ปลายเดือนนี้จะมีการประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนานาชาติครั้งที่ 26 ที่รู้จักกันในชื่อ COP26 (Conference of the Party 26) ปีนี้จะจัดที่ประเทศอังกฤษ ที่ตัวแทนจากรัฐบาลทั่วโลกจะไปพูดคุยเพื่อหามาตรการในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเด็นหลักๆที่เค้าจะพูดกันคือ ผลบังคับใช้ที่จะนำกลับไปประเทศตัวเองเพื่อผ่านกฎหมายที่ส่งเสริมให้เกิดการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยที่เป้าหมายของโลกคือจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในปี 2050
ในปี 2015 เรามีข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในชื่อ Paris Agreement อันโด่งดัง ครั้งนั้นเรามีเป้าหมายร่วมกันคือ ”ไม่ให้โลกร้อนกว่า 2 องศาเซลเซียส” ถามว่าทำได้มั้ยตอนนี้ ก็อย่างที่รู้กันนะคะว่าไม่ได้ เพราะอุณหภูมิเป็นปลายเหตุจากสาเหตุคือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ ครั้งที่เค้าเลยมุ่งเป้าไปที่การหยุด! หยุดปล่อยก๊าซไปเลยดีกว่า ในที่นี้เค้าใช้คำว่า Global Net Zero ซึ่งไครจะยังปล่อยก็ไม่ว่าแต่ต้องหาทางทำให้มัน Net เป็น Zero ด้วยการปลูกป่าให้ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อะไรวก็ว่าไป
1
ทีนี้ปัญหาคือการไปสู่เป้าต่างหากที่ทำได้ยาก ซึ่งทุกประเทศก็ตั้งเป้าหมดว่าจะต้อง Net Zero จนควีนอลิซาเบธบอกไม่ไหวแล้วขอพูดอะไรแรงๆซักครั้งในชีวิต ว่า ผนง...(อันนี้ควีนไม่ได้พูด) ควีนพูดว่า “อย่าดีแต่ปาก ไปพ๊ากกก” (“The lack of action on tackling the climate change crisis is irritating!”) เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาในการปรากฎตัวเพื่อเปิดรัฐสภาเมื่อถูกถามถึงCOP16 ซึ่งดอกเบี้ยสีทองก็เห็นด้วยกับควีน เพื่อไม่ให้เป้ากลายเป็นเป้ากางเกงประเทศต่างๆก็ต้องออกมาตรการออกมาเป็นกฎหมาย ซึ่งภาครัฐต้องเริ่มกำหนดทิศทางเพื่อลดการใช้งานเชื้อเพลิงจากฟอสซิล เช่นถ่านหินหรือน้ำมันต่างๆที่เราเติมกันอยู่เนี่ยแหละ เพื่อที่เราประชาชนตาดำๆสวยๆจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่นำไปสู่การผลิตก๊าซเรือนกระจก ไทยที่ดูเหมือนไม่สนใจก็มีเป้ากับเค้าเหมือนกันแต่ขอเลย 2050 นิดนึงนะคะอย่าว่ากัน