29 ต.ค. 2021 เวลา 04:45 • ท่องเที่ยว
จตุรัสอิสรภาพ และวังโรมานอฟของเจ้าชายพลัดถิ่นจากจักรวรรดิรัสเซีย ณ ทัชเคนต์ (Independent Square & Romanov Palace @ Tashkent)
30 มี.ค. 2562 สามสาวพี่แป้น นุ้ย จาดนั่งรถใต้ดินตระเวณสำรวจทัชเคนต์ เมืองหลวงของอุซเบกิสถาน โดยมีภารกิจเดียวที่ต้องจัดการให้ลุล่วงก่อน คือ ซื้อตั๋วรถไฟตู้นอนล่วงหน้าจากเมืองอูรเกนช์ (Urgench) จังหวัดควาริส ซึ่มทางตะวันตกของประเทศ กลับเข้าทัชเคนต์ในช่วงท้ายของการท่องเที่ยว
ระหว่างทางจากที่พัก แวะเก็บภาพดอกไม้บานรับฤดูใบไม้ผลิในสวนหย่อม ก่อนไปขึ้นรถที่สถานีรถใต้ดินปัคตากอร์ (пахтакор / Pakhtakor แปลว่าชาวไร่ฝ้าย) แล้วเปลี่ยนรถอีกสายจนถึงสถานีทัชเคนต์
ออกจากสถานี เดินไปครู่หนึ่งก็ถึงสถานีรถไฟทัชเคนต์ เราตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว แสดงพาสปอร์ตและบอกความต้องการ คนขายตั๋วพูดอังกฤษน้อยมากและเป็นคนเดียวที่พอจะรู้ภาษาอังกฤษเป็นคำๆ แต่พยายามให้บริการ สองฝ่ายสื่อสารกันทุกวิธี ทั้งภาษามือ/อังกฤษ/อุซเบก/รัสเซีย เครื่องคิดเลข และเขียนชื่อเมืองบนกระดาษทดเล่มเล็กที่นุ้ยพกติดตัวไว้เสมอ สื่อสารจนเข้าใจตรงกันและรู้ราคา ต้องขอเวลาไปแลกเงินดอลลาร์เป็นเงินซอม(som)ที่ตู้เอทีเอ็มใกล้ๆเคาน์เตอร์ขายตั๋ว แล้วจึงกลับไปหาพนักงานคนเดิม
ในที่สุดก็ได้ตั๋วตามต้องการ ช่วยกันตรวจทีละใบว่า ชื่อสกุลสะกดถูกต้อง วันเดือนปีที่จะเดินทางถูกต้อง เมืองต้นทาง-ปลายทางถูกต้อง ชั้นโดยสารถูกต้อง ทุกอย่างถูกต้องตามต้องการ แล้วจึงแจกให้แต่ละคนรับผิดชอบเก็บรักษาไว้เองอีก 3 อาทิตย์
จุดหมายต่อไป คือ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ฯและที่เที่ยวละแวกใกล้เคียง ก่อนเดินทางจากไทย ทุกคนโหลดแผนที่เส้นทางเดินรถใต้ดินของทัชเคนต์ไว้แล้ว ทำให้สะดวกมากขึ้นและอาศัยถามเส้นทางเพิ่มเติมจากผู้คนที่พลัดหลงเข้ามาในวิถีของเรา นั่งรถใต้ดินจากสถานีทัชเคนต์ ย้อนกลับไปที่สถานี Mustaqilik (มุสตาขิลิก) ข้ามถนนไปเดินเล่นในจตุรัสอิสรภาพ (Mustaqilik or Independent Square) และสวนสาธารณะย่านนั้นก่อน
เดิมที่นี่ชื่อ จตุรัสเลนิน เคยมีรูปปั้นเลนินตั้งอยู่ แต่ในปี ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายและอุซเบกิสถานประกาศตนเป็นเอกราช ได้รื้อรูปปั้นเลนินทิ้ง ปรับปรุงพื้นที่และภูมิทัศน์พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นจตุรัสอิสรภาพ
ที่นี่มีซุ้มประตูสีเงินเรียงราย 16 ต้น หัวเสาแกะสลักแบบหินย้อยที่เรามักพบเห็นในงานตกแต่งซุ้มประตูหรือซุ้มโค้งของอาคาร เหนือซุ้มประตูมีรูปหล่อนกกระสาลีลาราวจะโผบินขึ้นสู่โลกกว้าง ตามความเชื่อแต่โบราณของ อุซเบกิสถาน นกกระสาเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความสงบ
จากซุ้มตรงกลาง หากเดินตรงสู่สวนด้านใน (มีรั้วกั้นและเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เดินเข้าไป จึงต้องมองจากระยะไกล) เห็นอนุสาวรีย์ขนาดย่อม ฐานเป็นเสาสี่เหลี่ยม ด้านบนมีลูกโลกทำจากโลหะแสดงแผนที่อุชเบกิสถาน ตรงโคนเสามีรูปปั้นหญิงอุ้มทารกน้อย สื่อความหมายถึงผู้คนพลเมืองทะนุถนอมดูแลประเทศเกิดใหม่ ดั่งมารดาดูแลอุ้มชูบุตรน้อย ในจอร์เจียก็มีแนวคิดคล้ายๆกันนี้
หากเดินลึกเข้าไปด้านหลัง จะเป็นลานวีรชนผู้พลีชีพในสงครามโลกครั้งที่ 2 มีคบไฟนิรันดร์กาลจุดไว้ตลอดเวลา ในสงครามโลกครั้งที่สองประชาชนจากเขตต่างๆของโซเวียตรวมทั้งอุซเบกิสถานเสียชีวิตรวมประมาณ 27 ล้านคน มากกว่าประเทศใดๆหรือราว 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั่วโลก ความพ่ายแพ้ของนาซีในสมรภูมิโซเวียต เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สงครามยุติลง (อ้าว เข้าใจมาตลอดนะว่า สงครามจบเพราะระเบิดปรมาณูอย่างเดียวเท่านั้น) เราไม่ได้เดินเข้าไปถึงลานวีรชน เพราะทางเข้าด้านหน้าปิด และยังสื่อสารกับเจ้าหน้าที่แบบงงๆ จึงเดินเล่นแค่ลานและสวนด้านหน้า
เดิมแถบนี้เคยเป็นวังของโกกันด์ข่าน (เคยเป็นรัฐบรรณาการของจีนยุคราชวงศ์ชิงช่วงปลายคริสตวรรษที่ 18) สมัยซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 จักรวรรดิรัสเซียสามารถผนวกแคว้นโกกันด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเชียนเติร์กสถาน จึงรื้อวังและกำแพงวังลง อาคารด้านข้างจตุรัสในปัจจุบันเป็นที่ทำการวุฒิสภาและหน่วยราชการ กระทรวงต่างๆ
แกรนด์ดุ๊กแห่งโรมานอฟผู้ถูกลืมเลือน
Forgotten Grand Duke of Romanov in Tashkent
ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นสวนขนาดย่อมชื่อชารัฟ ราชิดอฟ เป็นที่ตั้งของวังโรมานอฟหลังน้อยแสนงามและน่าสนใจ ที่นี่ไม่อยู่ในแผนเที่ยวของเรา แต่ตอนขึ้นมาจากสถานีมุสตาขิลิก เห็นด้านหลังของตึกไกลๆ ดูสะดุดตา ค้นข้อมูลกันสดๆรู้ว่าเป็นวังโรมานอฟ จึงแวะชม
ที่นี่เคยเป็นที่ประทับของแกรนด์ดุ๊ก นิโคไล คอนสแตนติโนวิช โรมานอฟ ยืนชื่นชมความงามของวังจากด้านนอก แต่เพื่อความปลอดภัยของเราเอง จึงสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประจำการอยู่ทางเข้า ว่าถ่ายรูปได้มั้ย
1
แกรนด์ดุ๊กนิโคไล คอนสแตนติโนวิช โรมานอฟ หลานปู่ของซาร์นิโคไลที่ 1 (คนไทยน่าจะคุ้นกับชื่อซาร์นิโคลัสที่ 1 มากกว่า) บิดาคือแกรนด์ดุ๊กคอนสแตนติน นิโคไลเยวิช โรมานอฟ (เป็นโอรสองค์ที่ 2 ของซาร์นิโคไลที่ 1 กับซาริน่าอเลกซานดรา ฟีโอโดรัฟน่า) ตามกฎมณเฑียรบาลของจักรวรรดิรัสเซีย โอรสองค์โตคือรัชทายาทโดยตำแหน่ง
อ่านชื่อคนรัสเซียแล้วงงนิดนึง ชื่อพ่อชื่อลูกชื่อปู่เหมือนจะซ้ำๆวนๆ จึงทำความเข้าใจและบันทึกเตือนความจำเก็บไว้
