22 ต.ค. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #คำตอบชัดเจนแล้ว ]
ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เควิน เดอ บรอยน์ ตัดสินใจขยายสัญญากับแมนฯซิตี้ออกไปจนถึงปี 2025 รวมแล้วจะอยู่โยงอีก 4 ปีด้วยกัน
1
ช่วงดังกล่าว เดอ บรอยน์ กำลังจะครบ 30 ปีเต็ม การให้สัญญาระยะยาวผูกมัดเช่นนี้ สะท้อนเลยว่ามีคุณค่าและความสำคัญกับสโมสรมากแค่ไหน
ปกติแล้วทีมใหญ่ๆ มักมีนโยบายมอบสัญญาแบบปีต่อปีหรือไม่เกิน 2 ปีให้นักเตะที่อายุทะลุ 30 ไปแล้ว เพราะไม่ต้องการเสี่ยงแบกรับภาระค่าจ้างก้อนโต พวกนี้มักผ่านจุดพีกมาแล้ว
แต่สำหรับ เดอ บรอยน์ เป็นข้อยกเว้นอย่างแท้จริง ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมเสมอต้นเสมอปลาย พรสวรรค์อัดแน่น โชว์ให้เห็นทั้งสกิลและไหวพริบแตกต่างจากนักเตะทั่วไป
อีกทั้งมุ่งมั่นบากบั่นอย่างเต็มที่ ใช้ผลงานตอบคำถามแทนคำพูด ทัศนคติก็ดีเลิศ ไม่เคยก่อปัญหาอะไรเลย
สิ่งเดียวที่ดูไม่ค่อยดีนักคืออาการบาดเจ็บที่ตามคุกคามอยู่เรื่อยๆ ไม่ปล่อยให้มีโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่น่าตกใจอะไรนัก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีมมีแนวทางโรเตชั่นหรือหมุนเวียนผู้เล่นอยู่แล้ว ไม่ได้ตะบี้ตะบันใช้งานนักเตะซ้ำๆ
ค่าจ้างของ เดอ บรอยน์ จากเดิมคาดว่าราว 300,000 ก็อัพไปที่เกือบ 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเรือใบสีฟ้า ซึ่งทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสมควรแล้ว
1
ไม่นานนักมีข่าวมาว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง รอสัญญาณจากแมนฯซิตี้ เรื่องการต่อสัญญาด้วย มีแผนจะเรียกค่าเหนื่อยในระดับที่ใกล้เคียงกับ เดอ บรอยน์ เชื่อมั่นในความสำคัญของตัวเองเช่นกัน
สัญญาฉบับปัจจุบันมีอายุถึงซัมเมอร์ 2023 เหลือเวลาอีกไม่มากนัก จำเป็นต้องรีบคุย โดยเขารับวีกละปริ่ม 300,000 ปอนด์ ถือว่าอยู่ในกลุ่มสูงเบอร์ต้นๆแล้ว
อย่างไรก็ดีการเจรจาสะดุดอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้บริหารซิตี้เหมือนปรับเปลี่ยนแผน ไม่เร่งผูกมัด สเตอร์ลิ่ง โดยเน้นไปที่ เดอ บรอยน์ ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นไปถกกับ แฟร์นันดินโญ่ รวมทั้ง รูเบน ดิอาส ผู้มาใหม่แต่ผลงานไฉไลเหลือเกิน
เดิมทีมีรายชื่อ เซร์คิโอ "กุน" อเกวโร่ อยู่ในลิสต์ด้วย แต่นักเตะต้องการย้ายไปเล่นกับบาร์เซโลน่า อิ่มตัวกับแมนฯซิตี้ ที่อยู่มายาวนานครบ 10 ปี
แฟร์นันดินโญ่ เองก็มีแนวโน้มจะกลับไปเล่นในบราซิลบ้านเกิด แล้วค่อยตัดสินใจรีไทร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะอายุมากขึ้นทุกวันปาเข้าไป 36 ปี
แต่ทีมบริหารมองว่ายังมีความสำคัญอยู่ ประสบการณ์ของกองกลางบราซิเลี่ยนสามารถช่วยประคองทีมได้ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์คับขัน ไม่ต้องลงเล่นเยอะ แต่ทุกนาทีขอเน้นคุณภาพต้องมาก่อน
ส่วนเคสของ ดิอาส นับว่าน่าสนใจอย่างมาก เพิ่งย้ายมาเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วเอง ไม่น่าจะต้องเร่งร้อนใจอะไร
แต่ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกส แสดงให้เห็นเลยว่าเมื่อย้ายมาแล้วกลายเป็นฟันเฟืองช่วยขันนอตแนวรับให้แน่นหนาผิดหูผิดตา
อีกทั้งเป็นเหมือนฉุดให้ จอห์น สโตนส์ กลับมาโชว์ผลงานได้น่าประทับใจอีกครั้ง หลังดร็อปลงไปน่าใจหาย จนทำท่าจะหมดอนาคตไปแล้ว
ดิอาส ทั้งแข็งแกร่ง รวดเร็ว ฉลาดปราดเปรื่อง อ่านเกมทะลุปรุโปร่งและด้วยวัยเพียงแค่ 23 ปี ทางแมนฯซิตี้มองว่าต้องรักษาไว้ให้นานที่สุด
ดังนั้นเลยได้โบนัสสัญญายาวถึงปี 2027 ปักหลักอยู่กันอีก 6 ปีไปเลย พร้อมค่าจ้างเพิ่มเท่าตัวทะลุ 200,000 ปอนด์ต่อวีก
1
ส่วน สเตอร์ลิ่ง การที่สโมสรคุยกับผู้เล่นรายอื่นก่อน มันมองได้สองอย่างด้วยกัน
อย่างแรกเลยก็คือค่าจ้างของเดิมเขาสูงอยู่แล้ว หากยืดออกไปอีกก็ต้องให้เพิ่ม ซึ่งดูจะแพงเกินไปจากทุ่มเกือบ 400,000 ปอนด์
อย่างสองเลยก็คือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจทบทวนแล้วว่า ไม่ใช่นักเตะคนสำคัญอีกต่อไปหรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้
1
สัญญานเตือนที่ตามมาก็คือ ช่วงต้นฤดูกาลที่เปิดฉากไม่นาน สเตอร์ลิ่ง ต้องนั่งรอโอกาสข้างสนามเป็นส่วนมาก
ในลีกได้ประเดิมเกมกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อยู่ในสนามราว 70 นาทีก็จริง หลังจาก สำรองยาวใน 3 เกมถัดมา ซึ่งแมนฯซิตี้ล้วนแต่คว้าชัยเกลี้ยง ต่างจากนัดแรก
อาจพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำนักว่าพอไม่มี สเตอร์ลิ่ง แล้วทีมผลงานดี แต่มันก็น่าทำให้คิดว่าเป็นอย่างนั้นได้เลย
เพราะแมตช์ที่ 5 เล่นในบ้านต้อนรับเซาธ์แฮมป์ตัน ปรากฎว่าเขาออกสตาร์ตด้วย ได้รับโอกาสอยู่ในสนามครบ 90 นาทีเต็ม ก่อนทำได้แค่เสมอ 0-0
แล้วนัดสำคัญเผชิญหน้าบิ๊กทีมด้วยกันทั้งเชลซีและลิเวอร์พูล เขาต้องหลุดไปอยู่ข้างสนามอีกเช่นเคย ถูกเปลี่ยนลงมาเล่นรวมกันแค่ 27 นาที
มีเกมล่าสุดซึ่งเชือดเบิร์นลี่ย์ 2-0 กลับมายึดตำแหน่งตัวจริงได้ แต่ก็ไม่มีทั้งประตูและแอสซิสต์อยู่ดี
ขณะเดียวกันเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกก็เป็นตัวจริงแค่นัดเดียวเท่านั้น แล้วยังโดนปารีส แซงต์ แชร์กแมงเผาเครื่องอีกต่างหาก
จากสถานะเป็นแข้งหลัก ตอนนี้หลายอย่างเปลี่ยนไป เขาหลุดไปอยู่ในกลุ่มตัวเลือกแทบจะสมบูรณ์แบบแล้ว
การมาของ แจ็ค กรีลิช เสริมด้วย ฟิล โฟเด้น ที่สลัดอาการบาดเจ็บเรียบร้อย ล้วนแต่สั่นคลอน สเตอร์ลิ่ง ทั้งสิ้น
1
ต้องยอมรับว่าทั้งสองคนสร้างผลงานและมีอิมแพ็กกับแมนฯซิตี้ชัดเจนกว่า สเตอร์ลิ่ง ทุกคนต่างเห็นเหมือนกัน
บางทีเขาอาจต้องพิจารณาอนาคตตัวเองอีกครั้ง แมนฯซิตี้อาจไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เพิ่งเปิดใจถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน หลังหลุดไปนั่งสำรอง
1
นักข่าวถามถึงอนาคตว่าจะเอาอย่างไร ตอนนี้ตำแหน่งไม่มั่นคงแล้ว จะเลือกทางเดินให้ตัวเองแบบไหน
เขาตอบฉะฉานเลยว่า หากมีชอยส์ที่ทำให้ได้ลงเล่นมากกว่าที่เป็นอยู่ ก็พร้อมเปิดกว้างยอมรับ ฟุตบอลคือสิ่งสำคัญสุด ต้องการเล่นแบบสม่ำเสมอ รวมทั้งทำประตูต่อเนื่อง
แล้วยังต้องไม่ลืมว่าจะมีผลกระทบต่อตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติอังกฤษอีก แม้ทาง แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมไว้เนื้อเชื่อใจ ให้เป็นเสาหลักในแนวรุก แต่หากมีเกมกับสโมสรน้อยเกิน ย่อมไม่มีอะไรมาการันตีแน่
มีโอกาสสูงที่ สเตอร์ลิ่ง อาจต้องตัดสินใจครั้งสำคัญอำลาทีม ไม่มกราคมนี้ ก็รอตลาดซัมเมอร์หน้า สัญญาเขาใกล้หมดลง หากซิตี้ไม่คิดเก็บไว้ใช้งานก็คงต้องหาทางขาย
ไม่มีเหตุผลอะไรเพื่อยื่นสัญญาใหม่ ค่าจ้างก็แพงอยู่แล้ว ทีมต้องระวังเพดานค่าใช้จ่าย ฟอร์มไม่เปรี้ยงเหมือนเคยอีก พฤติกรรมฉาวในอดีตก็ล้วนแต่เป็นตัวเร่งด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งทำร้ายแฟน , แอบสูบบารากู่ , ทะเลาะกับ โจ โกเมซ ในทีมชาติอังกฤษ รวมถึงรอยสักปืนเอ็ม 16 ที่น่อง ซึ่งสะท้อนเรื่องความรุนแรง
ไม่แปลกเลยที่เขาจะถูกจับโยงกับหลายทีมในยุโรป รวมถึงเศรษฐีใหม่อย่างนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งมีเงินมากพอสำหรับค่าจ้างและค่าตัว
เมื่อถึงวันที่ความสำคัญลดระดับลงเรื่อยๆ อีกทั้งสัญญาณเตือนจากสโมสรก็ชัดเจนตามลำดับ สเตอร์ลิ่ง อาจไม่ต้องตัดสินใจเองเลยว่าจะเลือกทางไหน
เพราะแมนฯซิตี้ต่างหากที่เลือกไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา