24 ต.ค. 2021 เวลา 06:17 • ท่องเที่ยว
ใบไม้เริงระบำ ที่คันไซ (1) .. ภูมิภาคคันไซ และเกียวโต
ญี่ปุ่น … เป็นประเทศที่มีอะไรมากมายที่น่าสนใจมากสำหรับคนแรมทางที่หลงใหลการก้าวเท้าออกเดินเพื่อเรียนรู้สิ่งที่แตกต่างไปจากบ้านเราในเมืองไทย
การท่องเที่ยวในญี่ปุ่น … เราจะได้พบกับสถานที่ที่หลากหลาย ทิวทัศน์ที่งดงาม ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีที่แปลกตาน่าสนใจ อาหารการกินเลิศรส ผู้คนที่เป็นมิตรมาก รวมถึงการที่ไม่ต้องกังวลมากมายกับเรื่องของความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยว
หากคุณกำลังนึกถึงสถานที่ ที่ให้ความสุขที่พร้อมสรรพหลากหลายรูปแบบให้อิ่มทั้งตา อิ่มกาย และอิ่มใจ … “เขตคันไซ” ภาคกลางตอนใต้ของเกาะฮอนชู น่าจะเป็นตำตอบที่สมบูรณ์แบบ ด้วยเขตนี้เป็นที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยวหลัก ทั้งเมืองเกียวโต นารา และโอซากา ที่มีทุกสิ่งที่กล่าวมาอย่างครบถ้วนแล้ว ก็ยังผสมผสานคุณค่าความเก่าแก่แห่งประวัติศาสตร์กับความทันสมัยของยุคใหม่ได้อย่างกลมกลืน โดดเด่นด้วยความมีชีวิตชีวาและไมตรีจิตของผู้คน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… หากคุณสามารถออกไปท่องเที่ยวตามตำบลเล็ก ตำบลน้อย หมู่บ้านอินดี้ ก็จะทำให้คุณได้ทำความรู้จักกับทั้งสามเมืองนี้ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในแง่มุมของวัฒนธรรม วิถีชีวิตของผู้คน และอาหารการกิน
“เขตคันไซ” ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนใต้ของเกาะฮอนชู ประกอบด้วย 8 จังหวัด ได้แก่ โอซาก้า, เกียวโต, เฮียวโงะ, นารา, ชิงะ, วากายามะ, มิเอะ และ ฟุกุย
คันไซ … เป็นที่ตั้งของเมืองอุตสาหกรรมหลายแห่ง ได้แก่ นครโอซาก้า ศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ เป็นเมืองใหญ่อันดับสามรองจากกรุงโตเกียวและโยโกฮามา จึงถือเป็นเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
คันไซ … เป็นภูมิภาคที่ความเจริญมาช้านาน เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของญี่ปุ่นในยุคแรกๆ มีเมืองประวัติศาสตร์คือ นารา และเกียวโต ซึ่งเมืองหลวงทั้งสองแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศญี่ปุ่นมานับพันปี มีพระราชวังที่ประทับองค์จักรพรรดิหรือพระราชวังอิมพีเรียล ณ เมืองเกียวโต ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่กรุงโตเกียว
นารา และเกียวโต … มีความโดดเด่นด้านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี สถาปัตยกรรม และศิลปกรรมเก่าแก่ที่มีคุณค่ามากมาย มีมรดกโลกในญี่ปุ่นที่ขึ้นทะเบียนกับ UNESCO ถึง 5 แห่ง จากทั้งหมด 16 แห่ง
 
… ได้แก่ อนุสรณ์สถานของเมืองหลวงเก่าเกียวโต
.. อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์วัดโทไดจิและพุทธสถานวัดโฮริวจิ ที่เมืองนารา
.. ปราสาทฮิเมจิ ที่เมืองเฮียวโงะ เป็นปราสาทเก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
.. เส้นทางจาริกแสวงบุญและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณเทือกเขาคิอิ และ ศาลเจ้านิอุทซึฮิเมะ ที่เมืองวาคายามะ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะของศาลเจ้าผู้ปกป้องโคยะ ซัง
วัดและศาลเจ้าที่สำคัญของคันไซ … มีมากมายหลายแห่ง เช่น ..
.. วัดชิเทนโนจิ วัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในโอซาก้า สร้างขึ้นเมื่อราว 1400 ปีที่แล้ว ในรัชสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิ์ Suiko
.. ศาลเจ้าอิมามิยะ เอบิสึ ที่นักธุรกิจและพ่อค้าแม่ขายจะพากันไปสักการะบูชาเทพ Ebisu ที่มือขวาถือเบ็ดตกปลา และอุ้มปลาไว้ที่สีข้างด้านซ้าย เป็นเทพที่มอบความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเล เชื่อกันว่าช่วยให้ทำมาค้าขายรุ่งเรือง จึงพากันไปขอพรจากเทพเจ้าใน เทศกาล Toka Ebisu ทุกวันที่ 9-11 มกราคม บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วทุกมุมเมืองของโอซาก้าจะพากันมากราบไหว้ และรับพรจากเทพเจ้าด้วยการซื้อต้นไผ่ "Sasa" ที่ประดับด้วยสตางค์โบราณ ฆ้อนทอง ถังข้าวสาร พัด ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล โดยจะมีผู้มาร่วมงานถึง 1 ล้านคน เป็นเทศกาลที่สร้างสีสันให้กับเมืองโอซาก้าเป็นอย่างมาก
.. ศาลเจ้าแห่งเมืองอิเสะ ประกอบด้วยศาลเจ้าใหญ่ 2 แห่ง ซึ่งอยู่ห่างกัน 6 กิโลเมตร คือ ศาลเจ้าชั้นนอก เรียกว่า โทโยเกะ ไดจิงงุ หรือ เงะกุ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าแห่งเกษตรกรรมนามว่า โทโยเกะ โอมิคามิ และมี ศาลเจ้าชั้นใน เรียกว่า โคไตจิงงุ หรือ ไนกุ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สักการะบูชาเทพแห่งดวงอาทิตย์นามว่า เทพเจ้าอะมะเทระสุ โอมิคามิ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นองค์สุริยเทพบรรพบุรุษของราชวงศ์ญี่ปุ่น จึงเป็นที่เคารพสักการะของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง ถือได้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญอันดับหนึ่งของศาลเจ้าชินโตทั่วประเทศญี่ปุ่น เชื่อกันว่าศาลเจ้าทั้งสองแห่งมีมานานแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี การได้มาสักการะขอพรจากศาลเจ้าทั้งสองแห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นมงคลของชีวิต
… สถานที่ท่องเที่ยวทางชมธรรมชาติทั้งป่าเขาลำเนาไพร บ่อน้ำแร่ออนเซ็น สวนสาธารณะ และทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองต่างๆ ในคันไซก็มีแตกต่างหลากหลายในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยรอบบริเวณ ทะเลสาบบิวะ ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในเมืองชิงะ
… สวนสาธารณะนารา อยู่ในบริเวณเดียวกับวัดสำคัญและเต็มไปด้วยกวางที่อยู่กันอย่างอิสระ ทั้งยังเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระด้วย
.. สำหรับสถานที่น่าสนใจอื่นๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ที่เมืองฟูกุอิ ซึ่งใหญ่เป็น 1 ใน 3 ของโลก และ ปราสาทวาคายามะ ที่สามารถชมทัศนียภาพของเมืองนี้ได้รอบทิศทางจากชั้นบน
คันไซก็มีความโดดเด่นในเรื่องศิลปวัฒนธรรมประเพณี ในหลายเมือง..
.. เกียวโต มีงานประเพณีประจำปีที่สำคัญของญี่ปุ่นหลายงาน เช่น เทศกาลจิได (Jidai Matsuri) ในเดือนตุลาคม จะมีผู้ร่วมขบวนแห่แต่งกายแบบโบราณราว 2,000 คน โดยเริ่มจากหน้าพระราชวังเกียวโตไปสิ้นสุดที่ศาลเจ้าเฮอัน
.. โอซากา มีการแสดงที่ขึ้นชื่ออย่างมาก และเป็นเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ “คาบูกิ” (Kabuki) ละครร้องและรำโดยนักแสดงชายล้วน
เขตคันไซ … มีสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นตลอดปี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ มีภูเขาล้อมรอบ และมีเมืองสำคัญชายฝั่งทะเล จึงมีผลผลิตทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ แต่ละเมืองก็มีความพิเศษแตกต่างกันไป
Kyoto ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์และกาลเวลา
เกียวโต … เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของญี่ปุ่นในยุคแรกๆ เดอมมีชื่อว่า “เฮอันเกียว” ซึ่งหมายถึงนครหลวงแห่งสันติ ตั้งอยู่ในเขตคันไซ บนพื้นที่ราบลุ่มระหว่างแม่น้ำโคโมกาวะ และแม่น้ำคึตสึรากาวะ
เกียวโตได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงโดยพระจักรพรรดิคัมมู หลังจากที่ย้ายเมืองหลวงมาจากนารา เคยเป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศญี่ปุ่นมานับพันปี ตั้งแต่ปี 794 … และที่เกียวโตนี่เองที่องค์จักรพรรดิทรงประทับติดต่อกันมาอย่างยาวนานต่อเนื่องกว่าหนึ่งพันปี ก่อนจะย้ายเมืองหลวงอีกครั้งไปที่เมืองเอโดะ หรือโตเกียวปัจจุบันในปี 1869
เกียวโต จึงเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สุดของญี่ปุ่น และทำให้ประเพณี วัฒนธรรม ที่ก่อเกิดในสมัยนั้นได้หยั่งรากลงลึกเข้าไปในวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในปัจจุบันด้วย
มนต์เสน่ห์เกียวโต มีปรากฏให้เห็นผ่านวิถีและภูมิทัศน์ของเมืองที่บ่งบอกวัฒนธรรม ความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ผ่านผู้คน วิถีวัฒนธรรม อาหารการกิน อาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรม พระราชวัง โดยเฉพาะวัดและศาลเจ้าที่มีอยู่ทุกมุมเมือง และว่ากันว่า จำนวนวัดในเกียวโตมีถึง 1,500 วัด มีศาลเจ้าราว 300 แห่ง .. และในจำนวนนี้มีสถานที่ถึง 17 แห่งที่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลก
วัดในเกียวโต .. เป็นวัดในพุทธศาสนา นิกายมหายาน ที่ผ่องถ่ายผ่านมาทางประเทศจีนและเกาหลี สัญลักษณ์ที่ใช้แทนวัดในกระดาษ คือ เครื่องหมายสวัสดิกะ
ศาลเจ้า .. เป็นศาลเจ้าในลัทธิ ชินโต อันเป็นศาสนาดั้งเดิมที่เก่าแก่ของชาวญี่ปุ่น เป็นศาสนาที่นับถือเทพเจ้ามากมาย โดยเชื่อว่าในวัตถุทุกอย่างในธรรมชาติล้วนมีวิญญาณสิงสถิตอยู่ ฉะนั้น ภูเขา ต้นไม้ แม่น้ำ ทุ่งนา ท้องทะเล และสัตว์ ล้วนเป็นเทพเจ้าได้ทั้งสิ้น และสัญลักษณ์ที่ใช้ในกระดาษ คือ โทริอิ ซึ่งเป็นประตูเข้าศาลเจ้า ที่ประกอบด้วยเสา 2 เสาและมีไม้ 2 ท่อนวางขวางอยู่ด้านบน … ที่แยกเขตแดศักดิ์สิทธิ์ออกจากโลกภายนอก
เกียวโต .. ยังมีสิ่งน่าสนใจชวนเที่ยวชม อาทิ ปราสาทนิโจ พระราชวังเกียวโต เกียวโตทาวเวอร์ สะพานโทะเง็ตสึ ย่านกิอง ย่านบันเทิงยามราตรีที่ขึ้นชื่อเรื่องเกอิชาและไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) มานับตั้งแต่อดีต เป็นต้น
เกียวโต .. เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเอเชียประจำปี 2014 จากการสำรวจของนิตยสารทราเวล แอนด์ เลเชอร์ เป็นนิตยสารด้านการท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐอเมริกา มีสาขาอยู่ทุกภูมิภาค
เกียวโต.. เมืองมนต์เสน่ห์ที่ยังรอให้ไปสัมผัส เปรียบเสมือนอัญมณีของญี่ปุ่นตะวันตก ที่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ทัศนียภาพ ความสวยงาม และความร่มรื่น พร้อมเพียบด้วยศิลปวัฒนธรรมและประเพณี อาหารการกิน มีแหล่งจับจ่ายใช้สอย สำหรับผู้คนในพื้นที่ความเป็นมิตร และเป็นเมืองที่มีความคุ้มค่าของเงิน หรือความพึงพอใจที่ได้รับจากการจับจ่ายนักท่องเที่ยว
สถานที่เท่ๆ และสร้างความประทับใจให้ทั้งชายและหญิงมากที่สุด ก็คือที่เมืองอาราชิยามา (Arashiyama) ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวสามารถสวมชุดกิโมโน หรือชุดยูกิตะ เดินถ่ายภาพหรือท่องเที่ยวได้ทั่วไป เพราะทั้งเมืองจะเห็นบางคนใส่ชุดยูกิตะมาเดินท่องเที่ยววันหยุด เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณ รอบเส้นทางเดินก่อนเข้าป่าไผ่จะมี ร้านค้า ของฝากของที่ระลึก จัดแต่งได้น่ารัก สวยงาม
ป่าไผ่ที่เมืองอาราชิยามา สวยงามแปลกตา เพราะต้นไผ่อายุหลายสิบปี สีเขียวสด สูงยาวตรงชะลูด อยู่สองข้างทางเหมือนเรากำลังเดินเข้าไปในป่าไผ่หนาทึบ
ระหว่างเส้นทางเดินมีร้านค้าขายของฝาก ของที่ระลึก ขนม ตรงทางแยกก่อนไปสะพานจะมีจุดที่คนลากรถลากมารอเรียกลูกค้า ก่อนพาไปนั่งรถลาก ที่สร้างสีสันให้นักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย
ศาลเจ้าโนโนมิยะ Nonomiya บริเวณป่าไผ่นั้น มีความเชื่อเรื่องเสาประตูศาลเจ้าทำจากไม้ไผ่ในป่านั้นลำไผ่ใหญ่และมีสีน้ำตาล เมื่อมาถึงตรงนี้จะไหว้ขอพร ที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ที่ไม่ดี ก็กลับกลายเป็นเรื่องดี เป็นจุดที่คนญี่ปุ่นเองต้องมาไหว้ขอพร
สถานีรถไฟสายโรแมนติก (Sagano Romantic Train) หรือรถไฟสายโทร็อกโกะ ที่เริ่มบริการเมื่อปี 1991 สีสันของหัวรถจักรของรถไฟสายโรแมนติกมีสีสันที่สวยงาม ทุกคนที่มาต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึก ตั้งแต่หัวรถไฟ นั่งโบกี้ก็เปิดโล่งให้บรรยากาศภายนอก
ระหว่างเส้นทางบนรถไฟสายโรแมนติก สองข้างทางรถไฟที่ลัดเลาะตามริมเขา มีต้นไม้ ภูเขาและแม่น้ำโออิที่ขนานเส้นทางรถไฟตลอด จนถึงปลายทางสถานีรถไฟ Saga Torokko Station จนอิ่มเอมธรรมชาติตลอดสองข้างทาง ปลายทางเพื่อนั่งบัสต่อไปยัง โฮซุกาวาคุดาริ เพื่อล่องเรือชมบรรยากาศริมน้ำ
แม่น้ำโออิมีความลึกตั้งแต่ 1-15 เมตร มีเกาะแก่งหินริมทางน้ำ มองเป็นรูปร่างต่างๆ ได้สนุก ตื่นเต้น และอิ่มเอมกับการเดินทาง ตลอดเส้นทางการล่องเรือจะพบเห็นทั้งคนหาปลา พายเรือ นั่งเรือยางเล่นหรือแม้แต่เรือขายของเทียบกับเรือโดยสารแวะให้ซื้ออาหารขนมกลางน้ำ
นี่ก็คือเสน่ห์เพียงบางส่วนของเมืองเกียวโต อดีตเมืองหลวงเก่าอันสุดคลาสสิกที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายชนิดที่หากจะเที่ยวกันแบบละเอียดเจาะลึกคงต้องใช้เวลากันเป็นเดือน
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา