26 ต.ค. 2021 เวลา 06:00 • ท่องเที่ยว
กระทู้นี้ เป็นส่วนหนึ่งของ บันทึกท่องเที่ยวอังกฤษสก๊อตแลนด์ นำชมพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ และอื่นๆ
ไปชมหัวข้อต่างๆตามลิงก์นี้ครับ
สำหรับ ฉบับนี้ เป็นเรื่องเมืองยอร์ก ที่อยู่ตอนเหนือครับ
เช้านี่มาเดินเล่นกันดีกว่า วันนี้ขอมองดูยอร์คจากการเดินเลาะกำแพงก่อน แนวกำแพงที่นี่มีมาตั้งแต่สมัยโรมันและต่อเติมเพิ่มไปในช่วงยุคกลางโอบล้อมเมืองเก่าเล็กๆนี้เอาไว้ ใช้เวลาไม่นานก็จะเดินได้รอบ
สำหรับคนที่เพิ่งมาเมืองยอร์คใหม่ๆอาจจะสับสนเมื่อเดินไปตามแผนที่จะไม่เจอสิ่งที่บอกไว้ อย่างเช่นมองหาประตูเมืองที่ชื่อว่า Perter Gate ก็ไม่พบสักที มองหาบาร์เหล้าที่ชื่อว่าบาร์พระ (Monk Bar) ก็ไม่เห็นเจอ นี่เป็นปัญหาจากเกิดจากความไม่รู้ในศัพท์แสงของที่นี่ เพราะคนอังกฤษทางเหนือแต่ก่อนนี้เวลาพูดคำว่า gate จะหมายถึงถนน ส่วนคำว่า bar หมายถึงประตูเมือง จนมีคนแนะนำให้ท่องจำไว้ว่า “เมืองยอร์คเป็นเมืองที่ถนนเรียกว่าเกท ประตูถูกเรียกว่าบาร์ และบาร์ถูกเรียกว่าผับ” แล้วจะได้ไม่หลงทางอีก
ถนน ประตู ป้อมปราการที่นี่มีอายุเก่าแก่ แต่ละประตูมีชื่อและลักษณะเฉพาะ แต่ละป้อมจะบอกเล่าประวัติศาสตร์ว่าเริ่มสร้างปีไหน ใช้ทำอะไร มีความโดดเด่นใดบ้าง ตัวอย่างเช่นป้อม Lendal สร้างมาตั้งแต่ปี 1315 ใช้ป้องกันเมืองและควบคุมการเดินเรือ ป้อม Robinhood มีสร้างใหม่ในปี 1888 เพื่อจำลองป้อมยุคกลางไว้ ป้อม Tofte ถูกบูรณใหม่หลังถูกทำลายในปี 1644 แต่ละป้อมมีการออกแบบสวยงาม รูปทรงหน้าต่างประตูไม่ซ้ำแบบ
ประโยชน์อีกอย่างของประตูเมืองและป้อมต่างๆคือเป็นแหล่งที่บอกพิกัดทิศทางได้อย่างดี (แต่นั่นหมายความว่าคุณท่องจำคำศัพท์ที่บอกไว้ได้แล้วนะ) หากเราอยากรู้ว่าอยู่ตรงไหนหรือจะเดินไปทางไหนดี สามารถใช้ประตูเมืองเป็นตัวบ่งชี้ได้ แต่ละ Gate ก็มีจุดสนใจต่างกัน อย่างเช่นถนน Peter Gate มีประตูใหญ่ซึ่งมีป้อม Bootham bar ด้านบน มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เป็นทางเดินผ่านของทหารโรมันที่จะขึ้นไปสก๊อตแลนด์เดินทัพไป ส่วนป้อม Monk Bar ที่อยู่บนถนน Monk Gate ภายในมีถึง 9 ชั้น ส่วนป้อม Micklegate Bar เป็นป้อมที่สำคัญสุดเพราะดูหรูหราสุด จึงถูกใช้ในงานสำคัญของเมือง และที่สำคัญคือเคยใช้เป็นที่เสียบศีรษะของศัตรูที่ถูกฆ่าอีกด้วย
ที่เมืองนี้มีคนดังมาเกิด เจ็บ ตาย รุ่งโรจน์ หรือตกอับอยู่หลายคน บางกรณีอาจรู้ได้จากป้ายที่แปะบอกไว้บนตึกและตรอกต่างๆว่าตรงนี้เคยเกิดอะไรขึ้น ใครคนไหนเคยมาทำอะไร ตรงนี้เคยเป็นที่แขวนคอใคร โรงแรมนี้มีใครเคยมานอน ฯลฯ แม้ว่าจะผ่านมานานแต่ยอร์คยังคงเก็บความทรงจำเอาไว้ และจารึกลงไปโดยไม่ต้องเสียเงินทำอนุสาวรีย์ ตรงที่เลื่องลือมากคือตรอก Mad Alice Lane ตั้งตามชื่อนางอลิส หญิงโชคร้ายที่ถูกสามีข่มเหงทุบตีเป็นประจำจนเธอสติวิปลาศและฆ่าสามีทิ้ง ในที่สุดก็ลงโทษโดยการประหารและได้มาหลอกหลอนผู้คนเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม ยังมีถนนสายหนึ่งในยอร์กที่โด่งดังโดยไม่มีประวัติอะไรที่ชัดเจนเป็นเรื่องราวสักเท่าไร แต่ที่ดังได้ก็เพราะชื่อของมัน ถนนนี้มีชื่อว่า WHIP-MA-WHOP-MA-GATE (ลองอ่านออกเสียงดูนะ จะพบว่ามันฟังดูตลกดี) แค่ชื่อก็ชวนสงสัยแล้วว่ามันคืออะไร
ซึ่งคนยอร์คเองก็งงเหมือนกันเพราะเรียกกันมานานปีดีดักจนจำไม่ได้ว่าทำไมถึงเรียกอย่างนั้น ได้แต่สันนิษฐานกันไปต่างๆนานา มีให้ความเห็นว่าแต่เดิมคงจะชื่อว่า Whitnourwhatnourgate แปลว่า "what a street!" ซึ่งไม่อยากจะแปลเลย แต่ถ้าจะให้แปลอาจได้ชื่อว่า “นี่มันถนนอะไรกันเนี่ย?” อย่างไรก็ตาม มีคนที่ศึกษาแล้วพบว่ามันแปลได้อีกอย่างหนึ่งคือ "nothing at all" (ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น) หรืออาจแปลได้อีกอย่างว่า "neither one thing nor the other" (ไม่ใช่สิ่งนี้หรือสิ่งอื่นใด) ซึ่งข้อค้นพบพวกนี้ก็จะไม่ช่วยให้เรารู้อะไรมากขึ้นเลย แต่กลับทำให้งงมากขึ้นอีก
งงก็ดีแล้ว ยิ่งงงยิ่งดัง ในที่สุดตรงนี้ก็ได้กลายมาเป็นถนนที่นักท่องเที่ยวชอบมาชมที่สุด ทั้งที่ไม่มีอะไรให้ชมมากไปกว่าป้ายชื่อถนน แถมยังมีเรื่องราวที่ไม่เป็นเรื่องมาช่วยสร้างมูลค่าอีก อยากแนะนำให้ ททท. มาช่วยเอาไอเดียไปใช้ตั้งชื่อถนนในไทยจังเลย แต่จะใช้ชื่ออะไรดีหนอ?
โฆษณา