที่ดาวเตะทีมชาติบราซิลอยู่ในสนาม เขาสัมผัสบอลมากถึง 69 ครั้ง ผ่านบอลไป 55 ครั้ง (เข้าเป้า 80%) โดยการวางบอลยาว 6 ครั้งถือว่าเปิดถึงเพื่อนได้ 5 หน และมีสถิติการเข้าปะทะสำเร็จแบบ 100% โดยเข้าเบียดแย่ง 3 ครั้ง แย่งบอลมาได้ทั้ง 3 ครั้ง
1
อย่างไรก็ตาม ทีมยังขาดคุณภาพและเสียสมาธิง่ายๆ เกินไปในเกมรับ และยังหาวิธีเข้าทำที่ลื่นไหลกันได้ไม่มากพอ พอได้โอกาสทองจากการที่คู่แข่งเปิดช่องให้ ก็ดันฉวยโอกาสลงโทษเขาไม่สำเร็จอีก
เกมนี้ผีแดงเริ่มเกมกันได้แบบดุดันและมุ่งมั่นมากขึ้นนะครับ แต่ว่า อตาลันต้า ดูไม่ตื่นตระหนกอะไร และฉวยโอกาสทำประตูได้ก่อนง่ายๆ จากโอกาสยิงครั้งแรกของเกม
1
สาเหตุเริ่มต้นของการเสียประตูนำ 0-1 ในนาทีที่ 15 เริ่มมาจากการที่ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ มัวแต่ยืนจ้องบอล จนปล่อยให้ หลุยส์ มูเรียล เลี้ยงบอลม้วนไปจ่ายคืนหลังให้ โยซิป อิลิซิช ง่ายๆ ก่อนที่ อิลิซิช จะแทงเข้าที่ว่างทางฝั่งขวาให้ ดาวิเด้ ซัปปาคอสต้า หลุดขึ้นไปตบเข้ากลางให้ มาริโอ ปาซาลิช ชาร์จจ่อๆ โดยไม่ล้ำหน้า แบบที่แนวรับเจ้าถิ่นทั้งแผงยืนตำแหน่งกันหละหลวมไปหมด
ขณะที่ประตู 0-2 ที่ เทิน ค็อปไมเนอร์ส เปิดลูกเตะมุมฝั่งขวาให้ เมรีห์ เดมิรัล ได้เทคตัวโหม่งตุงตาข่ายง่ายๆ มันก็เป็นอีกครั้งที่กองหลังปีศาจแดงประกบตัวกันได้แย่ และสับสนกันเองว่าจะเข้าคู่กับใคร
แฟนผีแดงตั้งคำถามว่า การที่ทีมแต่งตั้ง เอริค แรมเซย์ เข้ามาช่วยจัดระบบการป้องกันลูกตั้งเตะมันทำให้ทีมดีขึ้นตรงไหนกัน ในเมื่อยังไม่เห็นพัฒนาการของเกมรับในจังหวะเซตพีซเท่าไรเลย
หลังจาก อตาลันต้า ได้ 2 ประตูตั้งแต่ก่อนครบครึ่งชั่วโมงแรก พวกเขาก็พยายามถอยลงไปรับในแดนตัวเองกันเป็นหลัก บวกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มตื่น และยกระดับความก้าวร้าวในเกมบุกมากขึ้น จึงมีโอกาสลุ้นประตูเพิ่มหลายครั้ง
น่าเสียดายอย่างมากที่จังหวะที่เจ้าบ้านควรจะต้องได้ประตูบ้างกลับทำไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช็อตที่ เฟร็ด วิ่งสอดขึ้นไปรับลูกจ่ายจาก บรูโน่ ในเขตโทษ ซึ่งดาวเตะแซมบ้าอุตส่าห์จับบอลแรกได้ดีมากแล้ว แต่ช็อตแต่งหามุมยิงด้วยขวา กลับซัดหลุดกรอบไป
ส่วนแนวรุกที่น่าผิดหวังสุดๆ ในครึ่งแรกคือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งนอกจากจะฝืนเล่นยากเกินไปหลายจังหวะแล้ว ยังพลาดโอกาสทองในตอนได้หลุดเดี่ยวและจังหวะที่แนวรับ อตาลันต้า ดักสกัดบอลพลาดไปเห็นๆ 2-3 ครั้ง ไม่อย่างนั้นถ้ายิงคมๆ เขาอาจมีชื่อบนสกอร์บอร์ดสัก 2 ลูกได้เลยด้วยซ้ำไป
สถิติครึ่งแรกระบุว่า ผีแดงหาโอกาสยิงได้เยอะกว่าชัดเจน (9 ต่อ 6 ครั้ง) แต่เพราะประสิทธิภาพในการฉวยโอกาสแต่งต่างกันนั่นแหละ ที่ทำให้สกอร์เมื่อจบครึ่งแรกกลายเป็น 0-2
นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลังคู่แข่งถึง 2 ประตูที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในครึ่งแรก ซึ่งเมื่อบวกกับผลงานช่วงหลังเอาชนะใครได้อย่างลำบากทุกนัด มันจึงแทบไม่มีใครที่เชื่อมั่นว่าครึ่งหลังพวกเขาจะกลับมาได้
