28 ต.ค. 2021 เวลา 08:27 • ธุรกิจ
สิ้นสุดการรอคอย!!!! สรุปเซสชั่น สีเดลต้า(DPAINT) IPO ที่ให้คุณค่าการลงทุนมากกว่าคำว่าสี 👍
“รณฤทธิ์ - อรรถพล ตั้งคารวคุณ" เจนเนอร์เรชั่น 2 แห่ง " DPAINT "
ตั้งเป้าเป็นองค์กรที่เติบโตแบบ "ยั่งยืน " อยู่ยาว 100ปี !!!
การเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของ บมจ. สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคารระหว่างวันที่ 19 - 21 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านต้องบอกว่า ฮอต!! หมดภายในชั่วพริบตาเดียว
" DPAINT" ขายไอพีโอ จำนวน 53.25 ล้านหุ้น ราคา 7.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1 บาท จะเข้าซื้อขายวันแรก (เทรด)วันแรก 28 ต.ค. 2564
" DPAINT" มีจุดเด่นอย่างไร ทำไมนักลงทุนหุ้น ไอพีโอ ถึงสนใจอย่างทะลักล้น ขณะผู้บริหารและที่ปรึกษาทางการเงิน ยังต้องพูดตรงกันว่า เซอร์ไพร์สสุดๆที่นักลงทุนให้การต้อนรับที่มาก
มา ฟังคำให้สัมภาษณ์ 2 ผู้บริหารคู่พี่น้อง "คุณรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO และ " คุณอรรถพล ตั้งคารวคุณ ประธาานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน หรือ CFO " มาพูดถึงปรัชญาการทำธุรกิจของสีเดลต้าจวบจนวันนี้ธุรกิจเขาเดินทางมากว่า 40 ปีหรือ 4 ทศวรรษ !! และที่ปรึกษาการเงินที่นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai คุณเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ แอดไวเซอรี่ จำกัด
คุณรณฤทธิ์ และ คุณอรรถพล สองผู้บริหารหนุ่ม คนรุ่นใหม่ พูดเสียงดังชัด เลยว่า ปรัชญาในการทำธุรกิจของเรา คือ อยากให้ "DPAINT" เป็นองค์กรเติบโตได้ อย่าง “ยั่งยืน” 100ปี เราอยากสืบสานและสืบทอดธุรกิจจากรุ่น ปู่ รุ่นพ่อ ส่งต่อให้รุ่นหลานและเหลน ดังนั้นนักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นไอพีโอและเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทให้มั่นใจได้ว่า เราจะเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน เพราะ ความยั่งยืน คือสิ่งสำคัญ รุ่นผมในฐานะผู้บริหารธุรกิจรุ่น 2-3 ต้อง มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบสังคม บริษัทมีพนักงานกว่า 700 คน แต่ละคนมีคนในครอบครัวที่ต้องดูแลสรุปรวมเราดูแลคนกว่า 3,000-4,000 คน ดังนั้นต้องช่วยกันทำให้อุตสาหกรรมเติบโต "ยั่งยืน "และนี้ คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ของการตัดสินใจนำพากิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ นอกเหนือจากความต้องการเงินทุนขยายกิจการสร้างการเติบโต
“คุณรณฤทธิ์" กล่าวว่า สีเดลต้าดำเนินธุรกิจมา 40 ปี แบ่ง เป็นช่วง 10ปีแรก คือ ยุคคุณพ่อและคุณแม่ “อาจณรงค์-วิไล ตั้งคารวคุณ” ผู้ก่อตั้งแบรนด์สีเดลต้าขึ้นมา ยุคที่ 2 คือ 10 ปี ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งซึ่งตอนนั้นคุณพ่อได้แยกตัวออกจากธุรกิจกงสีและมาสร้างโรงงานสีที่ลาดกระบัง และ 10-20 ปีหลังถึงปัจจุบันที่ผมและน้องชายได้เข้ามาร่วมในการบริหารธุรกิจ เราปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ มาจับด้านรีเทลมากขึ้นและพา สีเดลต้าเข้าสู่โมเดิร์นเทรด จากเดิมที่ โฮลเซล และงานภาครัฐเป็นหลัก
" ผมเริ่มงานที่ สีเดลต้า มากว่า 15 ปีแล้ว ทำมาทุกด้านจนมาเป็น ซีอีโอ ซึ่ง ได้นำประสบการณ์และความรู้จากการทำงานระบบโรงงาน ขณะ ที่น้องชายเข้ามาร่วมงานกว่า 10 ปี หลังจบวิศวเคมีและปริญญาโทด้านไฟแนนซ์ และมาร์เก็ตติง จึงเข้ามาดูด้านการเงินให้กับบริษัทพร้อมนำประสบการณ์จากการทำธุรกิจค้าปลีก (รีเทล) เข้ามา ซึ่งอาจเป็นจังหวะพอดีช่วงที่เข้ามาตลาดโมเดิร์นเทรดมีอัตราการขยายตัวมากจึงเป็นช่วงบริษัทขยายช่องทางขายเข้าไปในร้านโมเดิร์นเทรดด้วย " คำกล่าวของคุณรณฤทธิ์ที่ให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุน
นอกจากนี้การเข้ามาบริหาร ทั้งคู่ก็มีวิธีคิด ปรัชญาที่ว่า " ให้คุณมากกว่า " ทั้ง สังคม ผู้บริโภค สังคม นักลงทุนและผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นจุดที่ เรา " แตกต่าง" กับพี่ๆน้องๆ ที่อยู่ในอุตสากรรม สีที่มีผู้เล่นมากกว่า100 ราย มีมูลค่าตลาดรวมต่อปี กว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่ สีเดลต้า" มีจุดต่างและถือเป็น "Barrier " ที่สำคัญ คือ กลุ่มเรามีเครื่องผสมสีระดับรีเทล ที่ในอุตสาหกรรมมีเพียงไม่กี่รายที่มีเทคโนโลยีแบบนี้ ปัจจุบัน " DPAINT" มีเครื่องผสมสีมากกว่า 370เครื่องอนาคตจะมีเพิ่มมากขึ้นตามแผนการลงทุนที่ระบุไว้ในไฟลิ่งว่าเงินที่ได้จากการขาย "ไอพีโอ" ก้อนหนึ่งประมาณ 100ล้านบาท จะนำมาลงทุนเพิ่มเครื่องผสมสี 440 เครื่องในแผน 3 ปี ของบริษัท
คุณรณฤทธิ์ กล่าวว่า ในการบริหารและทำธุรกิจ เราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา ดังนั้น ในขั้นตอนและขบวนการทางธุรกิจจึงได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพราะโจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้ในการผลิตได้สินค้าที่มีคุณภาพ คุ้มค่าและต้นทุนลดลง ดังนั้น เทคโนโลยีคือคำตอบ จึงตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องจักรผลิตสีจากเยอรมนีที่ใช้เทคโนโลยีแบบสุญญากาศ (Vacuum Paint Technology) ซึ่งเป็นเครื่องจักรตัวแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครื่องจักรดังกล่าวสามารถช่วยเพิ่มกำลังการผลิต ลดระยะเวลาการผลิตเหลือเพียง 3วันจาก7และ30วันในอดีตและลดการใช้พลังงานในการผลิตได้ และ บริษัทฯ ได้เปิดตัวเครื่องผสมสีที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคในการเลือกเฉดสีที่ต้องการผ่านร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่หรือร้านโมเดิร์นเทรดได้อย่างรวดเร็ว
คุณรณฤทธิ์ กล่าวว่า สีเดลต้า เราคือ หนึ่งในผู้นำธุรกิจสีทาอาคารที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตด้วยผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีคุณภาพ และตรงความต้องการในแต่ละกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แต่การที่ยุคแรกๆนั้นเราเน้นในงานรัฐและงานโครงการใหญ่ (Whole Sale) แต่ไม่เน้นเรื่องรีเทล ก็ยอมรับว่าส่งผลให้" แบรนด์ สีเดลต้า" ยังไม่แกร่งมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องเร่งในการทำให้แบรนด์ เป็นที่รู้จักในวงกว้างและอยู่ในใจของผู้บริโภค ดังนั้น เมื่อไตรมาส3 บริษัทได้ จับมือกับดิสนีย์ เปิดตัว สีเดลต้าเมจิก ชิลด์ (DELTA MAGIC SHIELD) สีทาภายในเกรดอัลตร้าพรีเมียม เจาะกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ และสร้างแบรนด์อิมเมจสู่ระดับสากล ซึ่งมองว่าจะเป็นแบรนด์ไฮไลท์ที่สามารถขยายไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของสีเดลต้าได้เพิ่มเติม ในอนาคต และการจับมือกับ" ดิสนีย์ " คือทางด่วนในการสร้างแบรนด์ให้กับบริษัท
คุณอรรถพล กล่าวเสริมว่า เราใช้เวลากว่า 5 ปีในการดำเนินการเพื่อให้ไลน์ไซด์ของ "ดิสนีย์" มา ร่วมกับบริษัท ซึ่งต้อง ตรวจเข้มทุกขั้นตอน ในเรื่องของความปลอดภัยกับคนเครื่องจักรมีการผลิตที่ไหน ในขบวนการผลิตมีการรบกวนโลกอย่างไร มีการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นอย่างไร ซึ่ง สีเดลต้าเราผ่านการตรวจสอบทั้งหมดที่ผ่านมา เราขวัญใจของผู้รับเหมา เพราะเราคือ สีคุณภาพดี ราคาถูกแต่หลังจากเราจับมือจับมือกับดิสนีย์ มันคือทางด่วนที่จะพาเราเข้าสู่ตลาดรีเทลมากขึ้น และจะทำให้ แบรนด์สีเดลต้าเป็นที่รู้จัก !!
“ดิสนีย์คือทางด่วนในการปั้นแบรนด์สีเดลต้าให้เป็นที่จดจำวงกว้างมากขึ้น”
คุณอรรถพล กล่าวว่า นโยบายทางการเงินของ สีเดลต้า เรามองยาว ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนสบายใจได้ ว่าจะไม่มีการลงทุนอะไรที่เกินตัว ทุกๆการลงทุนจะเกิดขึ้นด้วยความระมัดระวัง และมีการปรับพอร์ตธุรกิจและการลงทุนเพื่อให้สอดรับกำลังสถานการณ์ทางเศรษฐกิจด้วยนโยบายการเงินแบบนี้ ทำให้ DPAINT เราผ่านมาได้ทุกวิกฤตทั้งต้มยำกุ้ง และล่าสุด วิกฤตโควิด 19 บริษัทก็ยังเติบโตได้แม้ว่าจะเติบโตในเลขหลักเดียวจากก่อนหน้าเราจะโตเลข 2หลัก ซึ่งในเชิงบริหารนั้น จะมีโมเดลประมาณ 9 โมเดล จากเบาไปหนักเพื่อรองรับ ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้ธุรกิจของบริษัทเดินหน้าและเติบโตได้ อย่างต่อเนื่องและจะเติบโตมากขึ้นในอนาคตเมื่อบริษัทได้นำเงินที่ได้จากการขายหุ้น ไอพีโอ ไปใช้ลงทุนและขยายธุรกิจ
" การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ จะทำให้ โครงสร้างทางการเงินของบริษัทแข็งแรงขึ้นจากก่อนหน้าหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 2.2 เท่า จะลดลงมาเหลือต่ำกว่า 1 เท่า และจะนำเงินไปขยายการเติบโตได้เพิ่มอีก เพื่อให้ อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์(ROA) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ต้องดี และบริษัทจะให้ความสำคัญกับตัวเลขทางการเงินส่วนอัตรากำไรก็ต้องเติบโต ต่อไป และเรา จะต้อง สืบสานต่อไปให้อยู่ ต่อไปในอนาคตในทุกๆ การเฉลิมฉลอง รบกวนโลกให้น้อย เพื่อความยั่งยืน ต้องไม่กังวล "คุ้มค่า " เมื่อมีหุ้น DPAINT
คุณเดือนพรรณ ที่ปรึกษาการเงิน กล่าวว่า สำคัญนักลงทุนที่เข้ามาจองหุ้น DPAINT ต้องดูว่า เงินได้แล้วบริษัทนำเงินไปใช้อะไร ซึ่งในไฟลิ่งระบุไว้ชัดเจนว่า จะนำไปใช้ลงทุนในการปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร และระบบการผลิตที่โรงงานสุวินทวงศ์ จำนวนประมาณ 150 ล้านบาท ระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตและบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องผสมสีจำนวน 440 เครื่อง จำนวนประมาณ 100 ล้านบาท ภายในปี 2568 เพื่อขยายจำนวนร้านค้าปลีกและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขยายผลิตภัณฑ์สีกลุ่มที่มี “อัตรากำไร” ระดับดี
นอกจากนี้ จะนำเงินไปใช้ลงทุนในการทำระบบ ERP จำนวนประมาณ 10 ล้านบาท และใช้ลงทุนสร้างห้อง LAB จำนวนประมาณ 5 ล้านบาท ภายในปี 2565 ใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 25 ล้านบาท ภายในปี 2564 และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 83.20 ล้านบาท ซึ่งเมื่อการลงทุน ได้ครบตามแผน 3-5 ปีข้างหน้าจะทำให้บริษัทเติบโตแบบมีนัยสำคัญ
เมื่อ " DPAINT " คือ
D = diversification การมีสินค้าที่หลากหลาย ฐานลูกค้าที่หลากหลาย คนทำงาน ต้องหลากหลาย ผู้บริโภค หลายกลุ่ม
P = Productivity มีเครื่องมีผสมสี เทคโนโลยี ที่ช่วยลดต้นทุนแต่เพิ่มประสิทธิการผลิตได้ 4-5เท่า ลดขั้นตอนสร้างมูลค่า
A = Agility การปรับเปลี่ยน ยืดหยุ่นการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ คล่องตัว
I = Innovation พัฒนาสินค้าให้มีความโดดเด่นในด้านนวัตกรรม
N = New Opportunity การที่เรามีแรงสนับสนุนจากซัมไพรเอร์ระดับโลก ทำให้เรามี เซกเม้นใหม่ๆในตลาดและมีโอกาสเจอ ธุรกิจใหม่ สินค้าใหม่และกลุ่มลูกค้าใหม่ๆอยู่เสมอ
T= Trust สร้างความน่าเชื่อถือจากรุ่นสู่รุ่น รุ่นผู้ใหญ่สร้างชื่อไว้ ทำให้วันที่เราเดินหน้าต่อก็มมีความเชื่อมั่นก็สำคัญมาก
“โปรดักส์ในอนาคตของสีเดลต้า " อยู่สวย อยู่ทน อยู่เย็น เป็นสุข รักษ์โลก รักผู้บริโภคด้วย "
โฆษณา