29 ต.ค. 2021 เวลา 12:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
รู้จักกับ 5 เหรียญคริปโทฯ ที่เกิดขึ้นจาก Passion อันแรงกล้า
Passion หรือ ความมุ่งมั่นที่เกิดจากความชื่นชอบหรือความเชื่อมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแรงกล้า คือสิ่งสำคัญที่ทำให้มนุษย์สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและโลกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
สตีฟ จอบส์ บุคคลสำคัญที่ทุกคนรู้จักกันดี เคยกล่าวไว้ว่า “People with Passion can Change the World for the Better” หรือแปลเป็นไทย “ผู้ที่มีความมุ่งมั่นอันแรงกล้า สามารถเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้”
คำพูดดังกล่าวเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เกิดกลุ่ม Bitkub ขึ้นมาเพื่อสะพานให้คนไทยสามารถข้ามไปสู่คริปโทเคอร์เรนซีและเทคโนโลยีการเงินแห่งอนาคตได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
ประกอบกับโอกาสที่กลุ่ม Bitkub ได้ร่วมเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์คนสำคัญของเวทีประกวด Miss Universe Thailand 2021 ภายใต้แนวคิด Power of Passion
ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับคริปโทเคอร์เรนซีที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับ Passion ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกอันแรงกล้า จะมีเหรียญอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!
1.Bitcoin (BTC)
คริปโทเคอร์เรนซีสกุลแรกของโลกที่เกิดขึ้นจากบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ซึ่งปัจจุบันก็ไม่มีใครรู้ตัวจริงของ Satoshi
โดย Bitcoin เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นสกุลเงินที่สามารถใช้ชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตได้โดย “ไม่ต้องผ่านตัวกลาง”
Bitcoin มาจากคำว่า Bit ที่หมายถึงหน่วยความจำที่เล็กที่สุดของคอมพิวเตอร์ ผสมกับ Coin ที่แปลว่า เหรียญ
โดย Bitcoin ทำงานอยู่บนเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ทำให้การทำธุรกรรมด้วย Bitcoin เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง จึงสามารถลดค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับตัวกลาง ลดระยะเวลา ทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง และทำจากที่ไหนก็ได้ที่มีอินเทอร์เน็ต
การมาของ Bitcoin ได้กระตุ้นให้กลุ่มคนที่มี Passion นำเทคโนโลยีเบื้องหลังอย่างบล็อกเชนไปพัฒนาให้เกิดเป็นการใช้งานรูปแบบใหม่ ๆ รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซีสกุลอื่น ๆ ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้
2.Ethereum (ETH)
สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ณ ปัจจุบัน เป็นรองเพียงแค่ Bitcoin
Ethereum เกิดขึ้นจากฝีมือของ Vitalik Buterin ร่วมกับผู้ก่อตั้งคนอื่น ๆ ในปี 2015 โดยได้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาพัฒนาต่อยอดให้มีความเร็วและความเสถียรที่มากกว่าของ Bitcoin
1
แต่จุดเด่นของ Ethereum คือการนำ Smart contract หรือสัญญาอัจฉริยะมาใช้กับบล็อกเชน
ซึ่ง Smart contract ก็คือ “ข้อตกลงที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองเมื่อครบเงื่อนไขที่กำหนดโดยไม่ผ่านตัวกลาง” เปรียบได้กับการเขียนโปรแกรมบนบล็อกเชน
ทำให้ Ethereum เป็นมากกว่าเครือข่ายสำหรับการโอนมูลค่า แต่ Ethereum เปรียบเสมือน “คอมพิวเตอร์ของโลก”
ความสามารถในการใช้ Smart contract และพื้นฐานทางเทคนิคที่เข้มแข็งของ Ethereum ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นบนเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นโทเคน NFT หรือ DeFi
และที่สำคัญ Ethereum ยังมีการพัฒนาอยู่เสมอ ซึ่งในปี 2022 เราอาจได้สัมผัสกับ Ethereum 2.0 อีกด้วยก็เป็นได้
3.Bitkub Coin (KUB)