คนรัสเซีย คนเผ่าสลาฟและคนในประเทศเอเชียกลางบางส่วนมีธรรมเนียมการนำชื่อตัว(ชื่อแรก)ของพ่อ มาเป็นชื่อกลางของลูก ถ้าเป็นลูกชาย จะต่อท้ายด้วย - เอวิช หรือโอวิช หรือ อาวิช - เช่น
คอนสแตนติน นิโคไลเยวิช โรมานอฟ
คอนสแตนติน เป็นชื่อตัว / นิโคไลเยวิช คือชื่อพ่อ (นิโคไล + เอวิช) /นามสกุลคือ โรมานอฟ
นิโคไล คอนสแตนติโนวิช โรมานอฟ
นิโคไล คือชื่อตัว / คอนสแตนติโนวิช คือชื่อพ่อ (คอนสแตนติน + โอวิช) / นามสกุล โรมานอฟ
ถ้าเป็นลูกสาว ชื่อพ่อ จะต่อท้ายด้วย - ออฟน่า หรือ อัฟน่า หรือ เอฟน่า ฯลฯ - เช่น
อิริน่า อิวานอฟน่า ลาฟรอฟ
อิริน่า (ชื่อตัว) / อิวานอฟน่า คือ ชื่อพ่อ (อีวาน + ออฟน่า) / นามสกุล ลาฟรอฟ หรือ
มาทิลเด คอนสแตนตินอฟน่า ลาฟรอฟ
มาทิลเด (ชื่อตัว) / คอนสแตนตินอฟน่า คือชื่อพ่อ (คอนสแตนติน + ออฟน่า) / นามสกุล ลาฟรอฟ
ถ้าบ้านเรา เอาชื่อพ่อมาตั้งชัดๆแบบนี้ สมัยเด็กๆคงไม่ต้องกลัวถูกล้อชื่อพ่อ หรือวิ่งไล่ตีกันรอบห้องเรียน
ในสมัยซาร์นักปฏิรูปซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 พระอนุชาแกรนด์ดุ๊กคอนสแตนติน นิโคไลเยวิช ซึ่งมีแนวคิดเสรีนิยมแบบตะวันตก มีบทบาทสำคัญช่วยงานบริหารประเทศของซาร์หลายด้าน เป็นผู้นำกองทัพเรือ พัฒนากองเรือของจักรวรรดิรัสเซียให้กลับมาทันสมัย”อีกครั้ง” เป็นกำลังสำคัญในการปฏิรูปกฎหมายชาวนาทาสติดที่ดิน มีแนวคิดเสรีนิยม และเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในงานการปฏิรูปด้านต่างๆ และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอุปราชปกครองโปแลนด์
เมื่อซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ถูกกลุ่มหัวรุนแรงนารอดนิคลอบปลงพระชนม์ โอรสองค์โตขึ้นครองราชย์แทนเป็น ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 หัวอนุรักษ์นิยมสุดๆ ทรงปลดขุนนางที่มีแนวคิดเสรีนิยมแบบตะวันตกออกจากตำแหน่ง แกรนด์ดุ๊กคอนสแตนติน นิโคไลเยวิชผู้มีศักดิ์เป็นอาหมดบทบาทลงอย่างสิ้นเชิง
แกรนด์ดุ๊ก นิโคไล คอนสแตนติโนวิช (เป็นโอรสของแกรนด์ดุ๊กคอนสแตนติน นิโคไลเยวิช และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับซาร์องค์ใหม่) มีแนวคิดเสรีนิยมและสนับสนุนการปฏิรูปเช่นเดียวกับบิดา แนวคิดขัดแย้งกับซาร์องค์ใหม่มาก ทั้งยังมีเรื่องอื้อฉาวส่วนตัวที่ไปหลงใหลติดพันมิสซิสแบลค ฟอร์ด สาวตะกายดาวชาวอเมริกัน ถึงขั้นขโมยเครื่องเพชรสำคัญของแม่ไปปรนเปรอนาง
ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 กริ้วมาก มีคำสั่งให้ลงโทษ แกรนด์ดุ๊ก นิโคไล คอน สแตนติโนวิช ประมาณว่าจะให้นำไปจองจำในปราสาทแห่งหนึ่งแบบขังลืมตลอดชีวิต ให้ลบชื่อออกจากสาระบบของราชวงศ์ แทงบัญชีว่าสิ้นพระชนม์ ทั้งยังห้ามทุกคนเอ่ยถึงด้วย แต่โทษจองจำเปลี่ยนเป็นเนรเทศมายังทัชเคนต์ในเติร์กสถานดินแดนอันไกลโพ้นของจักรวรรดิรัสเซีย
ในเวลาไม่นานผู้คนต่างพากันลืมเลือนตัวตนของพระองค์ ระหว่างถูกเนรเทศมีคนคอยคุมประพฤติ ควบคุมการเดินทางเคลื่อนไหว ตัดการติดต่อสื่อสารกับทุกคนในรัสเซีย ทั้งหมดอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ตรวจการใหญ่แห่งทัชเคนต์ ทรงใช้ชีวิตที่ดินแดนชายขอบจักรวรรดิรัสเซียตราบจนวาระสุดท้ายในปี ค.ศ. 1918
วังโรมานอฟสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1891 (พ.ศ. 2434 / ร.5 เยือนรัสเซีย พ.ศ. 2440) ด้วยสถาปัตย์ฯแบบอาร์ต นูโวที่กำลังเป็นที่นิยมช่วงนั้น ข้อมูลบางที่ว่าออกแบบสไตล์เดียวกับอาคารในปีเตอร์ฮอฟที่แกรนด์ดุ๊กประสูติ เราไม่ได้ชมความงามด้านในเพราะผู้ไม่มีกิจห้ามเข้า ฟังว่างามวิจิตรทีเดียว
หน้าประตูอาคารประดับรูปหล่อสัมฤทธิ์สุนัขล่าสัตว์ 2 ตัวกับกวาง 1 ตัว เพราะแกรนด์ดุ๊กพลัดถิ่นองค์นี้โปรดปรานการล่าสัตว์มาก ด้านหลังประดับรูปหล่อกวางด้วย ในอดีตพื้นที่ด้านนึงมีกรงเลี้ยงสัตว์ป่า ยุคนั้นจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมในวันสุดสัปดาห์ สวนรอบบริเวณบ้านมีต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้น บรรยากาศร่มรื่น
ช่วงแรกที่พำนักในทัชเคนต์ ทรงใช้ชีวิตในนามพันเอกวาลินสกี้ ต่อมาใช้ชื่อ อิสคานเดอร์ (ภาษาท้องถิ่นในเอเชียกลาง เรียกชื่ออเล็กซานเดอร์ว่า อิสคานเดอร์) ไม่มีใครรู้จักตัวตนของแกรนด์ดุ๊ก จนกระทั่งพระองค์เสกสมรสกับสาวน้อยวัย 15 ลูกสาวขุนนางคอสแส็ค บ้างว่ามีธิดาและโอรสอย่างละ 1 องค์ ลูกหลานของพระองค์ใช้นามสกุล "อิสคานเดอร์”
ข้อมูลบางที่ว่า ระหว่างใช้ชีวิตที่ทัชเคนต์ ทรงทำโครงการมากมาย เช่นการพัฒนาชลประทาน ขุดคลองในทุ่งหญ้าสเตปป์นอกเมือง ทำให้สามารถเพาะปลูกได้ดี เปิดโรงสีข้าว โรงปั่นฝ้าย ริเริ่มการปลูกต้นไม้นับพันต้นทั่วทัชเคนต์ บางต้นยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้ แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามา เช่นร้านเบเกอรี่ โรง งานสบู่ สโมสรบิลเลียด ร้านถ่ายรูป เปิดโรงหนัง (ของใหม่ สุดทันสมัยในยุคนั้น)ให้ประชาชนเข้าชม ดังนั้นจึงเป็นที่รักใคร่ ได้รับความชื่นชมจากคนในท้องถิ่นอย่างมาก
หลังจากแกรนด์ดุ๊ก นิโคไล คอนสแตนติโนวิชสิ้นบุญ ทรงบริจาควังและของสะสมให้แก่เมือง วังจึงถูกแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์แห่ง(เขตปกครอง)อุซเบกิสถาน และเปลี่ยนสภาพการใช้งานมาเรื่อยๆ ยุคโซเวียตวังนี้เปลี่ยนเป็นวังผู้บุกเบิก ปัจจุบันใช้เป็นเรือนรับรองของกระทรวงการต่างประเทศอุซเบกิสถาน
ละเลียดชมบรรยากาศที่จตุรัสอิสรภาพและวังโรมานอฟจนอิ่มเอมใจแล้ว สามสาวจึงมุ่งหน้าสู่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อุซเบกิสถาน (State Museum of History of Uzbekistan)
โฆษณา