1
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งเวลาหลัง ต้องชื่นชมสปิริตนักเตะ และให้เครดิตกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่สามารถกระตุ้นลูกทีม และปรับเกมการเล่นให้คัมแบ็กจากป่าช้าได้
โซลชาร์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจบเกม โดยเปิดเผยคำพูดที่เขาพูดกับลูกทีมในห้องแต่งตัวตอนพักครึ่ง ซึ่งเขาบอกกับนักเตะว่า “ทำให้แน่ใจว่าเราจะได้ประตูถัดไป เพราะเราจะชนะเกมนี้ได้”
“ตราบใดที่เราไม่เสียประตูเพิ่ม ผมมั่นใจมากว่าเราจะชนะเกมนี้ เพราะเราสร้างโอกาสได้มากมายเหมือนกันในครึ่งแรก มันเหลือแค่ฉวยมันไว้ให้ได้”
“ผมค่อนข้างแฮปปี้กับฟอร์มการเล่นของทีม ผมรู้สึกว่าเราเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ในเกมนี้และมันก็เกิดขึ้น ขอยกเครดิตทั้งหมดให้นักเตะ พวกเขาทำได้เยี่ยมจริงๆ”
1
สิ่งที่ โซลชาร์ แก้ไขก่อนทันที คือสั่งให้นักเตะพยายามเล่นด้วยจังหวะเร็วขึ้นในครึ่งหลัง และกล้าที่จะเสี่ยงกันมากขึ้น
ผมอยากให้เครดิตกับการเปลี่ยนตัวของกุนซือหน้าเปื้อนยิ้มในเกมนี้ที่ถือว่าได้ผล และไม่ช้าเกินไปด้วย เมื่อกล้าแลกหมัดด้วยการส่ง ปอล ป็อกบา ลงไปช่วยเอาบอลขึ้นหน้าให้มากขึ้นแทนที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เช่นเดียวกับเลือกใช้ เอดินสัน คาวานี่ ลงไปแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่เกมยังไม่ถึงนาทีที่ 70 จนทำให้การไล่เพรสแดนบนดูดุดันขึ้น และในกรอบเขตโทษมีกองหน้าที่คุกคามฝั่งตรงข้ามได้มากขึ้น
1
ขณะที่การลงมาของ เจดอน ซานโช่ แทน เมสัน กรีนวู้ด ในนาทีที่ 73 ก็เริ่มฉายแววว่าดาวเตะค่าตัว 73 ล้านปอนด์จะช่วยเกมรุกทางฝั่งขวาให้ทีมอันตรายขึ้นได้ในช่วงต่อจากนี้ ด้วยคุณสมบัติความคล่องตัวของเขา และการเป็นนักเตะที่จ่ายบอลให้เพื่อนเล่นง่าย การเดินเกมบุกก็ดูลื่นไหลขึ้น
1
ประตูตีไข่แตก มาจากจังหวะแอสซิสต์ระดับเวิลด์คลาสของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดไปซัดมุมแคบไม่พลาด ช่วยทำให้โมเมนตัมเอนมาหาเจ้าถิ่นเยอะทีเดียว
1
เพราะการเหลือเวลามากกว่า 30 นาทีในการยิงให้ได้อีก 2 ลูก ถือว่าไม่ใช่โจทย์ที่ยากเกินไป ถ้าทีมสามารถครองเกมบุกได้
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้ดีกว่าครึ่งแรกชัดเจน นั่นก็คือการที่กองหลังตัวหลักของ อตาลันต้า อย่าง เมรีห์ เดมิรัล บาดเจ็บจนเล่นต่อในครึ่งหลังไม่ไหว แถม จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ ก็หันไปเน้นเกมรับมากเกินไป จนเจ้าถิ่นได้บุกใส่เยอะมากจนเกมรับของทีมเยือนพร้อมจะโดนอย่างต่อเนื่อง
1
นี่ถ้า ฮวน มุสโซ่ นายด่านชาวอาร์เจนไตน์ไม่ช่วยเซฟเอาไว้ถึง 6 ครั้ง ถือว่าทีมปีศาจแดงมีลุ้นชนะด้วยสกอร์ขาดลอยกว่านี้ได้เหมือนกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ดาบิด เด เคอา ก็ยังคงมีส่วนสำคัญกับการช่วยชีวิตเจ้าบ้านในช่วงเวลาสำคัญ หลังจากที่ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ปล่อยให้ ดูวาน ซาปาต้า ที่ลงมาเป็นตัวสำรองพลิกบอลหนีไปซัดง่ายๆ ในนาทีที่ 71 แต่นายด่านสแปนิชช่วยเซฟได้ แถมยังช่วยผวาเซฟข้ามคานอีกช็อต ในจังหวะสองที่ รุสลัน มาลินอฟสกี้ ตัวสำรองอีกคนเก็บบอลได้ยิงซ้ำ
ถ้า เด เคอา ป้องกันจังหวะนั้นเอาไว้ไม่ได้ อตาลันต้า จะเป็นฝ่ายหนีห่างเป็น 3-1 ซึ่งเกมอาจจะจบลงสำหรับเจ้าบ้านได้เลย
1
แต่เมื่อผีแดงไม่เสียประตูนั้น และสามารถตีเสมอ 2-2 ได้จาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ในช่วงก่อนเข้า 15 นาทีสุดท้าย โมเมนตัมและความมั่นใจทุกอย่างมันเอนไปหาลูกทีมของ โซลชาร์ หมดแล้ว
1
หลังจากสกอร์กลับมาเสมอกันได้แค่ 6 นาที หลังจากนั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็กลายเป็นฮีโร่ ใช้ความสามารถระดับโลกในการเทคตัวโหม่งได้สูงกว่าตัวประกบ โขกลูกครอสจาก ลุค ชอว์ กลายเป็นประตูชัย 3-2 ให้ทีมได้แบบสุดประทับใจ
อย่างไรก็ตาม มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต่อให้ โซลชาร์ จะแก้เกมและกระตุ้นทีมในครึ่งหลังของเกมนี้ออกมาได้ผล แต่เขายังคงต้องพึ่งพาช็อตมหัศจรรย์จากความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่นระดับโลก เพื่อเอาตัวรอดจากความลำบากอยู่ดี แม้กระทั่งในเกมที่พบกับคู่แข่งที่อยู่ในสภาพไม่ได้พร้อมรบมากนัก
1
ผู้สื่อข่าวไปสัมภาษณ์ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ หลังจบเกมล่าสุดที่ทีมโกงความตายได้อีกครั้ง ว่า “คุณคิดว่านักเตะยูไนเต็ด กำลังเล่นเพื่อคุณอยู่หรือเปล่า?”
กุนซือชาวนอร์เวย์ตอบว่า สิ่งที่นักเตะกำลังทุ่มเทอยู่ มันคือการทำเพื่อสโมสรต่างหาก อันนี้ถือว่าเป็นการตอบแบบให้เครดิตผู้เล่น และไม่เป็นการเคลมความดีให้ตัวเองเลย
1
“อย่าแม้แต่จะเริ่มคิดแบบนั้น อย่าดูหมิ่นนักเตะของเรา พวกเขาเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และพวกเขารู้ว่าพวกเขาคือคนที่โชคดีที่สุดในโลก”
“ผมบอกพวกเขาว่าในค่ำคืนนี้ พวกเขาคือคนที่โชคดีที่สุดในโลก ทั้ง 11 ตัวจริงและตัวสำรอง เพราะพวกเขาคือคนที่ได้ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด และนั่นคือสิ่งที่เด็กผู้ชายและผู้หญิงหลายล้านคนอยากจะทำให้ได้”
2
“ผมพูดไว้หลายครั้ง ว่าผมคือคนที่โชคดีมากๆ กับทีมและขุมกำลังเชิงลึกที่ผมมี”
1
เขายังให้สัมภาษณ์ปกป้องเสียงวิจารณ์จากแฟนบอลที่มีต่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ด้วยซ้ำ ที่มองว่า CR7 เป็นนักเตะที่วิ่งเพื่อทีมน้อยมาก โดยโค้ชหนุ่มอดีตซูเปอร์ซับบอกว่า ถ้าใครที่สงสัยเรื่องนั้น ให้มานั่งดูการเล่นของ โรนัลโด้ ในเกมนี้ซะ จะได้คิดใหม่
1
ย้อนไปในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2018 โชเซ่ มูรินโญ่ ก็เคยพาทีมคว้าชัยชนะแบบโกงความตายแบบนี้ในช่วงเวลาบีบหัวใจให้เห็นหลายนัดเช่นกัน
วันที่ 6 ตุลาคม 2018 ทีมปีศาจแดงพลิกสถานการณ์จากตามหลัง นิวคาสเซิ่ล คาบ้าน 0-2 ใน 10 นาทีแรก กลับมารัวแซงชนะ 3-2 ด้วย 3 ประตูในช่วง 20 นาทีสุดท้าย (อเล็กซิส ซานเชซ โหม่งประตูชัยในนาทีที่ 90) ซึ่งเกมนั้นแฟนบอลก็สะใจแบบนี้แหละ แต่ก็ไม่ได้สบายใจอะไรเลยในภาพรวม
