22 ต.ค. 2021 เวลา 03:12 • ธุรกิจ
ล่าสุดนักแสดงรัสเซล โครว์ ยังโพสต์ข้อความอย่างต่อเนื่องถึงประเทศไทย
ที่มา outh China Morning Post
ล่าสุดมีการนำเสนอข่าวของรัสเซล โครว์ ผ่านสำนักข่าวดัง South China Morning Post ในเวลา 8.00 ของวันนี้ 22 ต.ค. 2564 มีรายงานว่ารัสเซล โครว์ ยังพักอยู่ที่กรุงเทพฯในช่วงเวลานี้ เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Greatest Beer Run Ever
เขาได้โพสต์ภาพประสบการณ์ของเขากับจิ้งจก(ที่จริงเป็นจระเข้น้อยหรือตัวเงินตัวทอง) ภาพวัดวาอาราม และรถตุ๊กตุ๊ก ในทวีตเตอร์ของเขา ในขณะที่แทบไม่มีนักท่องเที่ยวอยู่ รายได้จากการสร้างภาพยนตร์ก็เป็นอีกแหล่งของรายได้ที่เติบโตเป็นอย่างมาก ในดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการ “เปลี่ยนแปลง” ได้เป็นอย่างดี
ผลกระทบจากการลดลงของนักท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่งผลทำให้ให้เศรษฐกิจหดตัวกว่า 6% ในปี 2563 แต่มีรายได้เพิ่มจากการถ่ายทำภาพยนตร์สูงถึง 3.4 พันล้านบาท (101 ล้านเหรียญสหรัฐ) ระหว่างเดือนมกราคมถึงตุลาคมปี 2564 เทียบกับ 929 ล้านบาท ( 27 ล้านเหรียญสหรัฐ) ระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2563
Gladiator star Russell Crowe posted this picture of himself on Twitter with the caption “Lost in Bangkok”. Photo: Twitter
สัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซล โครว์ ได้ทวีตเกี่ยวกับการใช้เวลาในกรุงเทพฯ และบนเกาะภูเก็ต ในขณะที่ประเทศไทยก็กำลังเตรียมเปิดประเทศ ให้นักท่องเทียวต่างชาติเดินทางเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องได้รับวัคซีนเต็มโดสก่อน พร้อมทั้งมีผลการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR ซึ่งมีการระบุไว้ 46 ประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564
รัสเซล โครว์ ยังได้เผยแพร่ภาพท้องฟ้าสีส้มยามพระอาทิตย์ตก ต้นปาล์มที่ภูเก็ตและท้องทะเลสีฟ้าคราม นอกจากนี้เขายังทวีตข้อความว่า "เขาหลงทางในกรุงเทพฯ" ในขณะที่เขาขี่จักรยานรอบเมืองหลวงของไทยและพบกับตัวเงินตัวทองที่แวะมาทักทาย ซึ่งเขาให้ชื่อมันว่า "เพื่อนใหม่ของฉัน"
โครว์ มีข่าวดังในกรุงเทพฯ จากกข่าวการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “The Greatest Beer Run Ever” ที่เริ่มเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา
ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์มานานแล้ว ซึ่งต้องหยุดชะงักเนื่องจากโควิด-19 ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมทั่วโลกตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้เห็นก็เริ่มกลับมาได้แล้ว คุณอุดม มัทยวนิกุล ผู้อำนวยการสำนักงานภาพยนตร์ไทย กล่าวว่า ปีนี้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ 74 เรื่อง เทียบกับปีที่แล้ว 176 เรื่อง และในปี 2019 มีหนัง 740 เรื่องที่สร้างรายได้ถึง 4.8 พันล้านบาท
ประเทศไทยมีรายได้จากกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์จากสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือฮ่องกง สิงคโปร์ ฝรั่งเศสและประเทศจีน
ที่มา @trevormfisher Replying to @russellcrowe