Bitkub Coin คือเหรียญหลักของเครือข่าย Bitkub Chain บล็อกเชนฝีมือคนไทยที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นบล็อกเชนโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมไทย พัฒนาโดยบริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด
Bitkub Chain ถูกออกแบบมาให้สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้รวดเร็วและใช้เวลาในการสร้างบล็อกเพียง 5 วินาที/บล็อกโดยประมาณ และยังสามารถสร้าง Smart contract ได้เช่นเดียวกับเครือข่ายบล็อกเชนระดับโลก เพื่อทำให้การใช้งาน Bitkub Chain เปิดกว้างยิ่งขึ้นไปอีก
ปัจจุบัน มีโปรเจกต์มากมายที่สร้างขึ้นบน Bitkub Chain เช่น โปรเจกต์ Fans Token ที่เปลี่ยนชื่อเสียงของเหล่า Influencer ให้มีมูลค่า, เกมบนบล็อกเชนอย่าง Morning Moon Village ที่นำการลงทุนแบบ Yield Farming บน DeFi มาผสมกับการเล่นเกม, และแน่นอนว่าการ์ด NFT ของ Miss Universe Thailand 2021 ที่เหล่าแฟน ๆ สามารถสะสมได้ก็สร้างขึ้นบน Bitkub Chain เช่นกัน
1
4.Tether (USDT)
USDT คือเหรียญประเภท Stablecoin หรือเหรียญที่มีมูลค่าคงที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในปัจจุบัน สร้างขึ้นโดยบริษัท Tether ในฮ่องกง
เหรียญประเภท Stablecoin แตกต่างกับคริปโทเคอร์เรนซีสกุลอื่น ๆ ที่มีความผันผวนของราคาสูง ซึ่ง USDT สามารถทำได้โดยการผูกมูลค่า USDT เข้ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ในอัตรา 1:1 โดยบริษัทฯจะเก็บเงินดอลลาร์ไว้ในคลังเท่ากับจำนวนเหรียญ USDT ทั้งหมด หากมีผู้ถือเหรียญ USDT ต้องการแลกกลับเป็นเงินดอลลาร์ก็จะสามารถแลกได้ทันที
USDT เป็นอีกหนึ่งเหรียญที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา และเหมาะกับการโอนเงินเพื่อใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่าง ๆ
5.Cardano (ADA)
เครือข่าย Cardano เกิดขึ้นจากฝีมือของหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum อย่าง Charles Hoskinson ที่ต้องการพัฒนาเครือข่ายบล็อกเชนที่มีความสามารถด้าน Scalability หรือความสามารถในการขยายเครือข่ายเพื่อรองรับจำนวนธุรกรรมที่สูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Charles Hoskinson เชื่อว่าความสามารถในการขยายเครือข่ายได้ดี จะช่วยผลักดันให้บล็อกเชนสู่การ Mass adoption หรือการยอมรับและใช้งานเป็นวงกว้าง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้คริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนเข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิตของผู้คนและเศรษฐกิจโลก
Cardano สามารถทำได้โดยการใช้ระบบที่เรียกว่า “Proof-of-Stake” แทนระบบเดิมที่ Bitcoin และ Ethereum ใช้อย่าง Proof-of-Work ที่ค่อนข้างช้าและกินพลังงานมหาศาล
นอกจากนี้ Cardano ยังถูกพัฒนาขึ้นผ่านการ Peer Review หรือการให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาวิชาเข้ามาช่วยตรวจสอบและเสนอแนะในระดับเดียวกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เพื่อปูพื้นฐานทางเทคนิคของ Cardano ให้เข้มแข็ง และมั่นใจว่าทุกการพัฒนาจะมอบผลประโยชน์สูงสุดแก่วงการคริปโทเคอร์เรนซี
นี่เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นจาก Passion ของผู้พัฒนา
ปัจจุบัน คริปโทเคอร์เรนซียังคงได้มีการพัฒนา มีทั้งเหรียญและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน เราจึงกำลังอยู่ในยุคการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีการเงินที่น่าตื่นเต้นและน่าจับตาที่สุดยุคหนึ่ง
อ้างอิง Coinmarketcap, Bitcoin, Ethereum, Bitkub Chain, USDT, Cardano
ติดตามบทความ ข่าวสาร และความรู้ที่น่าสนใจเรื่อง บิทคอยน์ (Bitcoin), Cryptocurrecy และความรู้อีกมากมายในวงการคริปโต ได้ที่ Bitkub Blog
คำเตือน:
- คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต
โฆษณา