27 ต.ค. 2021 เวลา 01:38 • ท่องเที่ยว
ใบไม้เริงระบำ ที่คันไซ (3) .. Kitano Tenmagu Shrine ในฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสี
ศาลเจ้าคิตาโน่เทนมานกุ (北野天満宮, Kitano Tenmangu) เป็นศาลเจ้าที่โดดเด่นมากๆของเมืองเกียวโต เนื่องจากเป็น 1 ใน 2 ศาลเจ้าเทนมานกุที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น โดยที่อีกแห่งหนึ่งนั้นจะอยู่ที่เมืองดาไซฟุ (Dazaifu)
“ศาลเจ้า” กับ “วัด” ต่างกันอย่างไร?
ถ้ายึดเอาจากแผนที่ … เครื่องหมาย “สวัสดิกะ” เป็นสัญลักษณ์แทนวัด ส่วนภาพซุ้มประตูที่ประกอบไปด้วยเสาสองข้างและคานพาดด้านบนสองชั้นที่เรียกว่า “โทริอิ” (Torii) เป็นสัญลักษณ์แทนศาลเจ้า
.. นั่นคือความแตกต่างของศาลเจ้ากับวัด
ศาลเจ้าทุกแห่ง อย่างน้อยจะต้องมีโทริอิอย่างน้อย 1 อันเสมอ หรือจะมากกว่านั้นก็ได้ เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงเขตแดนแยกอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ออกจากพื้นที่ทางโลกภายนอก
โทริอิ .. จะทำจากไม้ หิน โลหะ หรือปูน ก็ได้ทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะสร้างด้วยวัสดุชนิดใด ส่วนใหญ่มักจะทาด้วยสีแดงชาด
เสาโทริอิ ของศาลเจ้าคิตาโน่เทนมานกุ … สูงใหญ่ทีเดียว มีรูปปั้นสิงห์อยู่ทั้งสองข้างของเสา และหากดูรวมๆแล้ว จัดว่าเป็นโทริอิที่ดูสวยมากค่ะ คนที่จะเข้าไปในศาลเจ้าก็ต้องผ่านซุ้มเสาโทริอิ แล้วเดินตามทางเดินเข้าไปด้านใน
ตลอดทางเดินมีตะเกียงหินจำนวนมากตั้งเรียงรายขนาบทางดิน มองเผินๆเหมือนเสานางเรียงในวัฒนธรรมของการสร้างศาสนสถานของเขมร
มีรูปปั้นของ “วัว” อยู่เป็นระยะๆ .. ไม่รู้ความหมายพอที่จะอธิบายค่ะ ..แต่คาดเดาว่า อาจจะเกี่ยวข้องกับการเกษตรกรรม
ซุ้มประตูไม้อันที่สอง นำผู้มาเยือนเข้าไปสู่ด้านในของศาลเจ้า ซุ้มประตูนี้ สวยงามตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมของศาสนสถานของญี่ปุ่นดั้งเดิม
ก่อนเข้าไปด้านในของศาสนสถานญี่ปุ่น จะมีบ่อน้ำพร้องกระบวยตักน้ำไว้ให้ชำระล้างสิ่งสกปรก … โดยะเริ่มจากล้างมือซ้าย-ขวา แล้วบ้วนปากเล็กน้อย
.. มองเห็นมีศาลาขนาดใหญ่ซึ่งด้านบนประดับด้วยภาพวาดมากมาย (ไม่รู้ความหมายอีกค่ะ) อย่างไรก็ตาม ประวัติความเป็นมาของศาลเจ้าแห่งนี้มีอยู่ว่า …
“ศาลเจ้าคิตาโน่เทนมานกุ” .. สร้างขึ้นในปี 947 ภายหลังเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ทั่วประเทศญี่ปุ่น และอุทิศให้แด่ “สุกาวะระ มิชิซาเนะ” (Sugawara Michizane) นักวิชาการและนักการเมืองผู้เป็นตัวแทนของยุคกลางของ Heian (คศ.794 – คศ.1185)
ซึ่งคนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าท่านมีความเชื่อมโยงกับเทพ “เทนจิน” (Tenjin) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ การศึกษาตามศาสนาชินโต
นอกจากนั้นยังเป็นเทพเจ้าของงานศิลปะ โชคดี และเทพเจ้าแห่งเกษตรกรรม ดังนั้นจึงดึงดูดผู้ศรัทธาทางศาสนาจำนวนมาก ให้เดินทางมาสักการะและขอพร … ศาลเจ้าในปัจจุบันสร้างในปี 1607 โดย Hideyori Toyotomi.
ด้วยเหตุนี้ ทุกๆวันจึงมักจะมีเด็กนักเรียน นักศึกษา หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ มาไหว้พระ และอธิษฐานขอพรให้ประสบความสำเร็จกันเป็นที่เจนตา..