1
1 เดือนถัดจากเกมพลิกแซงดับทีมสาลิกาดงได้แบบเกือบไม่รอด มูรินโญ่ สามารถพาทีมหักปากกาเซียนด้วยการบุกชนะทีมแกร่งอย่าง ยูเวนตุส 2-1 ด้วย 2 ประตูจากลูกตั้งเตะแบบฉาบฉวยในช่วงท้ายเกม
ทุกคนคงจำกันได้ดี ว่าหลังจบเกมนั้น กุนซือชาวโปรตุกีสแสดงอาการสะใจด้วยการเอามือป้องหูท้าทายแฟนบอล แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 6 สัปดาห์เขากลับโดนไล่ออก เพราะมาตรฐานไม่ดีจริง และไม่สามารถทำให้บรรยากาศเลวร้ายหายไปจากโรงละครแห่งความฝันได้
1
แม้การชนะได้แบบโกงความตาย จะเป็นอะไรที่ทำให้แฟนบอลได้ตื่นเต้น แต่ต้องไม่ลืมว่าชัยชนะ 3 ครั้งล่าสุดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ โซลชาร์ ทำได้ ล้วนมีช่วงเวลาที่แฟนบอลแทบจะทำใจไว้แล้วว่าต้องผิดหวังระหว่างเกม
1
ทั้ง 3 นัดล่าสุดที่ทีมเอาชนะ เวสต์แฮม, บียาร์เรอัล มาจนถึง อตาลันต้า ล้วนเป็นเกมที่ทีมโดนนำก่อน แถมมีช่วงเวลาในเกมไม่น้อยกว่า 45 นาทีที่โชว์ฟอร์มกันได้แย่
แต่ด้วยความเหนียวหนึบของ เด เคอา, ความเฉียบคมในการจบสกอร์ของ โรนัลโด้, การมี บรูโน่ ที่ขยันสร้างโอกาสด้วยตัวคนเดียว และมีจังหวะเข้าทำฉาบฉวยแบบมหัศจรรย์ ก็สามารถช่วยให้ทีมเอาตัวรอดแซงเฮได้แบบเหลือเชื่อ
1
การที่ทีมคว้าชัยได้แค่ 3 นัดจาก 8 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ (แพ้ 4 เสมอ 1) โดยแต่ละนัดที่ทีมชนะได้ ต้องมานั่งลุ้นกันแบบใจหายใจคว่ำ มันยังไม่ใช่มาตรฐานที่แฟนบอลจะพอใจอะไรได้นัก
1
แน่นอนว่าด้วยสถานการณ์ที่โอกาสเข้ารอบน็อคเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังเปิดกว้าง ส่วนการลุ้นขยับอันดับในตารางพรีเมียร์ลีกก็ยังมีโอกาสทำได้เช่นกัน ถ้าทำได้ดีในเกมบิ๊กแมตช์ นั่นทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ยังคงมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองต่อไปอีกสักระยะ
แต่ด้วยฟอร์ม ณ ปัจจุบันที่ยังไว้ใจไม่ได้ ความกดดันที่ โซลชาร์ ต้องแบกรับยังคงหนักหน่วงต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ทีมยังไม่สามารถเอาชนะใครได้ 2 นัดติดต่อกันให้เห็นเลย นับตั้งแต่ได้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมาร่วมทีม
1
ทางเดียวที่เขาจะทำให้แฟนบอลกลับมาเชื่อใจได้ ไม่ใช่การชนะแบบต้องลุ้นปัสสาวะเหนียวแบบที่เห็นกันช่วงหลังบ่อยๆ
1
แต่มันต้องพิสูจน์ให้แฟนบอลเห็นให้ได้ว่า เขาสามารถผ่านเกมที่ยากได้ด้วยการเล่นที่ดีจริงๆ และสามารถทำให้ทีมมีผลงานที่ดีต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ดีใจได้แค่ 1-2 นัด แล้วต้องมานั่งบ่น นั่งโห่ไล่กันใหม่ไม่รู้จบ...
#เสียบสามเหลี่ยม #โซลชาร์ #แรชฟอร์ด #เฟร็ด #เดเคอา #แม็กไกวร์ #โรนัลโด้ #บรูโน่แฟร์นันด์ส #ผีแดง #แมนยู #ปีศาจแดง #แมนฯยูไนเต็ด #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #อตาลันต้า #พรีเมียร์ลีก #UCL #แชมเปี้ยนส์ลีก #ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
โฆษณา