สโมสรที่ไมเคิล โอเว่น ยอมรับว่า "เสียใจที่สุด" ที่เลือกย้ายไปอยู่คือนิวคาสเซิล และนักเตะที่แฟนนิวคาสเซิลก็คิดเหมือนกันว่า "ไม่น่าเซ็นมาเลย" ก็คือไมเคิล โอเว่น มันเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ทำไมช่วงเวลาที่มีร่วมกัน ถึงดูย่ำแย่ซะขนาดนั้น เราจะย้อนอดีตไปด้วยกัน
ก่อนอื่นเลย โอเว่นออกตัวชัดเจนมาก ว่าช่วงเวลาที่อยู่กับลิเวอร์พูลเขามีความสุข นั่นเพราะเขาได้ดาวซัลโวของลีก 2 สมัย ตามด้วยบัลลงดอร์ คือเกียรติประวัติสำคัญได้ตอนอยู่ลิเวอร์พูลทั้งนั้น เขาจะไปเกลียดสโมสรได้อย่างไรกัน
ตอนอยู่เรอัล มาดริด เขาก็เอ็นจอยพอควร แม้จะลงบ้างไม่ลงบ้าง แต่ก็อยู่ในทีมชุดกาลาคติกอส มีโมเมนต์ดีๆไม่น้อย อย่างการซัดบาร์ซ่าในเอล กลาสิโก้ เป็นต้น
ขณะที่ตอนย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โอเว่นก็ยังมีความทรงจำที่ดี ทั้งการได้ใส่เบอร์ 7 ในตำนาน ได้ยิงประตูชัยใส่แมนฯ ซิตี้ และได้แชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอย
แต่กับนิวคาสเซิลนั้นต่างกัน โอเว่นกล่าวว่า "ถ้าผมจะมีอะไรสักอย่างที่เสียใจในอาชีพของผม นั่นคือการตัดสินใจย้ายกลับไปอังกฤษ แต่ไม่ได้กลับไปอยู่ลิเวอร์พูล" แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อนิวคาสเซิล แต่ใครก็รู้ว่าหมายถึงทีมไหน
จุดเริ่มต้นในดีลของโอเว่นกับนิวคาสเซิล เกิดขึ้นเพราะในฤดูกาล 2004-05 ทีมสาลิกาดงอยู่ในช่วงขาลงสุดขีด จากเคยได้อันดับ 5 ก็ร่วงมาอยู่อันดับ 14 เซอร์บ๊อบบี้ ร็อบสัน จึงอำลาสโมสร และเป็นแกรม ซูเนสส์ ที่มาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
ณ เวลานั้น อลัน เชียเรอร์ เล่นอีกไม่กี่ปีก็จะแขวนสตั๊ดแล้ว ส่วนในทีมก็มีดราม่าเยอะแยะ ซีซั่นที่ผ่านมา ลี โบวเยอร์ กับคีรอน ดายเออร์ ต่อยกันกลางสนาม คือดูแล้วถ้าหากไม่มีการซื้อบิ๊กเนมสักตัวเข้ามาในซัมเมอร์ คงหาแสงสว่างไม่เจอแน่
ดังนั้นแกรม ซูเนสส์ จึงตัดสินใจคิดการใหญ่ คือเจรจาขอซื้อตัวไมเคิล โอเว่นจากเรอัล มาดริด เพราะถ้าได้นักเตะดีกรีระดับนี้เข้าไป แฟนบอลต้องฮือฮาแน่ๆ เบอร์ 9 ของเชียเรอร์ กับ เบอร์ 10 ของโอเว่น แค่คิดก็ตื่นเต้นสุดๆ แล้ว
สาเหตุที่ซูเนสส์ กล้าติดต่อไปหาเรอัล มาดริด เพราะเขาเห็นอยู่ว่า โอเว่นไม่ค่อยได้เล่น ช่วงเวลาที่อยู่เรอัล มาดริด เขาได้ลงตัวจริงแค่ 26 นัด ยิงได้ 13 ประตู ซึ่งถือว่าน้อย ยิ่งมาดริด ซื้อตัวโรบินโญ่เข้ามาอีกคน โอกาสของโอเว่นก็น่าจะน้อยลงอีก
แกรม ซูเนสส์ โทรหาโอเว่นแล้วถามว่า "ไมเคิล ฉันเห็นนายไม่ได้ออกสตาร์ตในเกมสุดสัปดาห์ นายสนใจจะย้ายมาร่วมทีมนิวคาสเซิลไหม"
