22 ต.ค. 2021 เวลา 12:58 • ธุรกิจ
-- สิ่งที่ร้านอาหารต้องเจอแน่ๆ ในปี 2022 เตรียมวางแผนรับมือแต่เนิ่นๆ ไว้เลย --
1
จากผลกระทบของสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เห็นเลยว่าการทำธุรกิจร้านอาหารนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก รูปแบบการทำธุรกิจแบบเดิมๆ ที่เคยใช้ในปีนี้ อาจใช้ไม่ได้แล้วในปีหน้า เราเลยจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกับพฤติกรรมใหม่ ๆ บริบทใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ผมจะมาสรุปให้ฟังกันครับ
#ผู้เล่นในตลาดร้านอาหารจะเพิ่มมากขึ้น
.
เริ่มตั้งแต่ปี 62 จนมาถึงปี 63 ผู้เล่นในตลาดร้านอาหารเพิ่มขึ้นจาก 3 แสนรายมาเป็น 5 แสนราย ซึ่งเชื่อได้เลยว่าในปี 64 ที่กำลังจะหมดไปก็จะมีคนเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น เพราะคิดว่าเศรษฐกิจที่กำลังจะกลับมาดีขึ้นมันก็ยังไม่กลับมา
.
ธุรกิจร้านอาหารจึงเป็นธุรกิจที่ทุกคนนึกถึงได้ง่ายที่สุด ผู้คนก็เลยจะโดดลงมาทำได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหน้าร้านหรืออยู่ในออนไลน์ นั่นหมายถึงว่าการแข่งขันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
.
แต่ในทางกลับกันลูกค้ามีกำลังซื้อที่น้อยลงด้วยภาวะเศรษฐกิจที่แย่แบบนี้ ทำให้ลูกค้าก็มีตัดสินใจซื้อที่มากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าบางร้านที่ไม่มีการออกแคมเปญลดราคาเลย การขายบนเดลิเวอรีก็จะยากไปเลย
.
2
#อาหารที่ขายจะมีต้องความเฉพาะตัวและลึกมากขึ้น
.
เมื่อมีคนเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ก็จะมีผู้ประกอบการรุ่นใหม่ๆ ที่มีความรู้เรื่องการทำอาหารและการทำธุรกิจ นั่นทำให้เขาเริ่มโฟกัสที่ Niche Market หรือตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น ข้าวมันไก่จะต้องเป็นสูตรจากเบตง ไหหลำ เริ่มมีสูตรจากสิงคโปร์ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าวมันไก่ก็คือข้าวมันไก่ธรรมดา แต่ในปัจจุบันก็จะมีข้าวมันไก่หลายประเภทมีความลึกมากขึ้น มีการสร้างแบรนด์ดิ้ง ยกระดับแบรนด์ตัวเองมากขึ้น
.
และนั่นมันก็เลยหมายถึงว่าพอผู้เล่นลงมาในตลาดนี้มากขึ้น เงินลูกค้ามีน้อยลงและคู่แข่งดันเก่งมากขึ้น ตัวเราเองก็ต้องมีความลีก มีความพิเศษเฉพาะตัวเรื่องอาหารที่เราทำมากยิ่งขึ้น ถ้าเรายังขายแบบเดิมๆ โอกาสที่เราจะมีจุดขายเพื่อดึงดูดลูกค้ามันก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ
7
#ลูกค้าไม่ชอบความจำเจ
.
จาก 2 - 3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าไม่มีร้านไหนไม่คิดแคมเปญการตลาดใหม่ๆ ออกมาเลย ทุกร้านพยายามนำเสนอโปรโมชันใหม่ๆ เมนูใหม่ๆ รวมถึงไปรูปแบบการตลาดที่เล่าเรื่องสนุก ๆ มากขึ้น มันก็เลยเป็นการทำให้ลูกค้าเสพติดกับอะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
.
ร้านไหนที่ยังอยู่กับการขายแบบเดิม ๆ โปรโมชันแค่ลดราคาแบบเดิม ๆ โอกาสที่ดึงดูดลูกค้าหลังจากนี้ก็เป็นไปได้ยาก มันทำให้ร้านอาหารจะไม่ใช่รูปแบบการทำซ้ำเดิม ๆ ไปเรื่อย ๆ ต้องคิดอะไรใหม่ ๆ ออกมาตลอดเวลา อาจจะต้องคิดออกมาเป็นแคมเปญแบบ 9.9 10.10 ของ E-Commerce ด้วยเหมือนกัน เพราะมันเป็นพฤติกรรมที่ลูกค้าเฝ้ารอและพร้อมจะจ่ายเงินออกไปได้มากที่สุด
.
8
#พฤติกรรมการใช้ชีวิตของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
.
เนื่องจากเมื่อก่อนผู้คนต่างออกมาทำงานกันที่ออฟฟิศ นั่นจึงทำให้ร้านอาหารที่อยากจับกลุ่มลูกค้าเป็นพนักงานออฟฟิศ ก็เลยต้องไปหาทำเลที่มีพนักงานออฟฟิศอยู่เยอะๆ แต่พอปัจจุบันมันมีการ WFH มากขึ้น และเชื่อว่าหลังจากนี้การ WFH จะเป็นเรื่องปกติของทุกออฟฟิศ
.
