29 ต.ค. 2021 เวลา 05:09 • กีฬา
ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก มีนักเตะแค่คนเดียวเท่านั้นที่โดนจับได้ว่าเสพโคเคน แต่กลับไม่โดนลงโทษแบน เขาคนนั้นมีชื่อว่า เจค ลิเวอร์มอร์ มันเกิดอะไรขึ้น เราจะไปย้อนเหตุการณ์พร้อมๆ กัน
เจค ลิเวอร์มอร์ เป็นเด็กปั้นของสเปอร์ส ครั้งหนึ่งฟอร์มดีถึงขั้นติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่มาแล้ว แต่พอแย่งชิงตำแหน่งที่สเปอร์สไม่ได้ ก็ย้ายไปอยู่กับฮัลล์ ซิตี้ และเป็นคีย์แมนของสโมสร ได้ลงตัวจริงแทบทุกเกม
ชีวิตโดยรวมของลิเวอร์มอร์ถือว่าดูดีมากๆ เขาพาฮัลล์เข้าชิงเอฟเอคัพเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ขณะที่ชีวิตส่วนตัว แฟนสาวที่คบกันมา 5 ปี ชื่อแดนิเอล เดล-กีไดซ์ กำลังตั้งครรภ์ เขากำลังจะมีลูกชายคนแรก
ลิเวอร์มอร์กับแฟนสาว ตั้งชื่อลูกเอาไว้แล้วเรียบร้อยคือ เจค จูเนียร์ ครอบครัวของเขาเมื่อมีลูก มันก็รู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างจะได้เติมเต็มแล้ว
1
หลังลงแข่งเอฟเอคัพนัดชิง วันที่ 17 พฤษภาคม 2014 วันรุ่งขึ้นก็ถึงกำหนดคลอด แดนิเอลมาที่โรงพยาบาลพอร์ทแลนด์ ฮอสพิทัล เพื่อทำการคลอด โดยแพทย์แนะนำว่าคลอดธรรมชาติก็ได้
ระหว่างที่ทำการคลอด คุณหมอสังเกตความผิดปกติบางอย่าง และตัดสินใจเปลี่ยนมาผ่าคลอด (C-Section) เป็นการเร่งด่วน ในที่สุดก็เอาเด็กออกมาจากท้องแม่ได้ ในเวลา 00.58 น.
แต่เจค จูเนียร์ ที่คลอดออกมาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก และหัวใจหยุดเต้นหลังออกมาจากท้องได้ 39 นาที แพทย์พยายามทำการช่วยชีวิตหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายลิเวอร์มอร์และแฟนสาวต้องเสียลูก
แดนิเอลเล่าว่า "คำพูดใดๆ ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของเราได้เลย เราสูญเสียลูกไป เพราะการตัดสินใจพลาดทางการแพทย์ เราเชื่อใจหมอ ที่บอกให้คลอดธรรมชาติ และหมอไม่ได้เห็นสัญญาณอันตรายเลยว่าต้องรีบทำการผ่าคลอดเร็วกว่านี้ การเสียเจค จูเนียร์ไป มันทำใจยอมรับยากจริงๆ"
1
ลิเวอร์มอร์ เป็นคนปลอบใจภรรยา เขาบอกว่า "เดี๋ยวทุกอย่างจะเรียบร้อยเอง" แต่สุดท้ายมันไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง เมื่อลูกชายที่ได้เจอหน้ากันแค่ 39 นาที ก็เสียชีวิตไปทั้งๆ แบบนั้น
2
ลิเวอร์มอร์และแดนิเอล หัวใจแหลกสลาย ทั้งคู่รอคอยจะเจอหน้าลูกมา 9 เดือน แต่กลับไม่มีโอกาสได้อยู่ร่วมกันนานกว่านี้ ตัวลิเวอร์มอร์ซื้อเสื้อผ้า และเตรียมห้องนอนของลูกไว้แล้ว ก็กลายเป็นสิ่งที่เสียเปล่า
ที่ผ่านมาเขาไปหาหมอกับภรรยาทุกเดือน เข้ารับการตรวจทุกรูปแบบเพื่อให้มั่นใจว่าลูกจะคลอดได้สมบูรณ์ที่สุด แต่สุดท้ายกลับเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ลิเวอร์มอร์เล่าวว่า "มันควรจะเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดในชีวิตของผม แต่กลับลงเอยด้วยโศกนาฏกรรม รู้ไหมว่าผมได้ยินเสียงลูกชายร้องด้วยนะ แต่แค่ไม่กี่นาทีเขาก็จากผมไป"
หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ลิเวอร์มอร์พยายามหาทางจัดการความเจ็บปวดของตัวเอง ซึ่งก็ทำได้ดีในช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว วันที่เขาสะเทือนใจที่สุดคือ วันที่ 18 พฤษภาคม 2015 ครบรอบ 1 ปี การเสียชีวิตของเจค จูเนียร์
ณ วันนั้น ลิเวอร์มอร์เสียใจมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันไปหายาเสพติด เขาไปหาโคเคนมาเสพ เพื่อหวังว่าจะลืมความทุกข์ที่เกิดขึ้น ให้มันผ่านไปชั่วคราวก็ยังดี
7 วันหลังจากเสพโคเคน วันที่ 25 พฤษภาคม 2015 ฮัลล์ ซิตี้ มีโปรแกรมพรีเมียร์ลีก เจอคริสตัล พาเลซ หลังจบเกมลิเวอร์มอร์ถูกสุ่มตรวจปัสสาวะ และผลออกมาเป็น Positive เขามีสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งนี่เป็นเรื่องใหญ่มากทันที
ในอดีต มีเคสของอาเดรียน มูตู กองหน้าของเชลซีที่เสพโคเคนในปี 2004 ปรากฏว่า โดนแบน 7 เดือน ซึ่งครั้งนั้นเอฟเอโดนวิจารณ์หนักมากว่าบทลงโทษเบาไป ดังนั้นเอฟเอจึงเพิ่มบทลงโทษให้หนักขึ้นเป็นแบนขั้นต่ำ 2 ปี ในเวลาต่อมา
2
ว่าง่ายๆ คือนักกีฬาที่เสพยา คุณหมดอนาคตแน่ๆ สโมสรสามารถไล่คุณออกได้เลย เช่นเดียวกับทีมชาติอังกฤษ อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับไปติดธงอีกครั้ง
เมื่อเจอผลตรวจปัสสาวะรอบแรก จึงมีการส่งตัวอย่าง A และ B ตรวจรอบ 2 และ 3 ในหนึ่งสัปดาห์ต่อมา และผลก็เป็น Positive เช่นเดิม ดังนั้นจึงแน่ชัดแล้วว่า ลิเวอร์มอร์ใช้โคเคนแน่
เมื่อสโมสรรู้ข่าวว่าลิเวอร์มอร์เสพยา สตีฟ บรูซ ผู้จัดการทีมฮัลล์จึงเรียกเข้าไปคุย แล้วบอกว่า "นี่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว นายอาจจะโดนแบน 2-4 ปี จากเรื่องนี้"
แต่ลิเวอร์มอร์บอกว่า "ผมไม่สน" กล่าวคือสภาพจิตใจของเขาตอนนั้น ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร และวิธีที่จะลืมความเสียใจเขานึกออกอย่างเดียวคือโคเคน
เมื่อเจอโคเคนในร่างกาย เอฟเอก็เริ่มต้นกระบวนการสอบสวน และสังคมก็รอดูว่า เอฟเอจะจัดการกับกรณีนี้อย่างไร
1
ประวัติที่ผ่านมาลิเวอร์มอร์ก็ไม่ใช่นักเตะที่เกเร เขาเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยก่อเรื่อง แต่จะบอกว่าเสพยาไม่ผิด มันก็ไม่ใช่เหมือนกัน
ในการสืบสวน เอฟเอเรียก ดร.โรเบิร์ต ไพรซ์ นักจิตวิทยาของสโมสรเข้ามาให้การ รวมถึงเรียกแฟนสาวแดนิเอล, เควิน คุณพ่อของลิเวอร์มอร์, สตีฟ บรูซ, ดร.มาร์ก วอลเลอร์ แพทย์สโมสร และ ทอม ฮัดเดิลสตัน เพื่อนร่วมทีม ซึ่งแต่ละคนต่างพูดถึงเป็นเสียงเดียวกันว่า ลิเวอร์มอร์ ไม่ใช่คนที่จะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้มันกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างรุนแรงจริงๆ เป็นการทำลงไปโดยขาดสติยั้งคิด
1
หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว ในเดือนสิงหาคม 2015 เอฟเอประกาศว่า "สมาคมฟุตบอลอังกฤษจะไม่แบนลิเวอร์มอร์ นักเตะสามารถกลับมาลงเล่นได้ตามปกติ"
เอฟเอ อธิบายเหตุผลว่า
1- ลิเวอร์มอร์ไม่เคยใช้สารเสพติดมาก่อน ก่อนหน้านี้เขาเคยโดนสุ่มตรวจปัสสาวะ 10 ครั้ง และผลเป็น Negative เนกาทีฟทุกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่โดนตรวจพบ Positive
2- ความผิดพลาดอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยความพลั้งเผลอ หรือขาดสติ จะมีบทลงโทษที่เบาลงเสมอ เอฟเอ ยกตัวอย่างที่ เอริค ธอมป์สัน นักกรีฑาดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ ที่ไปเลี้ยงฉลองปาร์ตี้วันเรียนจบ แล้วเมาจนเผลอไปเสพโคเคนกับเพื่อน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีประวัติดีมาตลอด ทางองค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลก (WADA) จึงลดโทษจากที่ควรจะแบนยาว เหลือแบนแค่ 1 ปี
1
3- จิตแพทย์ของเอฟเอ และ จิตแพทย์ของฮัลล์ ซิตี้ เห็นตรงกันว่า ลิเวอร์มอร์มีสภาพจิตใจบอบบางมากจริงๆ ณ เวลานั้น จนขาดความยั้งคิด ตัวนักกีฬามีความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ว่าการเสพโคเคนแล้วจะทำให้ลืมความเจ็บปวด
1
4- ลิเวอร์มอร์ ต้องเข้าคอร์สการบำบัด และเข้าอบรมเรื่องยาเสพติด รวมถึงต้องถูกตรวจสารกระตุ้นซ้ำทุกแมตช์ เป็นระยะเวลา 1 ปี
ทาง WADA เห็นชอบกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษด้วย ว่ากรณีของลิเวอร์มอร์เป็นข้อยกเว้นจริงๆ และหวังว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
โดยนี่ถือเป็น Very rare case หรือเคสที่เกิดขึ้นยากมาก เพราะส่วนใหญ่ถ้าคุณเสพโคเคนล่ะก็โดนแบนเรียบ แต่กรณีนี้ ลิเวอร์มอร์ มีประวัติดีมาก ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด หรือสารกระตุ้นใดๆ เลย ร่างกายของเขาคลีนมาตลอด และคนรอบข้าง ทั้งสโมสร และเพื่อนร่วมทีม ต่างรับประกันว่า จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำสอง
ลิเวอร์มอร์ ไม่โดนแบน และสามารถกลับมาลงเล่นให้ฮัลล์ ซิตี้ ได้ทันทีในฤดูกาล 2015-16 โดยวันที่เขากลับมาซ้อมๆ เพื่อนร่วมทีมต่างให้กำลังใจเขาอย่างล้นหลาม เพราะเชื่อว่าทุกคนทำพลาดได้ทั้งนั้น
ลิเวอร์มอร์ให้สัมภาษณ์ว่า "ความเจ็บปวด มันบังคับให้คุณทำเรื่องโง่ๆ ลงไป ผมไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาเลย ตอนที่โดนตรวจพบสารเสพติด ผมคิดว่าชีวิตนักกีฬาของผมจบลงแล้ว ผมรู้กฎเป็นอย่างดี และยอมรับความจริง ถ้าโดนลงโทษ"
"แต่ผมไม่รู้จะกล่าวขอบคุณเอฟเอมากมายแค่ไหน ที่พวกเขาหยุดฟัง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม และทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผมเผชิญอยู่ มันทำให้ผมเข้าใจว่า เกมพรีเมียร์ลีก มันไม่ได้มีแค่เรื่องของเงินทอง เรื่องของแพ้ชนะ แต่มันยังมีเรื่องของความเข้าอกเข้าใจ พวกเขายังคงเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยู่"
หลังจากเกิดเหตุเสพโคเคนเป็นต้นมา ลิเวอร์มอร์ไม่เคยตรวจเจอสารเสพติดในร่างกายอีกเลย เขาทำผิดและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นชีวิตของเขาก็กลับสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น ลิเวอร์มอร์กลายเป็นนักเตะที่ดีอีกครั้ง และมีชื่อกลับไปติดทีมชาติอังกฤษได้สำเร็จด้วย
ในปี 2016 ดานิเอล ตั้งครรภ์ครั้งที่ 2 และเป็นลูกชายเช่นเดิม คราวนี้เด็กคลอดออกมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง โดยลิเวอร์มอร์ตั้งชื่อลูกคนใหม่ว่า เจย์ซี
แต่แม้จะมีลูกแล้ว ลิเวอร์มอร์กับแฟนสาวก็ยังไม่ลืมลูกชายคนแรก พวกเขาจะไปวางดอกไม้ไว้อาลัยที่สุสานของเจค จูเนียร์ เป็นประจำในทุกๆ ปี
ในเรื่องนี้ สิ่งที่เราเห็นคือคนทุกคนอ่อนแอได้ และบางครั้งการพลาดหันไปสู่อบายมุข มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะตั้งสติและรู้ตัวได้หรือไม่ ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง
ส่วนคนที่พลาดไปแล้ว อย่าลืมว่าโอกาสแก้ตัวไม่ได้มีบ่อยๆ ถ้าได้รับมันแล้ว ก็อย่าทิ้งขว้างมันอย่างเสียเปล่า
และอีกเรื่องที่เราเห็นคือ คำว่า "กฎ" นั้น จริงอยู่ มันถูกกำหนดไว้ในหน้ากระดาษแล้ว ว่าต้องมีบทลงโทษ 1 2 3 4 แต่ในคำตัดสินจริงๆ ที่เกี่ยวพันกับชีวิตของใครสักคน ไม่ใช่ว่าเราจะตัดสินตามตัวอักษรได้เลย เพราะมันมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านั้น
กฎระเบียบก็สำคัญ แต่การทำความเข้าใจ มีความเห็นอกเห็นใจ มองถึงเหตุและผล รวมถึงเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ของอีกฝ่าย ก็มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ากัน
และเมื่อมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน อาจทำให้บทสรุปของทุกอย่าง ออกมางดงามยิ่งกว่าที่คาดคิดก็เป็นได้
โฆษณา