22 ต.ค. 2021 เวลา 03:27 • การศึกษา
#เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา #พุทธทาสภิกขุ
ตอนที่ 60 , หน้าที่ 193-196
.เสา ๕ เสาที่อยู่ข้างบนมีความหมายว่าอย่างไรครับ ผมเห็นสิ่งก่อสร้างของสวนโมกข์มีแบบนี้หลายหลัง
- ๕ เสานี้ ความชอบ ความรู้สึกนึกคิด ความดลใจที่แท้จริงมาจากอมราวดี วิหารอมราวดีทุกแห่ง แม้ที่บูชาพระพุทธรูปจะมีขีด ๕ ขีดอยู่ข้างหลัง ผมก็ชอบคําว่า ๕ ก็เลยเอามาเป็นเสา ๕ เสา เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง แทนได้หลายอย่าง ละเสีย ๕ คือนิวรณ์ ๕ ประพฤติ ๕ คือ พละ ๕ อินทรีย์ ๕ ได้ผล ๕ คือมรรคผล ๔ นิพพาน ๑ เป็น ๕ ยังมี ๕ อื่น ๆ อีกแยะ เป็นเรื่องความพอใจส่วนตัว เก็บอยู่ในใจ คนอื่นจะตีความอย่างไรก็ตามใจเขา เรานึก ๆ อยู่ในใจของเราว่า อินทรีย์ ๕ พละ ๕ จะตรงที่สุด ที่อมราวดีในอินเดียสมัยโน้น เขาอาจจะหมายถึงพระพุทธเจ้า ๕ องค์ก็ได้
อาจารย์ครับ แล้วที่พักเล็ก ๆ ของอาจารย์ที่อยู่ปัจจุบันนี้ เป็นมาอย่างไรครับ
- อ้อ ที่มันเกิดจากไม่สบาย มาจากโรงพยาบาล เกือบเดินไม่ได้ ห้องนี้มันมีเตียงคนเจ็บอยู่แล้ว กลับจากโรงพยาบาลครั้งหลัง (๒๕๑๘) ก็มาพักห้องนี้ มานอนพักฟื้น มันเป็นห้องนํ้าห้องส้วมอยู่ในตัว จึงสะดวกตอนนั้นคํ่าคืนถ่ายปัสสาวะไม่เป็นเวลา
อาจารย์ครับ แล้วเขตอุบาสิกาเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ ทราบมาว่าตอนแรกอาจารย์ไม่ยอมให้มี
- ไม่มีชี ความคิดเดิมว่าจะไม่มีชี แล้วมันเกิดขึ้นเพราะมันต้องมีโรงครัว ตอนที่ยังไม่มีครัว พระหรือเณรก็ช่วยแก้ปัญหา อะไรกันบ้างที่คุณเฉลิมเรียกว่าพระแม่บ้านนั่นแหละ ทําเพิงหุงต้มเล็ก ๆ ด้านหลังของโรงฉัน ขึ้นมาทางเขาพุทธทอง ต่อมามันไม่พอ พระเณรมากเข้าก็มีคนเขาอาสาทํา ตอนแรกก็น้าเส้ แม่ของเนียม เขามาอยู่คนเดียว ปลูกเป็นกระต๊อบมุงจากอยู่ แล้วก็เริ่มมีแขกไปใครมามากขึ้น
แรก ๆ ก็พักอยู่กับน้าเส้ ต่อมาก็เลยปลูกถาวรขึ้น เป็นโรงครัวถาวร แล้วก็มีคนมาช่วยทําครัวมากขึ้น ดูเหมือนพี่ศีลจะเป็นคนที่ ๒ ก็มาปลูกกระท่อมจนกระทั่งปลูกเป็นบ้านพออยู่ได้ น้าย่อมเป็นคนที่ ๓ ก็เลยมีที่ ๔ ที่ ๕ คุณอรุณวตี คุณเฉิน (หงส์นันท์) เมื่อมีแล้วก็ขยายปรับปรุงเป็นนิคมคนแก่ ทางตะกั่วป่า มาขอปลูกบ้านพัก ญาติทางฝ่ายน้าเขยมาขอปลูกบ้านหัวมุม คุณนายทวีมาปลูกบ้านหลังใหญ่ หลาย ๆ คนเข้าเลยเต็มพื้นที่ที่จัดไว้เป็นเขตอุบาสิกา
