2 พ.ย. 2021 เวลา 11:00 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสยองสองพันคำ
ตอน ซ่อนหา ซ่อนหาย
ท่ามกลางผืนป่าที่เขียวชอุ่ม มีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน บรรยากาศรอบข้างจึงเริ่มสลัวราง เพราะต้นไม้สูงโปร่งเริ่มถูกทาบทับด้วยความมืด มีร่างเล็ก ๆ ของเด็กสี่ถึงห้าคนวัยประมาณ 8-9 ขวบกำลังคุยเล่นกันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวโดยไม่ได้สนใจเงาสีดำที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้าหาพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“จะนับแล้วนะ ทุกคนรีบไปซ่อนเร็ว ๆ”
แมนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ รีบวิ่งแตกฮือกันออกไปหาที่ซ่อนกันคนละทิศละทาง บ้างก็ปีนขึ้นไปซ่อนบนต้นไม้ด้วยท่าทางคล่องแคล่ว บ้างก็วิ่งไปซ่อนหลังพุ่มไม้ใหญ่ บ้างก็วิ่งไปซ่อนในโพรง บ้างก็ไปซ่อนหลังต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องหาที่ไกล ๆ ก่อน
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ…”
เสียงเจี๊ยวจ๊าวที่เคยดังเซ็งแซ่ถูกแทนที่ด้วยเสียงหรีดหริ่งเรไร และเสียงสัตว์ป่าที่ออกหากินเวลากลางคืน เมื่อนับถึงสิบแมนก็รีบเปิดตาออก เมื่อลืมตาขึ้นมาเขาก็ต้องพบแต่ความมืดมิด แต่ผืนป่าแห่งนี้เขาวิ่งเล่นมาตั้งแต่จำความได้จึงรู้จักแทบทุกซอกทุกมุม
“จะหาแล้วนะ” แมนตะโกนก่อนจะก้าวเท้าเล็ก ๆ ไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น สายตาระแวดระวังเพราะกลัวว่าจะมีคนลอบมาด้านหลังแล้วเขาจะต้องเป็นผู้หาอีกรอบ
เด็กชายเดินย่อง ๆ ไปตามต้นไม้ต้นนี้ต้นนั้น
แม้จะพยายามทำเสียงเดินให้เบาที่สุด แต่เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเหยียบโดนใบไม้แห้งเสียงดังกรอกแกรกได้เลย เด็กชายกวาดสายตามองหาทุกซอกหลืบ หรือจุดที่สามารถใช้เป็นที่ซ่อนตัวได้ ทันใดนั้นเด็กชายก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว
แกร๊บ !!!
มันเป็นเสียงเหมือนคนเหยียบกิ่งไม้ดังขึ้นจากด้านหลังพุ่มไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าว แมนค่อย ๆ ย่องเข้าไปเห็นเป็นเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มกำลังนั่งคุดคู้อยู่ด้านหลังพุ่มไม้
 
“โป้งปูเป้ !” เด็กหญิงสะดุ้งตัวโยนก่อนจะค่อย ๆ ออกมาจากที่ซ่อนพลางส่ายหน้าอย่างหัวเสีย คิดไว้แล้วไม่มีผิด พุ่มไม้แค่นี้คงบังตัวเธอไม่มิด แถมยังพลาดท่าไปเหยียบโดนกิ่งไม้ ตาหน้าเธอคงได้เป็นคนหาแน่ ๆ
ปูเป้ย้ายร่างอุ้ยอ้ายของตัวเองมานั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะเริ่มรู้สึกว่าเหน็บกำลังจะกินขาของเธอหลังจากที่ต้องนั่งคุดคู้อยู่หลังพุ่มไม้เป็นเวลานาน
“คนที่เหลือซ่อนที่ไหน ?” แมนหันมาเอ่ยถาม แต่ปูเป้ยักไล่พลางส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยบอก
“ไม่รู้สิ ตอนแอบเราไม่ได้มองใคร” แมนพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเริ่มหาคนอื่น ๆ ต่อ
แมนเดินมาที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่แล้วเขาก็เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง มันคือรองเท้าแตะสีเขียวเก่า ๆ ที่เลอะไปด้วยขี้เปรอะขี้โคลน แล้วเขาก็จำได้ทันทีว่ามันเป็นรองเท้าของดอม
“โป้งดอม !” แมนเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นมองบนต้นไม้ เห็นเพื่อนยืนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่โดยพยายามทำตัวให้เล็กและกลมกลืนกับกิ่งไม้ที่สุด แต่เขากลับพลาดถอดรองเท้าไว้ข้างล่างเสียอย่างนั้น
ดอมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ชอบเล่นปีนป่ายโดยไม่กลัวว่าจะเกิดอันตราย เขาจึงปีนต้นไม้เก่งราวกับลิง และไม่ว่าต้นไม้จะเป็นแบบไหน จะสูงสักเพียงใดเขาก็สามารถปีนได้หมด
“คนที่เหลือซ่อนที่ไหน ?” แมนถามดอมด้วยคำถามเดิม ดอมไม่ตอบแต่ใช้มือชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่ปูเป้กำลังนั่งพักอยู่ ปูเป้สะดุ้งก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากด้านหลังต้นไม้ อึดใจต่อมา ดุล ก็เดินออกมาด้วยท่าทางยิ้มร่าก่อนจะเอ่ย
“ข้าอยู่ใกล้เอ็งขนาดนี้ แต่เอ็งดันไปหาที่อื่น”
“ไอ้ดุล เอ็งจะรีบออกมาทำไม ไอ้แมนจะได้เป็นคนหาต่อ” ดอมต่อว่าอย่างหัวเสีย ในขณะที่ดุลยักไหล่
“ก็ข้าไม่อยากเล่นแล้ว กลับกันเถอะ”
“แล้วไอ้เอกล่ะ ?” ดุลเอ่ยถามเพราะไม่เห็นเพื่อน โดยปกติแล้วเอกจะเป็นคนที่มักจะโดนโป้งเป็นคนแรก ๆ แต่วันนี้เขาคงหาที่ซ่อนได้ดีกว่าที่ผ่านมา
วี้ด วิ้ว !
จู่ ๆ แมนก็ผิวปากออกไปเป็นเชิงเรียกเพื่อน เพราะปกติแล้วทุกคนในกลุ่มมักจะใช้สัญลักษณ์นี้ในการเรียกอีกฝ่ายให้ออกมาจากบ้านเสมอ แต่ครั้งนี้ไม่ว่าเขาจะผิวปากเสียงดังเท่าไหร่ก็ไม่มีสัญญาณตอบกลับจากเพื่อนเลยแม้แต่น้อย จนเพื่อนคนอื่น ๆ คิดว่าเอกคงกลับบ้านไปแล้ว
“ไปกันเถอะ มืดขนาดนี้ไอ้เอกมันคงกลับบ้านไปแล้ว แม่มันดุด้วย คงแอบหนีกลับไปก่อนแล้วมั้ง” ปูเป้เอ่ยขึ้นหลังจากที่ยืนรอเอกสักพัก
“นั่นน่ะสิ ถ้าขืนกลับบ้านช้ากว่านี้แม่ข้าคงเตรียมไม้เรียวไว้รอข้าแน่” ดอมเอ่ยเสริม ทุกคนจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านไป
 
ตกกลางคืนแมนได้ยินเสียงผิวปากดังมาจากหน้าบ้าน เมื่อเขาเปิดหน้าต่างออกไปดูก็เห็นเพื่อน ๆ มาชวนไปเล่นซ่อนแอบอีกครั้ง แต่เขากลับไม่เห็นเอกมากับเพื่อน ๆ ด้วย ตอนแรกเขาคิดว่าจะไม่ไปแต่เพื่อน ๆ กลับพยายามคะยั้นคะยอเขาจึงยอมออกไปเล่นด้วย
 
“นี่พวกเอ็งจะพาข้าไปเล่นที่ไหน ?” แมนที่กำลังเดินตามหลังเพื่อน ๆ ตะโกนถามเพราะเขาคิดว่าเพื่อน ๆ จะชวนเล่นซ่อนแอบใกล้ ๆ บ้าน แต่เพื่อนของเขากลับพามาเล่นในป่า เมื่อมาถึงลานโล่งเพื่อน ๆ ของเขาต่างก็พากันเดินแยกย้ายไปซ่อนตัวเป็นสัญญาณให้แมนเริ่มปิดตาหา แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่เขาก็ยอมเป็นคนหา
แมนเริ่มปิดตานับเลข
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า…” เสียงนับเลขตามลำดับดังไปเรื่อย ๆ เมื่อนับจนครบแมนก็เปิดตาออกแล้วเริ่มออกเดินหาเพื่อน ๆ
วี้ด วิ้ว !
เสียงผิวปากดังขึ้น แล้วมันก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับมีคนนับสิบรวมใจกันผิวปากพร้อม ๆ กัน แมนจึงตัดสินใจเดินตามเสียงผิวปากนั้นไป ในใจคิดว่าเพื่อน ๆ คงแกล้งเขาแน่ ๆ แต่เมื่อเขายิ่งเดินเข้าไปใกล้หมอกสีเทารอบข้างก็ยิ่งลอยเด่นจนแทบจะกลืนกินร่างของเขาเข้าไปในหมอกควันนั้น
เขาเดินไปได้สักพักก็สังเกตเห็นรองเท้าแตะเก่า ๆ วางอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ แมนเดาได้ทันทีว่าเพื่อนของเขาต้องซ่อนอยู่บนต้นไม้เป็นแน่ และที่สำคัญเขาแอบเห็นขาของใครบางคนห้อยอยู่บนกิ่งไม้ด้วย
 
“โป้ง !” แม้จะไม่รู้ว่าใครอยู่บนต้นไม้ แต่แมนก็ตะโกนขึ้นด้วยความดีใจพลางเงยหน้าขึ้นมองไปบนต้นไม้
ฮิ ๆๆๆๆ
แต่แทนทีที่ร่างนั้นจะรีบลงมาเพราะถูกหาเจอแล้ว อีกฝ่ายกลับหัวเราะออกมาราวกับว่ามีเรื่องน่าขำขัน เด็กชายตัดสินใจเพ่งมองดูร่างที่นั่งอยู่บนต้นไม้ด้วยความสงสัย แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจจนแทบล้มทั้งยืนเมื่อร่างที่นั่งอยู่บนต้นไม้นั้นหาใช่เพื่อนของเขาไม่ แต่กลับเป็นร่างของเด็กไร้ศีรษะ !
แมนสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสภาพเหงื่อไหลโทรมกาย ดวงตาลืมโพลงในความมืดมิดของห้องนอนที่มองเห็นแต่เพดานสีขาว ๆ เขาหอบหายใจถี่ ภาพวิญญาณไร้ศีรษะนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำจนเขายังรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ชวนขนลุกพิลึก แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
วี้ด วิ้ว !
เสียงนั้นดังขึ้นข้างหู เด็กชายนอนกลืนน้ำลายก่อนจะค่อย ๆ หันหน้าไปมองที่มาของเสียง แต่แล้วเขาก็ต้องอ้าปากด้วยความตกใจ แต่กลับไม่มีเสียงใด ๆ ลอดออกจากปาก เพราะเสียงที่ดังอยู่ข้างหูเขาตอนนี้มีต้นกำเนิดมาจากศีรษะของเด็กวัยไล่เลี่ยกันกับเขา ใบหน้าที่ขาวซีดนั้นกำลังแสยะยิ้มให้เขา
หัวเด็กปริศนา
“แม่ !” แมนพุ่งตัวออกจากห้องนอนด้วยความตกใจกลัว แต่แล้วเขาก็เห็นว่าแม่ของเขากำลังจะเข้ามาหาเขาที่ห้องพอดี
“เป็นอะไรของเอ็ง ออกมาพอดีเลย แม่เอกเขามาหาเอ็ง ไปเล่นซนกันที่ไหน ทำไมเอกถึงไม่กลับบ้าน ?” คำพูดของแม่ทำเอาแมนงงเป็นไก่ตาแตก ลืมเรื่องความฝัน และเรื่องแปลก ๆ ที่เจอไปจนหมดสิ้น
เขาเล่าให้แม่ของเขาและแม่ของเอกฟังว่าเขากับเพื่อน ๆ ไปเล่นซ่อนแอบกันในป่า แล้วหาเอกไม่เจอจึงคิดว่าเอกกลับบ้าน พวกเขาจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน เมื่อแม่ของเขาได้ฟังก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เอ็งกับเพื่อนไปเล่นซ่อนแอบกันในป่าในเวลาพลบค่ำแบบนั้นเนี่ยนะ !” ผู้เป็นแม่พูดพลางกวาดสายตามองหาไม้เรียวที่ไม่รู้ว่าลูกชายตัวดีแอบเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน แต่เมื่อหันไปเห็นใบหน้าอันซีดเผือดของแม่เอก เธอจึงสงบอารมณ์ลง “เรื่องทำโทษเอาไว้ก่อน เราไปช่วยตามหาเอกกันเถอะ”
กลุ่มดวงไฟจากไฟฉายเคลื่อนที่เป็นจุด ๆ นับสิบดวงกำลังลุยดะเข้าไปในป่าเพื่อตามหาเด็กชายที่ไม่รู้ว่าจะมีชะตาเป็นอย่างไร เด็กตัวเล็ก ๆ หายตัวไปในป่าแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเด็กหายไปในป่า เพราะมันมักจะเกิดขึ้นทุกปีราวกับว่าป่าแห่งนี้เป็นป่าอาถรรพ์ที่ต้องใช้ชีวิตของเด็กเป็นเครื่องสังเวย
ชาวบ้านช่วยกันตามหาทุกซอกทุกมุม แม้กระทั่งโพรงไม้เก่า ๆ ทั้งร้องตะโกนอยู่ทั้งคืนจนเสียงแหบแห้งแต่ก็ไร้เงาของเด็กชาย ในขณะที่ผู้เป็นแม่ได้แต่ร้องไห้แล้วร้องไห้อีกจนเป็นลมล้มพับไปนับครั้งไม่ถ้วนเพราะความเป็นห่วงลูกชาย
เมื่อหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอผู้นำหมู่บ้านจึงทำพิธีขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขา เพราะเด็ก ๆ พวกนี้อาจไปทำพฤติกรรมอะไรที่ไม่เหมาะสมเข้า เอกจึงถูกผีเอาไปซ่อน เมื่อพิธีเริ่มขึ้นแม่ของเอกจึงยกมือขึ้นไหว้แล้วกล่าวกับเจ้าป่าเจ้าเขาว่า
"ข้าแต่เจ้าป่าเจ้าเขา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อารักษ์หมู่บ้านนี้ เวลานี้ลูกหลานของข้าได้หายตัวไป หากเกิดแต่สิ่งอันที่มองไม่เห็นบันดาลให้เป็นไป ข้าก็ขอยกโทษโปรดอภัยให้ลูกหลานข้าที่ได้เผลอไปล่วงเกินพวกท่านด้วย ขออโหสิให้ลูกหลาน ให้ได้เจอในคืนนี้ด้วยเถิด สาธุ" แม่ของเอกเอ่ยทั้งน้ำตา ทำเอาคนอื่น ๆ ที่อยู่ในที่นั้นพลอยสลดไปด้วย แต่แล้วแมนก็รู้สึกได้ถึงสายลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านร่างของเขาไป เขาจึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เล่นซ่อนหาตอนกลางคืนระวังผีจะบังตา
วี้ด วิ้ว !
แมนตัดสินใจผิวปาก เพื่อส่งสัญญาณเรียกเพื่อน แต่ทันทีที่แมนผิวปากออกไปเขาก็โดนฝ่ามือของใครบางคนฟาดเข้าที่ศีรษะอย่างจังจนเด็กชายเกือบล้มหน้าคะมำ
“ใครสั่งใครสอนให้เอ็งผิวปากในป่า รู้ไหมว่ามันคือการเรียกภูตผี มึงนี่นะ !” ผู้เป็นแม่เอ่ยพลางทำหน้าถมึงทึงด้วยความไม่พอใจ แต่ราวกับปาฏิหาริย์เพราะจู่ ๆ ก็มีเสียงผิวปากตอบกลับมา ชาวบ้านทุกคนตกใจก่อนจะพยายามเงี่ยหูช่วยกันฟังเพื่อหาทิศทางของเสียง
วี้ด วิ้ว !
มันเป็นเสียงผิวปากที่ดูไร้เรี่ยวแรง และแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ทุกคนต่างรีบวิ่งไปตามเสียงผิวปากปริศนาจนในที่สุดหัวหน้าหมู่บ้านก็อุ้มร่างอันอ่อนปวกเปียกของเด็กชายออกมาจากโพรงใต้ต้นไม้ ทั้ง ๆ ที่จุดนั้นพวกเขาได้ค้นหาไปแล้ว แต่กลับเจอเด็กชายในนั้นอย่างน่าประหลาดใจ
เด็กชายเนื้อตัวเปียกปอน และดูมอมแมมราวกับเพิ่งไปผจญกับอะไรบางอย่างมา เด็ก ๆ ต่างดีใจแล้วพุ่งเข้าไปหาเพื่อน เอกได้ยินเสียงจึงลืมตาขึ้นมองเพื่อน ๆ เล็กน้อยก่อนที่เขาจะหลับไปด้วยความเพลีย
กว่าจะเจอเด็กชายก็จวนจะเช้าแล้ว ชาวบ้านต่างพากันแยกย้ายกลับบ้านไปพักผ่อน ในขณะที่แมนก็เดินตามแม่กลับบ้านด้วยสองอารมณ์ ใจหนึ่งก็ดีใจที่เจอเพื่อน แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากกลับบ้านเพราะรับรู้ได้เลยว่าถ้าถึงบ้านต้องโดนแม่ตีจนหลังลายที่เขาแอบไปเล่นซ่อนแอบในป่าในเวลากลางคืนเป็นแน่
ติดตามเราผ่าน Facebook พร้อมเรื่องสั้นสยอง และเรื่องราวสนุกได้ที่
โฆษณา