มันจึงทำให้ทำเลที่เคยเป็นเกรด A มันอาจไม่ใช่ทำเลเกรด A อีกต่อไป ทำเลในเมืองที่มีประชากรอย่างหนาแน่น มันก็จะเบาบางลงไป เพราะคนก็จะอยู่บ้านมากขึ้นหรือนอกเมืองมากขึ้น นั่นทำให้ร้านอาหารนอกเมืองเติบโตสูงมากขึ้น สวนกับการเจริญเติบโตในเมืองที่อาจจะลดลง ร้านค้าในที่เคยโฟกัสการขยายสาขาหรือตั้งสาขาในเมือง ก็ต้องเริ่มคิดมากขึ้นแล้วว่าพฤติกรรมลูกค้าจะเดินห้างน้อยลง เข้าไปทำงานในออฟฟิศน้อยลง ร้านอาหารที่อยู่ในตึกออฟฟิศอาจต้องพิจารณาเรื่องการย้ายออกมากขึ้น
.
ซึ่งเป็นสิ่งที่ร้านอาหารจะต้องพิจารณามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งและกลุ่มลูกค้าที่จะเปลี่ยนไป ต่อให้เราอยู่ที่เดิมมันก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
.
#การพัฒนาการของนวัตกรรมอาหาร
.
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราจะเริ่มได้ยินอาหารรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันจะไม่ใช่เป็นแค่อาหารทางเลือกแต่มันจะกลับกลายมาเป็นกระแสหลักในอนาคตก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรักษาสุขภาพ ห่วงเรื่องสุขภาพมากขึ้น ทานหวานน้อยลง ทานเนื้อสัตว์น้อยลง รวมไปถึงการขาดแคลนของวัตถุดิบ
.
โดยเราเห็นแล้วว่าพอแต่ละประเทศเกิดการติดเชื้อทำให้การส่งออกการบริโภคสินค้าในประเทศมันก็มากขึ้น การบริโภคสินค้าที่ออร์แกนิคมากขึ้น ฉะนั้นเทรนด์นวัตกรรมอาหารหลังจากนี้มันจะมีความต้องการอาหารประเภทออร์แกนิคมากขึ้น อาหารประเภททดแทนเนื้อสัตว์ เช่น แพลนต์เบส วีแกน รวมถึงการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น
.
ฉะนั้นผู้ประกอบการต้องเริ่มปรับตัว เอาเทรนด์ตรงนี้มาใส่ในเมนูทำการสื่อสารกับลูกค้า แต่แน่นอนว่าอาหารเหล่านี้อาจจะทำให้ต้นทุนมันเพิ่มมากขึ้น เราก็ต้องมีการสร้างแบรนด์สื่อสารกับลูกค้าเพื่อให้ภาพลักษณ์มันดี เราก็จะสามารถขายอาหารให้ได้ราคาที่สูงขึ้นได้
.
1
#รายได้ต่อสาขาจะลดน้อยลง
.
สืบเนื่องมาจากการที่มีจำนวนคู่แข่งที่มากขึ้น ในขณะที่ลูกค้ามีเงินในกระเป๋าน้อยลง นั่นหมายถึงว่า Same-Store Sales หรือรายได้เฉลี่ยต่อสาขาโดยเฉลี่ยจะลดลง พอมันลดลงเราต้องมีการจัดการต่างๆ ให้มันน้อยลงตามสัดส่วนรายได้ที่น้อยลง
.
โดยอาจมีการพิจารณาถึงการใช้เครื่องมือ เครื่องจักร เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนคน ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร เครื่องปรุงอาหารอัตโนมัติ การวางสูตรอาหารที่ดีให้พนักงานหนึ่งคนสามารถทำงานได้หลากหลายหน้าที่
.
รวมไปถึงการขยายสาขา ก็ต้องมีการลงทุนต่อสาขาที่ลดน้อยลงเนื่องจากกระแสที่มันเปลี่ยนไปตลอดเวลา ทำเลที่ดีอาจไม่ดีแล้ว การย้ายสาขาอาจเป็นเรื่องที่ต้องคิดเผื่อไว้เลย ฉะนั้นการออกแบบร้าน การก่อสร้างร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินอาจไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำ อาจต้องออกแบบร้านที่ยกออกได้เลยถ้าหมดสัญญาหรือทำเลนั้นไม่ดีแล้ว
.
5
และถ้าอยากมีความพร้อมในเรื่องพวกนี้ เรากำลังมีงานสัมมนาที่จะบอกคุณว่าคุณจะต้องเจอกับอะไร กับงาน “Thailand Restaurant Conference 2021 เอายังไงต่อดี..ในปีหน้า” ที่จัดขึ้นเพื่อคนในธุรกิจร้านอาหารโดยเฉพาะ
.
เนื้อหาจัดตลอด 3 วันเต็ม กับ 21 หัวข้อ 22 วิทยากร ทั้งผู้บริหารและเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง รวมถึงกูรูการตลาดชื่อดังระดับประเทศ
.
งานจัดวันที่ 6-8 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00-17.00 น.ในรูปแบบออนไลน์ (สามาถดูย้อนหลังได้ 30 วัน) บัตร Early Bird ราคา 690 บาท (จากราคาปกติ 990 บาท)
.
ซื้อบัตรได้ที่ 👉 https://www.zipeventapp.com/e/Thailand-Restaurant-Conference-2021
3
.
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ Torpenguin-ผู้ชายขายบริการ และ www.thailandrestaurantconference.com
เบอร์โทรศัพท์ 097-245-6621 , 093-951-4265
สื่อมวลชนติดต่อ 063-572-3557 (คุณแนน)
.
#TRC2021 #ThailandRestaurantConference #ThailandRestaurantConference2021 #penguinx #LINEMANWongnai #Wongnaiforbusiness #ต่อเพนกวิน
1
โฆษณา