ผมเห็นที่ตรงนั้นมันว่างอยู่มาก ถ้าไม่ทําอะไรมันขึ้นรก ก็เลยตัดถนนขึ้นมาสายหนึ่งให้เป็นเขตอุบาสิกาไปมุมหนึ่งเลย แต่ไม่เปิดเป็นสํานักชี ไม่รับบวชชี บวชกันมาแต่อื่น
บ้านเหล่านี้ บางเจ้าของเขาก็ออกทุน มีพินิจคอยช่วยปลูกสร้างให้บางหลัง เสียแต่ค่าวัสดุอุปกรณ์ นายพินิจเขาออกแรง เสียสละมาก บางหลังเขาก็จ้างเหมาคนมาทําเอง
ผมก็เพียงแต่แนะนําให้ทําแบบประหยัดที่สุด ให้ง่ายที่สุด ควบคุมให้ระยะห่างพอดี ๆ
อาจารย์ครับ ก่อนมีโรงครัวนี่ พระเณรทําอาหารกันแบบไหนครับ
-โดยมากก็เรื่องอุ่นปิ่นโตที่ได้มาให้ร้อน เอาปิ่นโตลงไปนึ่งในปี๊ปนึ่งทั้งปิ่นโต ตอนนั้นเดินปิ่นโต เด็กหิ้วปิ่นโตตามหลังพระ
ถ้าอาหารเหลือก็เอารวมกันเป็นหม้อเดียว ต้มเรื่อยไป เรียกว่าแกงรวม ฟังดูแล้วน่าขยะแขยง (หัวเราะ) แต่มันก็กลายเป็นของกินได้ บางเวลามันเหมาะสมอย่างไรไม่รู้ มันอร่อยเสียอีก ไม่ว่าอะไรใส่ลงไปหมด ต้มเดือดทุกวัน เหมือนกะขี้ควาย เรียกว่าแกงรวม อยู่อย่างนี้กันหลายปี จนเหลือกําลังเลยมีโรงครัว ผักหญ้าอะไรชาวบ้านเขาก็เอามาให้ไว้บ้าง ซื้อบ้าง
ตอนโรงครัวยังไม่สมบูรณ์ ในพรรษาก็มี แกงเวร คือชาวบ้านเวียนกันแกงมาวัด วันละ ๔-๕ หม้อ ก็พอดีกับพระเณร ๙ องค์ ๑๐ องค์
เมื่อโรงครัวสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่ต้องรบกวนชาวบ้าน ระยะแรกก็ช่วยเดือนละ ๕๐-๖๐ บาท ขึ้นมาเรื่อย ๆ เดี๋ยวนี้เดือนละ ๖,๐๐๐ บาท วันละ ๒๐๐ บาท พระราว ๗๐ รูป เฉลี่ยวหัวละ ๓ บาท นอกพรรษาพระน้อย เหลือก็สมทบเข้าไป บางทีพระมาก มีงานพิเศษ มีอบรม มีอะไรก็ทดกันไป
ทําไมตอนแรกอาจารย์จึงไม่อยากให้มีชีครับ
- เขาถือกันเป็นหลักทั่ว ๆ ไปว่าผู้หญิงหรือแม่ชีมาคลุกคลีกันนักมันมีเรื่องแบบโบราณ คําพูดของคนโบราณ
พอมีเข้าจริง ๆ แล้วมีเรื่องยุ่ง ๆ หรือเปล่าครับ
- เรียกได้ว่าไม่เคยมี การทําวัตรสวดมนต์อะไรก็ให้ทําแยกกันมาตั้งแต่ต้น มันไม่เหมาะที่จะให้พระเณรกับชีว่าพร้อมกัน
จาก เล่าไว้เมื่อวัยสนธยาหน้า 193-195
.
อ่าน เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา * ทุกตอน *
ในเว็บไซต์ สืบสานงานท่านพุทธทาส
.
สนใจหนังสือติดต่อ : มูลนิธิโกมลคีมทอง
โทร 02-412-0744 02-866-1557
สโมสรธรรมทาน,หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ
.
ฟังเสียงเล่าไว้ฯ ราวปี 2527-2528
.
อ่าน PDF
.
ความเดิมตอนแรก ที่มาของงานนี้
.
อัตชีวประวัติในวัยหนุ่มของพุทธทาสภิกขุ
โฆษณา