โอเว่นใจจริงคิดว่าถ้าจะกลับอังกฤษ ก็อยากกลับไปลิเวอร์พูล แต่เขาเองก็แทงกั๊กไว้เหมือนกัน เพราะซีซั่น 2005-06 เป็นปีก่อนฟุตบอลโลก เขาจำเป็นต้องลงเล่นอย่างสม่ำเสมอเพื่อการการันตีตำแหน่งทีมชาติ แต่เรอัล มาดริด ไม่สามารถตอบโจทย์ตรงนั้นได้
เมื่อโอเว่นไม่ปฏิเสธอย่างชัดเจน ทำให้นิวคาสเซิลยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการเข้ามา ประธานสโมสรเรอัล มาดริด ฟลอเรนติโน่ เปเรซ มาบอกโอเว่นว่า "นิวคาสเซิลยื่นข้อเสนอ ราวๆ 16-17 ล้านปอนด์เพื่อขอซื้อตัวคุณ ถ้าคุณอยากไป คุณไปได้ แต่ถ้าคุณอยากอยู่ คุณก็อยู่ได้เหมือนกัน"
โอเว่นถามเปเรซกลับไปว่า "แต่ผมอยากย้ายไปลิเวอร์พูล" ซึ่งเปเรซสวนกลับมาว่า "ถ้าพวกเขายื่นข้อเสนอเท่ากับนิวคาสเซิล คุณก็ย้ายได้"
ดังนั้นโอเว่นจึงโทรไปคุยกับริค แพร์รี่ ผู้บริหารลิเวอร์พูล แต่ได้รับคำตอบว่า "ผมไปคุยกับลิเวอร์พูล แต่น่าเสียดายที่การเจรจาไม่เกิดขึ้น แต่นั่นล่ะชีวิต บางครั้งมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราต้องการ"
ในมุมของทีมหงส์แดง พวกเขาเสียไมเคิล โอเว่นให้เรอัล มาดริด ด้วยราคา 8 ล้านปอนด์บวกอันโตนิโอ นูนเยซ สาเหตุที่เรอัล มาดริด กดราคาได้ต่ำขนาดนั้น เพราะ ณ เวลานั้น โอเว่นกำลังจะหมดสัญญาพอดี
แล้วลิเวอร์พูลขายให้เรอัล มาดริดแค่ปีเดียว แต่ถ้าต้องจ่าย 16-17 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อคืนมา ใครมันจะไปยอมขาดทุนขนาดนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ราฟา เบนิเตซ เพิ่งพาทีมได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยไม่มีโอเว่นด้วยซ้ำ ดังนั้นสู้เก็บเงินไว้ เอาไปซื้อคนอื่นที่ราคาถูกลง ยังจะดูสมเหตุสมผลกว่า
ข่าวที่หลุดออกมาในโค้งสุดท้ายคือ ลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอให้เรอัล มาดริดจริง แต่ไม่ถึงครึ่งที่นิวคาสเซิลยื่นให้ ดังนั้นฝั่งมาดริดจึงปฏิเสธไป แล้วคว้าเงินที่ได้เยอะกว่าไว้ก่อนเป็นธรรมดา
เท่ากับว่า โอเว่นต้องเลือก ระหว่างเรอัล มาดริด กับ นิวคาสเซิล แต่สุดท้ายโอเว่นตัดสินใจเลือกนิวคาสเซิลเพราะการันตีตำแหน่ง และได้เงินมากที่สุด "มองในมุมอาชีพ คุณย้ายจากเรอัล มาดริดไปนิวคาสเซิล มันดูจะเป็นขาลงของชีวิต แต่นิวคาสเซิลมีความตั้งใจมาก พวกเขาส่งประธานสโมสรเฟรดดี้ เชพเพิร์ด มาเซ็นสัญญากับผมถึงบ้าน พร้อมให้ข้อเสนอ 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์"
"ณ ตอนนั้น ผมน่าจะพูดไปตรงๆว่า ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับนิวคาสเซิล แต่ผมก็ไม่ได้พูด"
"จากนั้นผมโทรไปหาสเวน โกรัน-เอริคส์สัน ถามเขาว่า ถ้าผมอยู่เรอัล มาดริดต่อแต่เป็นตัวสำรองของ โรนัลโด้ ราอูล โรบินโญ่ และ ชูลิโอ บาปติสต้า ผมยังจะการันตีตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษหรือไม่ แต่สเวนไม่ได้การันตีให้ผม"
เมื่อไม่เหลือทางเลือกที่ดีกว่า สุดท้ายการเซ็นสัญญาจึงเกิดขึ้น กับค่าตัว 17 ล้านปอนด์ แพงที่สดในประวัติศาสตร์สโมสร ทำลายสถิติ 15 ล้านปอนด์ ที่นิวคาสเซิลเคยซื้ออลัน เชียเรอร์ มาจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
ราคาสถิติสโมสร ก็นับว่าสมเหตุสมผล จะดีจะร้ายโอเว่นคือนักเตะดีกรีบัลลงดอร์ การได้ผู้เล่นเกรดเอแบบนี้มาสู่ทีม ย่อมสร้างความตื่นเต้นได้แน่นอน
ในวันเปิดตัวโอเว่น แฟนบอลนิวคาสเซิล 20,000 คน มาต้อนรับเขาที่เซนต์ เจมส์ พาร์ก นอกจากนั้นทีวีช่องสกาย ยังถ่ายทอดสดพิธีเปิดตัว คือคนฮือฮากันขนาดนั้น
โดยนิตยสารแฟนซีนของนิวคาสเซิลสดุดีดีลนี้ว่า "นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไล่ล่าตัวผู้เล่นระดับนี้มาครองได้สำเร็จ และเราจะทะยานกลับไปสู่ท็อปไฟว์ของลีกได้ทันที หลังจากสะดุดมาเล็กๆ เมื่อปีที่แล้ว"
ความหวังของนิวคาสเซิลกลับมาอีกครั้ง พวกเขาคิดว่า โอเว่นจะปักหลักอยู่กับทีมต่อไปในระยะยาว และยิงประตูให้ทีมได้กระจุยกระจาย
แต่ปัญหาคือ โอเว่นไม่ได้เปรี้ยงอย่างที่คิด คือถ้าเขาลงเล่นได้ ก็จะยิงได้บ้าง แต่ประเด็นคือโอเว่นเจ็บบ่อยมากจริงๆ
ซีซั่น 2005-06 ปะทะกับพอล โรบินสัน ผู้รักษาประตูของสเปอร์ส สุดท้ายโอเว่นเจ็บ 2 เดือน
ซีซั่น 2006-07 เจ็บเอ็นเข่าไขว้หน้ากับทีมชาติอังกฤษ พักยาว 1 ปี
ซีซั่น 2007-08 เจ็บกล้ามเนื้อ พักยาว 46 วัน
จากนั้น ซีซั่น 2008-09 เจ็บโคนขาหนีบ, ข้อเท้า และมีอาการเป็นไข้ รวมๆ แล้วลงไม่ได้ 9 เกม
ตอนอยู่ลิเวอร์พูลกับเรอัล มาดริดไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่อยู่ๆ พอมานิวคาสเซิลก็เจ็บถี่ๆ เฉยเลย หลายคนวิเคราะห์ว่า เป็นเพราะสไตล์การเล่นของโอเว่น เป็นพวกสปรินท์ไว ตั้งแต่ยังเด็กๆ ร่างกายใช้พลังมากเกินไป ดังนั้นมันเลยมาส่งผลให้ร่างกายเจ็บเอาในช่วงที่อายุมากขึ้นแล้ว
การที่แฟนนิวคาสเซิลคาดหวังมาก แต่พอเห็นเล่นได้แค่นี้ ก็ผิดหวังมาก ไฮไลท์สำคัญครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นในเกมที่นิวคาสเซิล เจอวัตฟอร์ด โอเว่นไปปะทะกับเพื่อนร่วมทีม แมตตี้ แพททิสัน จนเจ็บเอง ต้องโดนเปลี่ยนตัวออกไป
ทันใดนั้นแฟนบอลนิวคาสเซิลตะโกนร้องเพลงขึ้นมาว่า What a waste of money! (เปลืองเงินฉิบหาย!) นั่นทำให้ตัวโอเว่นรู้สึกผิดหวังมาก ว่าทำไมแฟนบอลไม่ให้กำลังใจกันเลย
ตั้งแต่อยู่ลิเวอร์พูล และย้ายไปเรอัล มาดริด เขาไม่เคยโดนแฟนของตัวเองร้อง Chant ด่าแบบนี้มาก่อน นี่เป็นประสบการณ์แรกเลยจริงๆ
"ตั้งแต่โมเมนต์นั้น ความรู้สึกของผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผมไม่รู้สึกอยากจะเป็นส่วนหนึ่งอะไรกับพวกเขาอีก ยิ่งไปกว่านั้นผมยังปล่อยเบลอด้วย จะด่าก็ด่าไป ผมไม่มีความจำเป็นต้องพิสูจน์อะไรกับแฟนนิวคาสเซิลพวกนั้น"
