21 ต.ค. 2021 เวลา 13:58 • ดนตรี เพลง
[รีวิวอัลบั้ม] Dark Dimension - MØLE The Explosion
มิติเข้มข้น
[รีวิวอัลบั้ม] Dark Dimension - MØLE The Explosion
-เคยสัมภาษณ์แบบเจาะลึกเกี่ยวกับอัลบั้มนี้แบบ Track By Track ก็นานแล้ว พอมัเวลาว่างต้องเอามาพูดถึงก่อนสิ้นปีนี้เสียหน่อย นี่คืองานเพลงไทยอินดี้ของทรีโอแบนด์ที่ underrated มาก ในมุมมองของผม พวกเขาคือขุนพลพระกาฬที่พร้อมจะนำเสนอความแตกต่างในดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อยู่สม่ำเสมอ MØLE The Explosion คือวงสามหนุ่มสามหนุ่มที่มีใจรักในดนตรีพร้อมจะระเบิดฟอร์มจากการสั่งสมประสบการณ์ของทั้งสามมารวมกัน อ๊อฟ (เรืองวิทย์ ไสเหลื่อม) นักร้องนำของวงเป็นถึงมือกีตาร์ “ไปส่งกู บขส. ดู๊” , ใหม่ (ณัฐวัจน์ ไกรพิชญ์) มาจากวง canvas และ แชมป์ (ณภัทร สมจินตนากุล) ก็มาจาก “สราญรมย์แบนด์” จนกระทั่งมารวมตัวกันในนาม “ตุ่นระเบิด” นำเสนอดนตรีที่แตกต่างจากวงที่พวกเขาสังกัดโดยสิ้นเชิง อยู่ในจำกัดความของ Experimental เลยล่ะ ไม่กลัวไม่ดัง แต่กลัวว่าจะไม่แตกต่างจากคนอื่นๆต่างหาก นี่คืออุดมการณ์ของพวกเขาที่อยากให้ผู้อ่านจับตามอง
ใหม่-ณัฐวัจน์ ไกรพิชญ์ (ซ้าย) อ๊อฟ-เรืองวิทย์ ไสเหลื่อม (กลาง) แชมป์-ณภัทร สมจินตนากุล (ขวา)
-พวกเขาทำเพลงด้วยแนวคิดซาวนด์เอ็นจิเนียร์ล้วนๆ ไม่มีเรื่องเน้นฮิตปน ว่าง่ายๆก็คือแทบไม่ประนีประนอมต่อคนฟังเพลงทั่วไป ยังคงเฉพาะทางในแบบที่เราเองก็คาดเดาไม่ได้ว่าจะเสิร์ฟอะไรให้พวกเราฟัง สำหรับอัลบั้มโหมด Dark Dimension พวกเขาเลือกที่จะเสิร์ฟความดาร์คใส่คนฟังกันตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นความดาร์คดังกล่าวไม่ได้มาแนวเขย่าขวัญ horrorcore ไม่ได้น่ากลัวจนไม่อยากเข้าหา ความดาร์คในที่นี้เป็นที่ Theme Song ของเพลงที่ดำทมิฬมากกว่า โดยสามหนุ่มได้ให้นิยามของแนวเพลงนี้ว่า Epic Dimension ซึ่งเราก็สัมผัสได้ถึงความอึกทึกครึกโครมตลอดทั้งอัลบั้มนั้นจริงๆ
-เริ่มต้นด้วย #ใต้พรม ที่เปิดอัลบั้มด้วยความ Doom ขึ้นมาทันที เป็นเพลงที่บ่งบอกภาพรวมของอัลบั้มได้ดีที่สุด โดยเฉพาะภาคดนตรี industrial ที่ใช้เทคนิค distortion ได้อย่างสุดขีดบ้าคลั่งมากๆ จนกล้าอวยให้เป็นเพลงแห่งปีไปเลย โทนเพลงจริงจังพอๆกับเนื้อเพลงที่เข้มข้นพอกัน มันคือเพลง call out ที่โคตรล้ำ ชี้ให้เห็นต้นตอของปัญหา ความดาร์คทั้งหมดทั้งมวล การได้โฟร์โมสต์ แห่งไททศมิตร ยิ่งทำให้เห็นดีเอ็นเอของไททศปนไปกับ MØLE เป็นที่เรียบร้อย เป็นฟีลเพลงลูกครึ่งฝรั่งปนไทยไปโดยปริยาย