… ตามด้วยการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัด โดยโยนเหรียญไปที่กล่องไม้ที่อยู่หน้าวัตถุมงคล แล้วก็สวดมนต์ขอพร ต่อด้วยการลั่นระฆัง … ถ้าเป็นศาลเจ้า ก็ต้องต่อด้วยการตบมือ 2 ครั้งก่อนที่จะสวดมนต์ขอพร
กรณีที่จะมาขอพรอย่างเดียวก็เป็นสถานที่ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งศาลเจ้าอันเก่าแก่แห่งนี้มีชื่อเรื่องความสำเร็จทางการเรียนและการทำงาน จะเห็นนักเรียนนักศึกษามาไหว้ขอพรกันเยอะทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการสอบ
สถานที่สักการะ … อธิษฐานและขอพรจากเทพเจ้า แล้วอาจจะเขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นป้ายไม้ เพื่อนำไปแขวนไว้ให้เทพเจ้ามาอวยพร เป็นการสื่อสารในรูปแบบที่คนญี่ปุ่นเชื่อและปฏิบัติ
ศาลเจ้าคิตาโน่เทนมานกุ นอกจากจะมีชื่อเสียวโด่งดังในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆแล้ว … บริเวณโดยรอบศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีชื่อในเรื่องของการเป็นจุดชมดอกบ๊วย (Plum Tree) และ ใบไม้แดงที่เรียกได้ว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในเกียวโต
ต้นบ๊วย (Plum Tree) เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับศาลเจ้ามาอย่างยาวนาน และยังเป็นที่ชื่นชอบของสุกาวะระ มิชิซาเนะ (Sugawara Michizane) นักปราชญ์และนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งในยุค “เฮอัน” (Heian) เมื่อพันกว่าปีก่อน ผู้ที่มีความสำคัญแก่ศาลเจ้าแห่งนี้มากๆ … มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่าต้นบ๊วยที่ศาลเจ้าเทนมานกุที่เกาะคิวชู เกิดจากเมล็ดจากต้นที่เกียวโตลอยไปนี่เองล่ะค่ะ
ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ศาลเจ้าจะเปิดให้เข้าชมสวนเมเปิ้ลทางด้านซ้ายมือ โดยต้องเสียค่าผ่านทางเล็กน้อย …
หลังจากที่ผ่านประตูเข้าไปแล้ว … เราแวะดื่มน้ำชาพร้อมขนม ที่เป็นอภินันทนาการฟรีจากการซื้อบัตร เป็นการเรียนรู้วิถีแห่งญี่ปุ่นอีกครั้ง
เราเดินมาตามทางต่างระดับที่เป็นสโลปลดหลั่นจากด้านบนลงไปเรื่อยๆ … มีมุมเก๋ๆที่มีฉากหน้าและฉากหลังเป็นต้นไม่ที่ใบเปี่ยมสีสัน ให้หยุดเก็บภาพอยู่มากมาย
ทางเดินจะจัดให้เป็นเส้นทางเดินทางเดียว ไปตามลำธารเล็กๆ ที่ชื่อว่า Tenjin River ซึ่งไหลผ่านเขตศาลเจ้า จะเดินกลับไปมานานเท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเดินออกประตูที่ตรงสุดทางแล้วก็จะเข้ามาใหม่ไม่ได้
ในช่วงที่เราไปเยือน … ต้นเมเปิ้ลที่ขึ้นอยู่รอบๆสวนยังไม่เข้าสู่ช่วงที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดจ้าน และยังคงมีสีเขียวและสีส้มเหลืองอ่อนๆแทรกตัวแซม … แต่ก็เริ่มส่งสัญญาณลดโทนสีเขียวเข้มลงไปอีกเฉดสี ในขณะที่บางต้นเปลี่ยนสีสันไปแล้ว
ฉันมองว่า ต้นไม้เหล่านี้ที่เปี่ยมเสน่ห์ในแบบที่เป็นตัวเองอย่างแท้จริง … ใบของมันเล็กละเอียด แต่เป็นแฉกสีเขียว และสีอื่นๆ ทีเมื่อเวลาสะท้อนแสงแดด จะสวยงามมากมาย
บางกิ่งก้านบริเวณส่วนยอดเริ่มจะมีสีแดง เหมือนจะโอ้อวดว่า ที่เราเห็นนั้นเป็นแค่ตัวอย่าง หากยามเมื่อใบทุกใบพร้อมใจกันผลัดเปลี่ยนเป็นสีส้มเหลืองแดง จะสวยงามมากขนาดไหน
สะพานค้างไม้สีส้ม ในสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น … เป็นความโดดเด่นอย่างหนึ่งของศาลเจ้าแห่งนี้ ทุกคนต้องเดินผ่านสะพานสำคัญ ที่ใครก็ต้องหยุดถ่ายรูปตรงนี้
ฉันชอบการเดินชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพราะการมีนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่นเหมือนสถานที่ดังๆที่อื่นๆในเกียวโต .. ทำให้การเดินชมเป็นไปอย่างรื่นรมย์ และสามารถที่จะหยุดเก็บภาพสวยๆตามที่ใจนึก
ความชื่นฉ่ำและสงบภายในสวน ทำให้ฉันรู้สึกหลงรักวนภายในเขตศาลเจ้านี้ได้ไม่ยาก และนั่นส่งผลให้ เมื่อเดินไปที่มุมไหนด้านไหน เมื่อเจอม้านั่ง จึงอดไม่ได้ที่จะนั่งใช้เวลาในการส่งสายตาไปยังความบรรยากาศที่สงบ ร่มเย็นรอบตัว จนไม่อยากเดินพ้นขอบรั้วของศาลเจ้ากลับออกไป
ระเบียงสีส้มแดงที่โดดเด่นเหนือหุบเขา .. เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพของใบไม้เปลี่ยนสีได้งดงามและกว้างไกล
หากอยู่ในช่วงพีคของฤดูกาล ทั้งหุบเขาจะเป็นเหมือนทะเลเพลิงแห่งใบไม้ ที่จะสะกดทุกสายตาให้เพ่งมองอย่างประทับใจ ก่อนที่จะกดชัตเตอร์กล้องรัวๆ
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา