29 ต.ค. 2021 เวลา 17:17 • สุขภาพ
## ไม่มีวันอยู่ร่วมกันได้...โควิด-19 ไม่มีวันเป็นโรค “ทั่วไป” ในสังคม ##
8
ณ ปัจจุบัน แต่ละประเทศในโลกมีนโยบายรับมือกับโควิด-19 ต่างกัน โดยหลักๆ จะแบ่งเป็นสองแนวทาง ได้แก่นโยบาย “อยู่ร่วมกับโควิด” (Living with COVID-19) และยุทธศาสตร์ #โควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid Strategy)
3
หากให้อธิบายโดยสังเขป นโยบาย “อยู่ร่วมกับโควิด” ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าในอนาคต โควิด-19 จะกลายจากโรคระบาด (epidemic) เป็นโรคเฉพาะถิ่น (endemic) หรือเป็นโรคที่มีอยู่ทั่วไปในสังคม ยกตัวอย่างเช่นไข้หวัดใหญ่ โดยคาดหวังว่าเราทุกคนจะสามารถอยู่ร่วมกับโควิดได้ ทุกๆ ปีเราก็คงจะต้องไปฉีดวัคซีนเหมือนไข้หวัดใหญ่ หากติดเชื้อก็แค่หยุดอยู่บ้านไม่กี่วันแล้วก็จะหายเป็นปกติ
2
แต่ถ้าโควิด-19 กลายเป็นโรคเฉพาะถิ่นจริงๆ...เราจะอยู่ในโลกที่ธุรกิจและโรงเรียนหลายแห่งต้องหยุดบ่อยๆ และหยุดแต่ละทียาวนานเป็นสัปดาห์หากมีการระบาดเกิดขึ้น ซึ่งในทางปฏิบัติไม่อาจทำได้จริงเพราะจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
7
╔═══════════╗
ZERO COVID THAILAND เพจสำหรับแชร์ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อช่วยยุติการแพร่กระจายของโควิด-19ในไทย
#กดไลค์และติดตามเพจ เพื่อรับแนวทางป้องกันโควิด-19 อย่างทันท่วงที งานวิจัย และ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์แบบเข้มข้น
╚═══════════╝
3
เมื่อไม่นานมานี้ มาร์ค ซัมเนอร์ (Mark Sumner) คอลัมนิสต์ด้านวิทยาศาสตร์แห่ง The Daily Kos ได้เขียนบทความชี้ชัดว่า สหรัฐอเมริกาจะอยู่รอดได้ โควิด-19 ต้องถูกขจัดออกไป และไม่ใช่กลายเป็นโรคเฉพาะถิ่น
3
นั่นก็เพราะเวลาคนพูดถึงสมมติฐานที่ว่า โควิด-19 จะกลายเป็นโรคเฉพาะถิ่น อาจลืมคำนึงถึงหลายๆ ปัจจัย ได้แก่ ความรวดเร็วในการแพร่เชื้อโควิด-19 ภาวะโควิดเรื้อรัง หรือที่เรียกว่า Long Covid หลังหายป่วย และอัตราการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 (ที่กล่าวไปข้างต้นเป็นเพียงการพูดถึงสายพันธุ์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น ยังไม่นับรวมถึงสายพันธุ์ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วยซ้ำ)
3
หากนำตัวเลขมาวัดกัน เชื้อไข้หวัดใหญ่มีอัตราการแพร่เชื้อ (R0) อยู่ที่ R0 = 1.4 เท่ากับว่าบุคคลที่เป็นไข้หวัดใหญ่ 1 คนจะสามารถกระจายเชื้อต่อไปให้อีก 1 คนกว่าๆ โดยเฉลี่ยเท่านั้น ในระหว่างที่โควิด-19 มีอัตราการแพร่เชื้อได้ถึง R0 = 5 คนหรืออาจจะมากถึง 10 คน
6
หลายคนอาจเถียงว่าการอยู่ร่วมกันกับโควิด-19 ในอนาคตนั้นทำได้ไม่ยาก เนื่องจากเรามีวัคซีนหลากหลายยี่ห้อที่วิจัยชี้ชัดว่าสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และล่าสุดมียาฆ่าเชื้ออย่าง Molnupiravir ที่กำลังทำเรื่องรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Food and Drug Administration) ของประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
5
แต่อันที่จริงแล้ว วิธีเหล่านี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งมีไว้เพื่อลดความรุนแรงของเชื้อโควิด-19ในผู้ป่วย และลดอัตราการเสียชีวิตเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้ตลอดไป
9
เหตุผลหลักที่หลายคนสนับสนุนโยบาย “อยู่ร่วมกับโควิด” เพราะต่างก็คิดว่ายุทธศาสตร์ “โควิดเป็น ศูนย์” นั้นสุดโต่งและเป็นไปไม่ได้ แต่ทำได้ยากไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ พวกเราจะรับโควิด-19 เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรชีวิตเราจริงๆหรือ?
2
เมื่อเอาตัวเลขมาเทียบกัน ยุทธศาสตร์ “โควิดเป็นศูนย์” ส่งผลดีกว่าในด้านเศรษฐกิจ เสรีภาพพลเมือง และความคล่องตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งอัตราการเสียชีวิตที่น้อยกว่า ตลอดจน GDP ที่ลดลงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด และความคล่องตัวของธุรกิจและโปรเจคต์ต่างๆ ธุรกิจในประเทศที่มียุทธศาสตร์ “โควิดเป็นศูนย์” สามารถวางแผนอนาคตได้อย่างแน่นอนกว่าโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประเทศจะล็อคดาวน์อีกเมื่อไร โดยเฉพาะธุรกิจอุตสหากรรมท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง การคมนาคม และวัฒนธรรม
5
📌 Zero Covid Strategy ยุทธศาสตร์ "โควิดเป็นศูนย์"
ในแต่ละประเทศหรือพื้นที่อาจมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน แต่ยังคงยึดหลักการและเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการควบคุมอัตราการแพร่กระจายของเชื้อโควิดให้ใกล้เคียง "0" ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยการใช้มาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด ซึ่งจะผ่อนคลายได้เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นและสามารถควบคุมระดับของการแพร่เชื้อให้ใกล้เคียง 0 (R<1) เอาไว้ได้
3
ยุทธศาสตร์ไร้โควิด ที่ Zero Covid Thailand ได้ศึกษาและสนับสนุนนั้น มาจากแผน No-Covid Strategy ที่มีการนำเสนอในยุโรป
เริ่มด้วยการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด และแบ่งพื้นที่เป็นหน่วยย่อยโดยจะให้รางวัลเป็นการเปิดให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างอิสระใน "พื้นที่สีเขียว" หรือพื้นที่ที่ไม่มีการติดเชื้อ ทั้งนี้ ด้วยความร่วมมือของผู้คนและมาตรการที่ดีพอ พื้นที่สีเขียวจะขยายออกไปเรื่อยๆ และผู้คนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตอิสระได้ในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
1
ทั้งนี้ ทุกคนจะต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า #โควิดแพร่ทางอากาศ (Covid is Airborne) เชื้อโควิดสามารถแพร่ทางละอองลอยขนาดจิ๋วได้
1
ดังนั้น ทุกคนต้องได้รับการปกป้องด้วยหน้ากาก #N95 หรือหน้ากากที่มีคุณภาพดีกว่า
อีกทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อยังถูกจำกัดโดยมาตรการ Test and Trace คือการตรวจหาเชื้อเชิงรุกด้วย ชุดตรวจแบบเร็ว (Antigen test Kit: ATK) อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
2
และในทุกๆ สถานที่ต้องมี #การระบายอากาศ ที่ดี โดยสามารถวัดสภาพการระบายอากาศของสถานที่นั้นๆ ได้โดยใช้เครื่องวัดค่าคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ (CO2 Meter) และปรับสภาพอากาศให้มีระดับ CO2 ต่ำกว่า 800ppm อยู่เสมอ
1
📌 แคลิฟอร์เนีย ตัวอย่างความสำเร็จของการใช้ยุทธศาสตร์
สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าว ABC News ได้เผยแพร่เรื่องราวความสำเร็จของรัฐแคลิฟอร์เนียที่ได้พลิกสถานะจากรัฐที่เคยเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดกลายเป็นหนึ่งในรัฐที่มีอัตราการติดเชื้อโควิดน้อยที่สุด ด้วยการบังคับใส่หน้ากากอย่างเคร่งครัด ข้อกำหนดเรื่องการฉีดวัคซีน การตรวจหาเชื้อ การเว้นระยะห่างทางสังคมและการใช้ชีวิตที่คำนึงถึงความเสี่ยงของการอยู่ในอาคาร
2
ก่อนหน้านี้แคลิฟอร์เนียเคยเป็นรัฐเดียวที่มีอัตราการแพร่เชื้ออยู่ในช่วง 10-49.99 คนต่อประชากร 100,000 คน ในช่วง 7 วัน ก่อนที่สัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีอัตราผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 61.1 คนต่อประชากร 100,000 คน
2
รัฐอื่นๆ ที่มีช่วงอัตราผู้ติดเชื้อ 50-99.99 คนต่อประชากร 100,000 คนด้วยกันคือฮาวาย ฟลอริดา หลุยเซียนา คอนเนคติกัต นิวเจอร์ซี มิสซิสซิปปี แมริแลนด์ จอร์เจีย และวอชิงตันดีซี ส่วนรัฐอื่นๆ มีอัตราผู้ติดเชื้อตั้งแต่ 100-450 คนต่อประชากร 100,000 คน ทำให้ค่าเฉลี่ยของสหรัฐอยู่ที่ 150.9 คนต่อประชากร 100,000 คน
นพ.จอห์น บราวน์สตีน (Dr. John Brownstein) หัวหน้าฝ่ายนวัตกรรมของโรงพยาบาลเด็กแห่งบอสตัน (Boston Children's Hospital) วิเคราะห์ว่ามีหลายปัจจัยปะปนกัน แต่ที่แน่ๆ นโยบายที่บังคับให้คนใส่หน้ากาก และนโยบายด้านวัคซีน มีผลมากแน่ๆ
4
แคลิฟอร์เนียมีอัตราผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก 70% ในขณะที่ทั่วสหรัฐมีผู้ได้รับวัคซีน 66.2%
1
ในรัฐนี้ ผู้ที่จะต้องไปโรงเรียนหรือสถานที่ชุมนุมในร่ม เจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ให้บริการด้านสุขภาพ จะต้องฉีดวัคซีนทั้งหมด
ทุกคน ไม่ว่าจะได้รับวัคซีนหรือไม่ จะต้องใส่หน้ากากเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ ไปที่สถานบริการด้านสุชภาพ สถานศึกษา หรือเรือนจำ ทั้งนี้ ในสถานที่อื่นๆ ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนต้องใส่หน้ากาก และผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วก็ได้รับคำแนะนำให้ใส่หน้ากากเมื่อไปในที่ที่มีคนมาก เช่น โรงหนัง ร้านขายของ ร้านอาหารหรือบาร์
1
ด้วยปัจจัยนี้ จะมองเห็นได้ว่า แคลิฟอร์เนียมีอัตราการติดเชื้อต่ำกว่ารัฐเวอร์มอนต์ ทั้งๆ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนน้อยกว่า นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าเชื้อแพร่ตามการเคลื่อนย้ายของประชากรอีกด้วย
รัฐแคลิฟอร์เนียจึงขอร้องชาวเมืองว่าอย่าให้คนนอกมาพักที่บ้าน หลังจากได้รับบทเรียนอันแสนสาหัสจากช่วงวันหยุดยาว และต้องประกาศ "ล็อกดาวน์" รวมถึงใช้มาตรการเข้มงวด ต่อจากการคุมเข้มยาวนานถึง 15 เดือนซึ่งมาเริ่มผ่อนคลายในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
2
นอกจากนี้ ทั้งคุณหมอ Brownstein และคุณหมอท็อดด์ เอลเลอริน (Dr. Todd Ellerin) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการด้านโรคติดเชื้อแห่ง South Shore Health ต่างก็ตั้งข้อสังเกตถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ร่วมกับคนอื่นในอาคาร
2
โดยคุณหมอ Ellerin กล่าวว่า "เมื่อเราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในอาคาร นั่นเป็นเวลาที่มีการแพร่เชื้อมากที่สุด" และคุณหมอ Brownstein สำทับว่า "ยิ่งติดต่ออย่างใกล้ชิดกับบุคคลนอกครอบครัวภายในอาคาร ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง" คุณหมอทั้งสองทราบดีว่า อากาศดีๆ ของแคลิฟอร์เนียดึงดูดให้ผู้คนใช้ชีวิตนอกอาคารมากขึ้น และนั่นมีส่วนช่วยอย่างมาก
3
"ในความเป็นไปได้ทั้งหมด แนวโน้มที่เราเห็นตามความเป็นจริงได้ถูกขับเคลื่อนจากการปฏิบัติตามมาตรการการใส่หน้ากากและมาตรการอื่นๆ บวกกับยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมในรัฐนี้" คุณหมอ Brownstein กล่าวทิ้งท้ายในรายงานของ ABC News
3
เราจะเห็นได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย สอดคล้องกับมาตรการที่ Zero Covid Thailand นำเสนอมาตลอด แม้จะยังไม่ได้ทำอย่างเต็มที่หรือเข้มงวดมากที่สุด ก็ยังส่งผลดีอย่างชัดเจน
และเราได้ทราบแล้วว่า ผลเสียของการยอมใช้ชีวิตอยู่กับโควิด จะมีมากกว่าการใช้ยุทธศาสตร์ "โควิดเป็นศูนย์" เป็นอย่างมาก เหตุใดเราจึงไม่มุ่งมั่นที่จะขจัดเชื้อโควิดให้หมดไปจากสังคมของเรา?
1
ยุทธศาสตร์ “โควิดเป็นศูนย์” อาจจะฟังดูทำได้ยากกว่าการปล่อยให้โควิดกลายมาเป็นโรคเฉพาะถิ่นจริง แต่มันก็ยังดีกว่าปล่อยให้มีการเสียชีวิตของประชากรเพิ่ม และยังลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับภาวะ Long Covid ซึ่งในบางรายอาจพิการหรือไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้
เราจึงขอย้ำอีกครั้ง “โควิดจะไม่มีวันเป็นเหมือนไข้หวัดใหญ่” และเราจะไม่มีวันอยู่ร่วมกับเชื้อโควิด-19 ได้ แต่หากเราร่วมมือกันอย่างจริงจัง ขจัดเชื้อโควิดออกไปจากสังคมไทย เราจะต้องประสบความสำเร็จและผ่านวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอนค่ะ
4
ติดตามเราได้ที่
อ้างอิง:
COVID-19 must be eliminated, not become endemic, if America is to survive
The Zero Covid strategy continues to protect people, economies and freedoms more effectively
How did California go from the epicenter of the US pandemic to the lowest statewide transmission rate?
No-COVID Controlling the Covid-19 pandemic through Green Zones. THE NO-COVID STRATEGY.
โฆษณา