มีนักเตะบางคนโดนด่าแล้วฮึดสู้ พิสูจน์ตัวเองจนได้รับการยอมรับจากแฟนๆ แต่โอเว่นไม่ใช่อย่างนั้น อยากเกลียดก็เกลียดไป ขอรับเงินอย่างเดียวละกัน
เมื่อโอเว่นรู้สึกแบบนั้น มันเลยเป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก นักเตะที่ได้ค่าเหนื่อยมากที่สุดในสโมสร แต่เล่นบอลแบบขอไปที ยิงได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แล้วเมื่อแฟนบอลเห็นแบบนั้นก็ด่าซ้ำเข้าไปอีก จนบรรยากาศของสโมสรแย่มาก แฟนบอลมองว่า มีสตาร์แต่เล่นไร้ใจแบบนี้ เอาเด็กฝึกลงยังจะดีซะกว่า
สโมสรพยายามซื้อใจโอเว่น ด้วยการให้เป็นกัปตันทีม แต่โอเว่นก็ไม่ได้แยแสอะไรนักเล่นไปตามสภาพ
จุดแตกหักของโอเว่นกับแฟนบอล เกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น 2008-09 นิวคาสเซิลกำลังจะตกชั้น สถานการณ์ลูกผีลูกคน ตอนนั้นสโมสรแต่งตั้งอลัน เชียเรอร์ ให้มาเป็นผู้จัดการทีมเฉพาะกิจ
เชียเรอร์ต้องการใช้งานโอเว่น ในฐานะกองหน้าเบอร์หนึ่งของทีม แต่โอเว่นปฏิเสธที่จะลงสนามโดยบอกว่า ไม่ต้องการเสี่ยงลงเล่นเดี๋ยวจะเจ็บโคนขาหนีบเพิ่ม สัญญากับนิวคาสเซิลจะหมดตอนซัมเมอร์ ถ้าหากบาดเจ็บไปตอนนี้เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสเจรจากับทีมอื่น
เมื่อโอเว่นไม่ลงเล่น ทีมก็ขาดแนวรุก เข้าสู่เกมสุดท้ายของฤดูกาล 2008-09 นิวคาสเซิลเจอกับแอสตัน วิลล่า เกมนี้ขอแค่นิวคาสเซิลได้ 1 แต้ม ยันเสมอได้ พวกเขาจะอยู่รอดในลีกสูงสุด โดยจะมีลูกได้เสียดีกว่าฮัลล์ ซิตี้ โดยโอเว่นเป็นแค่ตัวสำรอง
นิวคาสเซิลโดนนำไปก่อนในครึ่งแรก 1-0 จากการยิงเข้าประตูตัวเองของแดเมียน ดัฟฟ์ ดังนั้นในครึ่งหลัง เชียเรอร์จึงส่งไมเคิล โอเว่นลงมาเป็นไพ่ใบสุดท้าย แฟนบอลรายหนึ่งบอกว่า ถ้าโอเว่นยิงเข้าจะยกโทษทุกอย่างที่เคยโกรธเคืองกันมา แต่สุดท้ายโอเว่นก็เล่นแบบขอไปที และสุดท้ายวิลล่าชนะ 1-0 นิวคาสเซิลตกชั้นอย่างน่าเจ็บปวด
หลังจากตกชั้น นักข่าวถามโอเว่นว่า ทำไมไม่สามารถเรียกฟอร์มให้นิวคาสเซิลได้เลยในช่วงสำคัญ โอเว่นตอบว่า "ผมมักจะเล่นได้ดีกับทีมที่แข็งแกร่ง มีลุ้นแชมป์ แต่กับทีมที่ดิ้นรนท้ายตาราง ผมจะเล่นไม่ค่อยออก"
หลังจบซีซั่น 2008-09 นิวคาสเซิลตกชั้น โอเว่นหมดสัญญากับสโมสร และผู้บริหารทีมขอร้องให้ต่อสัญญา เพื่อช่วยพาทีมกลับขึ้นชั้นให้ได้ในปีเดียว แต่โอเว่นตัดสินใจย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแทน
โอเว่นกล่าวว่า "ผมน่าจะเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองตั้งแต่แรก ว่าไม่อยากไปที่สโมสรแห่งนั้น"
ไม่ใช่แค่โอเว่นที่ผิดหวังกับช่วงเวลาที่นิวคาสเซิล แฟนนิวคาสเซิลเองก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเซ็นโอเว่นเข้ามาเลย นอกจากจะใช้เงินเปลืองแล้ว ยังมีทัศนคติติดลบสุดๆไปเลยอีกต่างหาก
โอเว่นลงเล่น 79 นัด ในช่วงเวลา 4 ปี ยิงได้ 30 ลูก หากเอามาหารกับค่าตัวและค่าเหนื่อยแล้ว ประตูของเขามีมูลค่า 1.2 ล้านปอนด์ต่อ 1 ประตู และมีมูลค่า 450,000 ปอนด์ ต่อการลงสนาม 1 นัด
แฟนรายหนึ่งกล่าวว่า "ตอนโอเว่นย้ายมา เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ผมถึงกับเก็บสะสมวีดีโอช่วงที่เขาเล่นอยู่กับลิเวอร์พูลด้วย แต่มาตอนนี้ ผมไม่คิดว่าจะเกลียดใครได้เท่าที่เกลียดเขาอีกแล้ว"
ส่วนอีกรายกล่าวว่า "ตอนผมอายุ 16 ผมกับเพื่อนไปเข้าคิวในสนามเพื่อรอเขาเปิดตัว เราตื่นเต้นกันมากๆ แต่สิ่งที่เขาทำ มันทำให้พวกเรากลายเป็นคนโง่ไปเลย"
ส่วนอีกรายบอกว่า "นี่ล่ะ สิ่งที่โอเว่นทำ เขาแสดงให้เห็นว่าเป็นคนแบบไหน เขาเป็นพ่อค้าที่คิดแต่เรื่องเงินเท่านั้น"
ฉายาที่แฟนนิวคาสเซิลตั้งให้โอเว่นคือ Parasite หรือไอ้ปรสิต ที่ดูดเลือดดูดเนื้อ พอไม่มีอะไรให้ดูดก็ชิ่งออกไปหาร่างใหม่สิงสู่
นี่คือความแค้นของฝั่งนิวคาสเซิล ที่มีต่อโอเว่น และถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครลืม กลายเป็นว่าแยกจากกันอย่างไม่ดีเลยจริงๆ
หลังจากกรณีของนิวคาสเซิล สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกเขา "เข็ด" กับการใช้เงินเยอะๆ
สถิติซื้อขาย 17 ล้านปอนด์ของโอเว่น อยู่ยงคงกระพันมาถึง 14 ปี จนนิวคาสเซิลมาซื้อมิเกล อัลมิรอน ในปี 2019 ด้วยราคา 21 ล้านปอนด์นั่นแหละ สถิติจึงโดนทำลาย
ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกพิลึกมาก เพราะสโมสรอื่นๆ เขาทำลายสถิติกันกระจุยไปแล้ว รอบแล้วรอบเล่า แต่นิวคาสเซิลยังยึดที่ตัวเลข 17 ล้านปอนด์อยู่นานมาก
คือด้วยความที่แฟนบอลเข็ดกับการจ่ายแพงๆ ก็เป็นช่องทางให้ไมค์ แอชลีย์ เจ้าของคนใหม่ ประหยัดเงินได้แบบเนียนๆ สามารถอ้างได้ว่า ถ้าจ่ายแพงแล้วเจ๊งแบบเคสโอเว่น แฟนบอลจะผิดหวังไหมล่ะ สู้ซื้อตัวถูกๆ ที่มีแววเข้ามา น่าจะเป็นการลงทุนที่ดีกว่า
ณ เวลานี้ โอเว่นแขวนสตั๊ดไปนานแล้ว แต่ความขัดแย้งกับแฟนๆ แม็กพายส์ก็ยังอยู่ โดยตอนสโมสรเทกโอเวอร์เสร็จไปเมื่อวานซืน โอเว่นทวีตว่า "ช่างเป็นข่าวดีของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับนิวคาสเซิล เจ้าของใหม่คือสิ่งที่สโมสรต้องการ นี่อาจเป็นการเปลี่ยนทิศทางครั้งสำคัญของสโมสรนับจากนี้ไป"
แต่แทนที่แฟนบอลจะร่วมยินดี โอเว่นกลับโดนด่าไปอีกดอก โดยแฟนรายหนึ่งทวิตว่า "ไม่ต้องมาอวยพรโว้ย แกไม่เกี่ยว!"
#NOMORELOVE
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