-#สัญชาตญาณ เป็นเพลงที่พี่อ๊อฟเคลมว่า ชอบที่สุดในอัลบั้มชุดนี้ เนื่องด้วยที่มาของเพลงที่เกิดจากช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดกับการเจอทางแยกในชีวิตว่า เราควรจะยืนหยัดสิ่งที่ตัวเองรักต่อไป ถอยไปตั้งหลัก หรือพอแค่นี้ สุดท้ายเขาเลือกที่จะทำตามสัญชาตญาณตัวเอง ขับเคลื่อนสิ่งที่เขารักจนแก้ปัญหารอบด้านได้ในที่สุด มันไม่ใช่เพลงสร้าง inspiration ที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่เป็นเพลงสู้ชีวิตดีๆเพลงนึงที่แชร์มุมมองของคนที่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์เหล่านั้นจริงๆ อีกด้านการได้ Lazyloxxy ที่นอกจากมาช่วยเสริมพาร์ทแร็ปให้ดูฟังง่ายร่วมสมัยแล้ว ยังได้เห็นมุมองการพิสูจน์ตนเองของเจ้าตัวด้วย นี่ไม่ใช่เพลงที่สร้างขวัญกำลังใจเอาเท่ห์ไปวันๆ
-Alone In The Universe เป็นความดาร์คในแง่ของความเคว้งคว้างของคนที่มัวแต่รอให้เค้ามาโคจร โดยที่ไม่ได้คิดจะเข้าหาเลย สุดท้ายก็คงเคว้งคว้างต่อไปในจักรวาล เป็นเพลงแรกที่นำเข้ากลิ่นอายความเป็น space music เข้ามา ลูกเล่นอิเล็กทรอนิกส์สุดฟุ้งให้อารมณ์ลอยล่องอยู่ในกาแล็กซี ไม่ได้มาพร้อมความตื่นตา แต่เหงาสุดหัวใจ
-#ชวนฝัน เป็นเพลงที่หลุดตีมความดาร์คกว่าเพลงอื่นๆ แต่ไม่พาออกนอกทะเลมากขนาดนั้น เป็นการดึงเข้าสู่ความเพ้อฝันที่ไม่ได้สุขสม happy เป็นล้นพ้น แต่แอบ weird ในแง่ของการหลงเข้าไปสู่มิติที่พิศวง มีการเปลี่ยนโทนดนตรีได้หลากอารมณ์ปนเป ทั้ง future bass ในช่วงแรก แล้วตัดเข้าสู่ความเรเนซองส์แบบหน้าตาเฉยในท่อนฮุก โดยรวมแล้วยังไงก็ไม่ได้ positive จ๋าซะทีเดียว
-#40ดีกรี อีกหนึ่งเพลง catchy ที่ได้นักร้องสายอาร์แอนด์บีป็อป เอย-ธนพรรษ์ มาพลิกบริบทดาร์คบอกเล่าถึงความลุ่มหลงผู้หญิงที่ไม่ต่างจากแอลกอฮอล์ที่ทั้งแรงและเมามายได้โดยง่าย เป็นบริบทความดาร์คที่แรงสุด ได้กลิ่นบาปหนามาแต่ไกล ประหนึ่งเดินอยู่ถนนคนเดินในตรอกข้าวสารที่เหล้า 40 ดีกรีกำลังทำหน้าที่กรึ่มๆอยู่พอดี
-Kapler-22B เป็นเพลงที่พวกเขาขอใส่ความเนิร์ดในดาราศาสตร์ ถัดจากซิงเกิ้ล Stephen Hawking คราวนี้เขาขอเปรียบเปรยดาวเคราะห์ที่เพิ่งถูกค้นพบเหมือนกับพวกเขาทั้งสามที่อยู่ในวงการยาวนานกว่าที่หลายคนคิด ไม่ได้ถูกค้นพบได้โดยง่ายด้วยเหตุผลทางการตลาดใดๆ ผลงานเพลงเฉพาะทางของพวกเขาเกิดมาเพื่อรอการค้นพบจากคนอื่นๆด้วยความเต็มใจเสียมากกว่า โทนดนตรีพุ่งทะยานด้วย post-rock ที่เติมเชื้อเพลิงให้จรวดลำนี้พาผู้ฟังพุ่งไปสู่ดาวเคราะห์ที่ถูกมองข้ามจากวงโคจรนานแสนนาน โดยมีพี่ใหม่และพี่แชมป์ทำหน้าที่ส่งสาสน์ประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ยังได้คุณอาย-Yanin มาช่วยแต่งและร่วมคอนัส
-#จบบริบูรณ์ เป็นการปิดท้ายการผจญภัยมิติแห่งความมืดมิดด้วยเพลงสไตล์ wedding song ที่ฟังดู เห้ย จบด้วยการเจอทางสว่างชีวิตกันง่ายๆเลยรึ แต่พวกเขายังคงทำเพลงหม่นๆตามลายเซ็นต์ของพวกเขาอยู่ เอาจริงเสียงพี่อ๊อฟแกมาสายเข้มๆอยู่แล้ว จะให้พลิกตีมป็อปขาวๆก็กะไรอยู่ ลึกลับแบบนี้แหละดูเข้าทีที่สุด เมื่อเรียงลำดับความจากเพลงที่ผ่านๆมาด้วยความรู้สึกดาร์คหลากอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหมักหมมทางสังคม ชีวิตยากลำบากของเส้นทางชีวิตที่ไม่ได้ตัดสินใจกันง่ายๆ ความโดดเดี่ยวที่ไร้ซึ่งคนเข้าหา การติดภวังค์ของความเพ้อฝัน ลุ่มหลง เมามาย จนมาถึงบทสรุปในเพลงนี้จบที่ความรักที่มาได้ถูกที่ถูกเวลาราวกับรางวัลชีวิตที่ถูกแต่งเติมเรื่องราวจนสมบูรณ์ อย่างน้อยเพลง wedding song ในนิยามของ MØLE มีความสมเหตุสมผลในแง่หมุดหมายชีวิตของใครหลายคนเช่นกัน
-สำหรับเพลง New Born เป็น instrumental จบแบบเริ่มต้นใหม่ที่สามารถมองได้หลายทาง เมื่อเชื่อมโยงกับเพลงที่แล้ว เสียงอัลตร้าซาวนด์ของทารกที่เราได้ยินในเพลง อาจจะสื่อถึงการเป็นพ่อคน ที่มาของเสียงทารกก็ลึกซึ้งมากๆ พี่แชมป์ที่ก้าวสู่ความเป็นพ่อคนจริง ๆ ได้บันทึกเสียงตอนที่ลูกยังในครรภ์ภรรยาเจ้าตัวด้วย อีกนัยนึงเป็นการจุติใหม่ของวง หลังจากที่ทั้งสามแยกย้ายกันทำวงตัวเอง จนมารวมตัวเป็น MØLE อีกครั้งในวาระนี้ หวังว่าการจุติใหม่ในครั้งนี้จะได้เห็นอะไรที่ท้าทายต่อจากนี้
-เริ่มต้นได้ดีโดยที่ไม่เล่นท่ายากในแง่ของการใส่สตอรี่คอนเซ็ปท์จนเกินไป พวกเขายังคงทำสิ่งที่ตัวเองถนัดด้วยการใส่ศิลปะ abstract ให้เป็นตัวเล่าเรื่อง บางเพลงไม่เน้นสาสน์ที่ตรงไปตรงมา ปล่อยให้คนฟังได้ตีความกันเอาเองด้วยซ้ำ สามารถตีความได้หลายทาง อาจจะเป็นชีวิตของคนที่ผ่านเรื่องราวหลายหลากจนมาเจอความดาร์คที่ตรงกับเนื้อความเพลง อีกนัยนึงเกี่ยวข้องกับการเดินทางของตัววง MØLE เองก็ว่าได้ เป็นการให้อิสระทางความคิดโดยที่ไม่จำกัดกรอบคอนเซ็ปท์จนเกินไปก็บ่งบอกถึงหัวศิลปะของพวกเขาอยู่
-อีกอย่างในแง่ของภาคดนตรีทำได้เข้มข้น extreme ยิ่งกว่าวงเมืองนอกบางวงอีกนะ ไม่ได้วนอยู่กับอิเล็กทรอนิกส์อย่างเดียว มีทั้งร็อค ป็อป อาร์แอนด์บี โชว์ให้เห็นถึงการเปิดรับอิทธิพลทางดนตรีที่หลากหลาย และมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะเป็นวงดนตรีที่มีหัวศิลป์ของจริง แนวคิดหัวก้าวหน้า ไม่ย่ำอยู่กับที่แน่นอน เราคงจะได้เห็นพวกเขาระเบิดฟอร์มด้วยงานเพลงที่ยกระดับความเดือด ตื่นตาตื่นใจเป็นแน่นแท้ และที่สำคัญซิกเนเจอร์ของพวกเขาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เป็นความเฉพาะทางทั้งแนวเพลงและตัวตนของจริง
ค้นพบแล้วไปต่อด้วยกันยาวๆ
Give 8/10
Thx 4 Readin’
See Y’all
ลิ้งค์คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลังพร้อมเจาะลึกข้อมูลอัลบั้ม Dark Dimension >>> https://fb.watch/8LroUwl0C-/
โฆษณา