คุณอุดมกล่าวว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 มีผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศเกือบ 600 รายเดินทางมายังประเทศไทย และไม่พบว่ามีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 เขาคาดว่าการเปิดใหม่ให้เข้ามาถ่ายทำอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะช่วยส่งเสริมให้กลุ่มผู้สร้างรายต่างๆ นำเสนอให้ทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้นผ่านภาพยนตร์ที่เข้ามาถ่ายทำ
“ในช่วงเวลาที่ยากลำบากทางเศรษฐกิจของไทย ทีมงานถ่ายทำซึ่งมีจำนวน 300-400 คน ได้ช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก ทำให้คนในท้องถิ่นและโรงแรมต่างๆมีรายได้เพิ่มขึ้น” โดยทั่วไปทีมงานถ่ายทำจะใช้เวลาโดยเฉลี่ยแล้วครั้งละ 3-5 เดือน/เรื่อง
การผลิตภาพยนตร์ โฆษณา และรายการเรียลลิตี้ต่างๆ จะต้องได้รับการอนุมัติจากสำนักงานภาพยนตร์แห่งประเทศไทย ที่กำหนดให้มูลค่าการถ่ายทำขั้นต่ำ 50 ล้านบาท มีสิทธิ์ได้รับเงินคืน 15% ในช่วงการระบาดใหญ่จนถึงสิ้นปี 2565 นี้ ทางรัฐบาลได้เพิ่มสิทธิพิเศษสำหรับภาพยนตร์ที่มีงบประมาณ 100 ล้านบาทจะได้รับเงินคืน 20% ด้วย
ที่มา  รวบรวมภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ช่วงปี 2558 - 2563 - Pantip
คุณอุดมกล่าวว่าประเทศไทยได้รับเลือกจากผู้ผลิตภาพยนตร์ต่างชาติหลายราย เนื่องมาจากต้นทุน ความหลากหลายของสถานที่ และคุณภาพของโรงผลิตในท้องถิ่น แม้ว่ามาเลเซียจะเสนอเงินคืน 30% และเกาหลีใต้เสนอให้มากถึง 50% แต่ไทยก็มีข้อได้เปรียบมากกว่า
นอกจากจะสร้างรายได้ให้ประเทศแล้ว การเพิ่มแรงจูงใจให้ทำการจ้างงานคนไทย ในตำแหน่งอย่าง ผู้ช่วยผู้กำกับ ทีมงานในกองถ่ายหรือแม้แต่นักแสดง ก็เป็นอีกวัตถุประสงค์ที่เปิดให้ทีมงานถ่ายทำภาพยนต์ต่างชาติเข้ามา
ที่มา ต่างชาติเลือกไทย เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ 71 เรื่อง ทำเงินเข้าประเทศแล้วกว่า 3.45 พันล้าน | สวพ.FM91 | LINE TODAY
คุณก้อง ฤทธิ์ดี นักวิจารณ์ภาพยนตร์ไทยชื่อดังกล่าวว่า “ทีมงานภาพยนตร์ไทยมีชื่อเสียงในด้านคุณภาพและประสบการณ์ในการทำงานกับโปรดักชั่นระดับนานาชาติ ประเทศไทยยังมีสถานที่และทิวทัศน์ที่หลากหลาย และที่สำคัญที่สุด เราพร้อมที่จะ 'เปลี่ยนแปลง'
ซึ่งหมายความว่า เราสามารถจัดหาสถานที่และความต้องการอื่นๆเพิ่มเติม สำหรับเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวกับประเทศไทย เช่น สิ่งที่เราได้เห็นในภาพยนตร์เรื่อง The Serpent , Extraction, Back in the old days, The Killing Fields , The Deer Hunter และภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่อง In the Mood for Love”
ที่มา Gone With The Twins
ไม่ใช่แค่เพียงรัสเซล โครว์และทีมงานที่ประทับใจเท่านั้น Production ทั่วโลกก็ต่างประทับใจเมืองไทย แม้ว่าจะมีหลายประเทศที่เสนอตัวเป็นคู่แข่งของไทย นอกจากจะสร้างรายได้ทางตรงให้ประเทศไทยแล้ว การนำเสนอภาพลักษณ์ของไทยก็เป็นประโยชน์อย่างมากด้วย
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Thailand Modern Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
ท่านที่สนใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ตู้กาแฟหยอดเหรียญ ที่สามารถขายแฟรนไชส์และมีรายได้จากการขยาย
สามารถสร้างรายได้ทั้งรายวันและรายสัปดาห์และรายเดือนได้
ติดต่อได้ที่
โฆษณา