3 พ.ย. 2021 เวลา 13:20 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่อง...มนต์รักข้ามภพ
เขียน...CORDIA
หมวด...นิยายรักผู้ใหญ่
ตอนที่ 18
ทำลูกกับว่าที่น้องเขย
"เอ่อ ข้า กะ กำลังจะกลับเรือนเจ้าค่ะ" เกสรเบะปากน้อย ๆ เพียงเสี้ยววินาทีเมื่อรู้ว่าเด็กสาวตรงหน้าตอบไม่ตรงคำถาม แต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อยอมปล่อยไปแต่โดยดี เพราะคนที่เธอต้องการจะพบไม่ใช่เดือนแรม
หลังจากที่เดือนแรมเดินไปพ้นรัศมีของสายตาแล้ว เกสรจึงเดินตรงไปยังท่าน้ำด้านหลัง เพราะรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ตรงนั้นและเธอต้องการพบเพื่อเจรจาบางสิ่งบางอย่าง แต่แล้วเธอก็ต้องผงะเมื่อมีคนพุ่งมาจากด้านหลังมากอดเธอแล้วยังซุกไซร้ใบหน้าตรงซอกคอระหง เกสรรู้ได้ทันทีว่าบุคคลปริศนาคนนี้เป็นใคร เธอไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนแต่อย่างใดกับปล่อยให้เขาลวนลามเธอ มือหนาของเขาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง จับพลิกตัวเกสรให้หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขา
"ไยเจ้ามาช้าเยี่ยงนี้แม่เดือนแรม ปล่อยข้ารอเสียนาน เฮ้ย!" หมื่นพรรธน์ยศตกใจจนพลั้งมือผลักร่างของเกสร จนเธอล้มก้นกระแทกพื้น เมื่อได้สติแล้วจึงรีบเข้าไปพยุงเกสรขึ้นมา
"ข้าขอโทษ ข้าคิดว่า...ว่าเป็นคนอื่น" เขาบอกเธอด้วยเสียงตะกุกตะกักมีพิรุธ เกสรแสยะยิ้มอย่างคนรู้ทัน
"คิดว่าข้าเป็นแม่เดือนแรมรึ ใช่ลือไม่พ่อทิศ"
"เจ้าพูดกระไร" เขาหลบสายตา เธอจึงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าคนโกหกยังไม่ยอมรับ
"นี่มิใช่ครั้งแรกที่ข้าเห็นท่านกับแม่เดือนแรม ข้าจักบอกท่านพ่อกับท่านแม่ก็ย่อมทำได้แต่ข้ามิทำเพราะข้าจักรอดูว่าเจ้าจักแก้ไขมันลือไม่" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เธอเห็นความวิตกกังวลในแววตาคู่นั้นอย่างชัดเจน
"ข้าขอโทษ ได้โปรดอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านอาหรือผู้อื่นเลยขอรับ ถือว่าเห็นแก่แม่ปรางด้วยเถิด" หมื่นพรรธน์ยศทรุดกายลงนั่งคุกเข่าลงที่พื้น ก้มหน้าลงต่ำ เขาสำนึกผิดที่ทำเรื่องน่าละอายจนไม่น่าให้อภัยได้ เขาคงต้องเลิกยุ่งกับเดือนแรมเสียแล้วกระมัง จะได้ไม่มีเรื่องครหาระหว่างพี่น้อง
"ก็ได้ เรื่องนี้ข้าจักมิบอกผู้ใด" คำพูดแสนง่ายดายของเกสรทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง เธอจึงมือลูบหน้าคมคายของเขา
"แต่เจ้าต้องช่วยข้า"
"ช่วยกระไรขอรับ"
"มีลูกกับข้า ข้าต้องการตั้งครรภ์" เกสรบอกเจตนารมณ์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาที่จ้องมองหมื่นพรรธน์ยศเต็มไปด้วยความหวัง ความต้องการเอาชนะ
"แม่เกสรเจ้าพูดกระไร แม่เป็นเมียของพ่อแปดหนาไยจักให้ข้าทำเยี่ยงนี้เล่า ขืนพ่อแปดทราบเรื่องคงมิไว้ชีวิตข้าเป็นแน่" หมื่นพรรธน์ยศขยับกายลุกขึ้นยืนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เกสรกับขุนปวรรัชดลแต่งงานกลับมาหลายปีไม่มีลูก ทำไมถึงคิดอยากจะมีลูกในเวลานี้
"ทำลูกกับข้าลือจักให้ข้าบอกความจริง ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้พี่แปดก็มิไว้ชีวิตเจ้าดอกกระมัง เจ้าก็จักมิได้ผู้ใดเป็นเมียสักคน"
หมื่นพรรธน์ยศเงียบไปพักใหญ่เหมือนเขากำลังใช้ความคิดสลับกับมองหน้าเกสรซึ่งเป็นเมียของพี่ชายที่เขารักและเคารพ เขาไม่อยากเลือกทำเช่นนี้เลย แต่หากไม่เลือกเกสรอาจจะนำเรื่องบัดสี เรื่องต่ำช้าที่เขาทำลงไป ไปบอกท่านพระยาฯ ท่านหญิงเทียน และขุนปวรรัชดล จะยิ่งทำให้เกิดเรื่องบาดหมางขึ้นแน่ บิดาของเขากับพระยาเกรียงไกรเป็นสหายสนิทกัน เรื่องต่ำช้าเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
"เมื่อใด"
เกสรยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินคำถามของหมื่นพรรธน์ยศ เธอก้าวเท้าออกไปหาเขาช้า ๆ สองแขนอวบอิ่มยกคล้องคอเขาเหนี่ยวรั้งให้เข้ามาใกล้แนบกลีบปากบาง เขาเข้าใจในทันทีว่านี่คือคำตอบที่เขาได้รับทั้งคู่แลกจูบกันอย่างดูดดื่ม หมื่นพรรธน์ยศผลักดันให้เกสรเข้าไปด้านหลังของต้นไม้ใหญ่เพื่อเป็นเกราะกำบังหากมีคนผ่านมาจะได้ไม่ประเจิดประเจ้อเกินงาม
สไบที่ห่มกายบัดนี้ถูกปลดร่วงลงไปกองแทบเท้าเนินอกอวบอิ่มประจักแก่สายตา สิ่งสวยงามกลมกลึงใหญ่โตทำให้หมื่นพรรธน์ยศต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอดังเอือก เรือนร่างทุกส่วนสัดของเกสรงดงามอวบอิ่มน่าสัมผัสแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมขุนปวรรัชดลผู้เป็นสามีของเธอถึงได้ทิ้งให้เดียวดายเปลี่ยวใจเช่นนี้ หากเป็นเขาคงให้อยู่ใกล้ชิดติดกายไม่ห่างไปไหนแน่ เขาใช้มือหนากอบกุมโอบอุ้มเต้างามอย่างหลงใหล
"งามนัก" เขาหลุดปากพูดออกมาด้วยความเผลอไผล เกสรอมยิ้มนิด ๆ เมื่อโดนชมซึ่งหน้า เธอไม่คิดว่าการทำผิดศีลธรรมเช่นนี้จะทำให้เธอมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งชีวิตของเธอมีเพียงขุนปวรรัชดลเท่านั้นที่ได้ชมเชยเรือนร่างเปลือยเปล่าเช่นนี้
////ปิดเนื้อหา////
"แล้วเรื่องของเดือนแรมกับข้าเล่า ท่านจักปิดเป็นความลับลือไม่"
"หึ ก็ต้องขึ้นอยู่ว่าข้าจักท้องไหม แล้วเราก็ต้องทำแบบนี้จนกว่าข้าจักท้อง"
น้ำตาของเด็กสาวไหลอาบแก้มเมื่อเห็นชายที่เธอแอบมีใจให้และเป็นคนที่ทำให้เธอรู้จักคำว่ารัก กำลังทำอย่างที่เขาทำกับเธอที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น เดือนแรมตัดสินใจเดินย้อนกลับมาทางเก่าเพราะคิดว่าเกสรน่าจะเพียงแค่เดินผ่านไปยังเรือนของเธอเองเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าการเดินย้อนกลับมาเพราะเป็นห่วงเขาจะทำให้เธอได้เห็นภาพบาดตาเช่นนี้
เดือนแรมพยายามพาร่างกายและจิตใจอันบอบช้ำกลับมาที่เรือน เธอพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ยามเดินผ่านห้องของมารดา เมื่อเข้ามาภายในห้องเดือนแรมปล่อยโฮร้องไห้ออกมาเธออ้าปากส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงร้องนั้นออกมาเพื่อลมอากาศเท่านั้นมันเจ็บอย่างที่ไม่เคยเจ็บ เธอเพิ่งรู้แจ้งเดี๋ยวนี้นี่เองว่าคำว่าอกหักเป็นเช่นไร เธอรักเขาจนสุดหัวใจเพราะเขาคือผู้ชายคนแรกและจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่ได้ร่างกายและหัวใจเธอ
หลังจากวันที่เธอแอบเห็นหมื่นพรรธน์ยศกับเกสรพลอดรักกันนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้หมื่นพรรธน์ยศมาหาเธอ แต่ก็อยู่กับเธอเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นเขาไม่ได้นอนกอดค้างคืนกับเธอเช่นที่ผ่านมา เมื่อไร้เงาของชายคนรักเดือนแรมก็นอนร้องไห้ทุกคืนเธอนอนหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตาทุกคืน
ท่านหญิงเป็นแม่งานจัดงานรับขวัญลูกชายของท่านพระยาเกรียงไกรที่เพิ่งลืมตาลูกโลกเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นลูกชายที่เกิดจากนางทองเมียบ่าวของท่านพระยาฯ และยังเป็นบ่าวรับใช้แม่หญิงเกสรลูกสะใภ้ของท่านด้วย พิธีกรรมรับขวัญทารกแรกเกิดหรือพิธีต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าบ้าน เป็นพิธีที่สืบทอดถือปฏิบัติมาอย่างช้านาน จะนิยมทำขวัญให้แก่ทารกจากวันแรกที่คลอดออกมาจากครรภ์มารดาหรือไม่เกินเจ็ดวัน สายสิญจน์ผูกข้อมือทารกน้อย โดยมีหมอตำแยมาทำหน้าที่ยกกระด้งร่อนไปมา ตามธรรมเนียม
"อายุมั่นขวัญยืนหนาลูกเอ๋ย มาเป็นลูกแม่ให้ได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นเจ้าขุนมูลนายเหมือนพี่เจ้าหนา"
"ขอบน้ำใจหนาท่านหญิงที่จัดพิธีทำขวัญให้ลูกของพี่" ท่านพระยาฯ กล่าวขอบคุณศรีภรรยาจากใจจริง พร้อมจับมือและมอบรอยยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
ทองคลานเข่าเข้ามากราบเท้าของท่านพระยาฯ และท่านหญิงเทียนที่เมตตาเธอกับลูก ท่านหญิงหยิบถุงสีแดงกำมะหยี่ที่บรรจุอัฐอยู่จำนวนหนึ่งยื่นให้นางทองรับไป ก่อนจะหยิบกำไลทองข้อเท้าหนึ่งคู่ไว้ให้นางทองสวมข้อเท้าให้ลูกน้อย
"เจ้าชื่อทองคำหนาเจ้าตัวจ้อย ข้าตั้งชื่อให้ว่าทองคำจักได้คล้องกับชื่อของแม่มัน ว่าเยี่ยงไรเจ้าคะท่านพี่"  ท่านหญิงตั้งชื่อให้แก่ลูกชายคนเล็กของท่านพระยาฯ แม้แต่ชื่อเดือนแรมท่านหญิงก็เป็นคนตั้งชื่อนี้ให้โดยให้เหตุผลว่าเป็นชื่อที่คล้องกับชื่อของมารดาผู้ให้กำเนิด
"ทองคำเป็นมงคล พี่ชอบชื่อนี้ บัดนี้ต่อไปลูกมึงชื่อทองคำหนาอีทองเลี้ยงมันให้ดีอย่างที่ท่านหญิงตั้งหวังเอาไว้"
"เจ้าค่ะท่านพระยา บ่าวจักเลี้ยงดูพ่อทองคำเป็นอย่างดี"
เป็นจังหวะที่ขุนปวรรัชดลกับแม่หญิงเกสรเดินขึ้นมาบนเรือน ขุนแปดมองเด็กที่นอนอยู่ในกระด้งด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง บิดาอายุล่วงเลยมาถึงวัยชราและยังป่วยกระเสาะกระแสะแต่ยังสามารถให้กำเนิดลูกชายได้ เพราะเหตุใดเขาจึงไม่มีลูกเป็นของตัวเองเสียที สิบปีที่อยู่กินกันมาก็ไม่มีวี่แววจะมีลูกเลย
"อ้าว….พ่อแปด มาแล้วรึ เข้ามาดูน้องชายเจ้าเสียสิ น่าเกลียดน่าชังนัก" ท่านหญิงกวักมือเรียกลูกชาย แม้จะมีเรื่องร้อนใจไม่เว้นวัน น้องสาวก็ยังตามหากันไม่เจอแต่ก็ยังมีข่าวดีให้คนบนเรือนได้สุขใจบ้าง
"น่าเกลียดน่าชังเสียจริง เป็นพ่อชายงั้นรึมีนามว่ากระไรเล่าอีทอง"
"ท่านหญิงตั้งชื่อให้ว่าพ่อทองคำเจ้าค่ะ"
ขุนปวรรัชดลสั่งให้หมอตำแยยกกระด้งเข้ามาใกล้เพื่อพินิจมองดูความน่าเกลียดน่าชังของทารกน้อยที่มีอายุได้เพียงห้าวันเท่านั้นแต่ผมหนาดกดำ หาเขามีลูกจะหน้าตาเป็นเช่นนี้ไหม เมียเหมือนรู้ความนึกคิดของผู้เป็นสามีแม่หญิงเกสรวางมือทาบทับบนหลังมือของขุนปวรรัชดลแล้วนวดคลึงเบา ๆ อย่างเข้าใจความรู้สึกของสามี
เพื่อนสนิทของมารดาแวะเวียนมาหาที่เรือนมาพร้อมกับหลานสาวหน้าตาสะสวยร่างบอบบางผิวขาวเนียนสวย ขุนปวรรัชดลถูกเรียกหา คราแรกภรรยาจะไม่ขอตามมาด้วยแต่เมื่อบ่าวแจ้งเหตุผลจึงทำให้ศรีภรรยาไม่ใคร่จะพอใจขอตามสามีมาพบมารดาที่เรือนใหญ่ด้วย
"ไหว้ท่านหญิงป้าปิ่นทองสิลูก นี่แม่นิ่มหลานสาวของป้าปิ่นทอง แม่นิ่มนี่พี่แปดเป็นลูกชายของป้าเองส่วนนี่แม่เกสรเมียพ่อแปด" ท่านหญิงเทียนแนะนำให้ทั้งสี่คนได้รู้จักกัน
"ไหว้พระเถิด โตขนาดนี้เลยรึ โอ้….ข้ามิได้เจอกับแม่เทียนกี่ปีแล้วหนาลูกชายโตจนมีเมียแล้ว อย่าถือสาคนแก่เลยหนาพ่อเอ้ย" ท่านหญิงปิ่นทองหรี่ตามองเพราะสายตาเริ่มฝ้าฝางมองเห็นอะไรไม่ชัดเหมือนแต่ก่อนแล้ว
"ยี่สิบกว่าปีได้แล้วกระมัง อยู่พักค้างอ้างแรมที่เรือนสักวันสองวันค่อยกลับหนาแม่ปิ่นทอง ประเดี๋ยวจักให้บ่าวพาไปดูห้องหับว่าพออยู่ได้หรือไม่"
"ขอบน้ำใจมากแม่เทียน" ท่านหญิงปิ่นทองกล่าวขอบคุณท่านหญิงเทียน
ท่านหญิงปิ่นทองเพื่อนสนิทของท่านหญิงเทียนสมัยยังเป็นสาว ต่างคนต่างออกเรือนจึงทำให้การติดต่อสื่อสารห่างหายไปนาน จนกระทั่งน้องชายและน้องสะใภ้เสียชีวิตจึงทำให้ท่านหญิงปิ่นทองต้องมารับหลานสาวเพียงคนเดียวไปเลี้ยงดูต่อ ก่อนกลับได้แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าด้วย เมื่อได้พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันจึงทำให้ทราบปัญหาชีวิตคู่ของบุตรชายเพื่อนสนิท จึงแนะนำหลานสาวที่อยู่ในวัยแรกแย้มให้เป็นท่านหญิงเทียนพิจารณา เผื่อจะได้มีหลานค่อยอุ้มชูมหวังดังใจหมายกับเขาบ้าง
"ท่านแม่เรียกข้ามามีอันใดลือขอรับ" ขุนปวรรัชดลใคร่สงสัยว่าเหตุใดมารดาถึงได้เรียกตนมาพบทั้งที่แขกที่มาเยือนที่เรือนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาเลย
"ก็มิมีสิ่งใดดอก แม่นิ่มเป็นเยี่ยงไรบ้างเล่าลูก ถูกใจเจ้าลือไม่"
"หมายความเยี่ยงไรเจ้าคะ ท่านแม่ใคร่ถามพี่แปดเยี่ยงนั้น" แม่เกสรรีบสวนขึ้นมาทันทีที่แม่สามีพูดจบ เธอตีความเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากว่าท่านหญิงกำลังคิดหาเมียให้ลูกชายเพิ่ม แค่เมียบ่าวที่ผัวตนเองไปยุ่งเกี่ยวก็พาลให้ปวดหัวแล้ว
"นางก็…กิริยามารยาทงดงามดีขอรับ น่าจักรุ่นราวคราวเดียวกับแม่เดือนแรม" ขุนปวรรัชดลหาใส่ใจอาการหึงหวงของภรรยาไม่
"โตกว่าแม่เดือนแรมแค่ปีเดียว หากเจ้าสนใจแม่จักทาบทามสู่ขอมาให้" ท่านหญิงเทียนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของลูกสะใภ้นัก เพราะมันไม่ได้สำคัญอะไร
"ข้ามิยินยอม แค่อีแต้มกับพวกบ่าวที่ขึ้นมาปรนเปรอก็มากพอแล้วกระมังไยท่านแม่ถึงคิดจะหาเมียให้ผัวของข้าอีก" เกสรประท้วงแม่สามีทันที
"อย่าเห็นแก่ตัวนักเลยแม่เกสร แม่หาคนมาดูแลผัวของเจ้าเพิ่ม เจ้าน่าจักดีใจแลยินดี ครอบครัวของเจ้าจักได้สมบูรณ์เหมือนผู้อื่นเสียที รอเจ้าท้องก็มิรู้จักมีบุญวาสนาไม่" คำพูดแทงใจดำจากแม่สามีทำให้เกสรไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้อีกเพราะทุกอย่างล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้น เธอคงไม่มีบุญวาสนาได้เป็นแม่คนเหมือนคนอื่น
อีกไม่นานดอกเจ้าค่ะ ข้าจักมีลูกให้ผัวของข้าให้จงได้  แม่เกสรพูดในใจด้วยความเคือนชุ่นแม่สามีที่ขยันสรรหาผู้หญิงมาประเคนให้กับลูกชายของตน
"อุ๊บ โอ๊กกกกกก!!!! อ๊อกกกกกก!!! แหวะ!!!!"
"นั่นแม่เกสรเป็นกระไรรึ ไยถึงสำรอกออกมาเช่นนี้" ท่านหญิงเทียนกลับมาจากตักบาตรพระกับเดือนแรม เดินผ่านเรือนของขุนปวรรัชดลจึงทันได้ยินและเห็นเหตุการณ์พอดี จึงเดินขึ้นเรือนไปดูว่าเสียงเมื่อครู่คืออะไร
"ท่านแม่"
"เจ้าเป็นกระไร" ท่านหญิงเข้าไปนั่งข้าง ๆ เพื่อดูอาการลูกสะใภ้
"มิทราบเจ้าค่ะ สองวันมานี้ข้าอ้วกมิหยุดเลย มิรู้ไปกินกระไรผิดสำแดงมา"
"อ้วกเฉพาะตอนเช้ารึ เหม็นข้าวปลาลือไม่"
"ท่านแม่รู้ได้เยี่ยงไร ท่านรู้ลือเจ้าคะว่าข้าเป็นกระไร" อาการที่แม่สามีเอ่ยถามเธอ มันตรงกับที่เธอเป็น ทำให้เกสรมีความกังวลใจไม่น้อย ช่วงนี้เธอกินอะไรก็ไม่ได้ รู้สึกเบื่ออาหารเหม็นฉุนไปหมด กินได้เพียงนิดก็อาเจียนออกมาหมด
"แม่เดือนแรมไปบอกอ้ายไฟให้ไปตามหมอยาที่ท้ายหมู่บ้านมาดูอาการของแม่เกสรที่เรือน" ท่านหญิงเทียนหันไปสั่งเดือนแรมที่นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นเรือน เธอรับคำก่อนจะคลานเข่าลงจากเรือนไป
"แล้วพ่อแปดเล่า" ท่านเอ่ยถามถึงลูกชาย มองหน้าลูกสะใภ้ที่ทำสีหน้าเอือมระอาจึงรู้ได้ทันทีว่าขุนปวรรัชดลหายไปไหน จึงหันไปสั่งให้นางทองไปตามมา
เมื่อหมอยามาตรวจร่างกายให้เกสรแล้วเรียบร้อยทำให้สร้างความดีใจและยินดีให้กับเธอและขุนปวรรัชดล เพราะว่าแม่เกสรตั้งครรภ์อ่อน ๆ ขุนปวรรัชดลดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่กระโดดกอดบิดามารดาที่ตนเองนั้นจะได้มีลูกกับเขาเสียที แต่มีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่รู้ว่าลูกในท้องของเกสรไม่ใช่สายเลือดของขุนปวรรัชดล เดือนแรมมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่อยากจะปิดบังให้พี่ชายของเธอนั้นกลายเป็นคนโง่เขลาให้เมียรักกับชู้สวมเขา แต่ก็ทำได้เพียงแค่เงียบปากเท่านั้น
เกสรกลับมามีตัวตนในสายตาของสามีอีกครั้ง ตั้งแต่ขุนปวรรัชดลรู้ว่าเธอท้อง เขาดูแลเธอเป็นอย่างดีและอยู่กับเธอตลอดทั้งวันและทั้งคืน ไม่แอบไปหาเมียบ่าวคนใด รู้อย่างนี้แล้วเธอน่าจะใช้วิธีนี้ตั้งนานแล้วไม่น่าปล่อยเวลามาเนิ่นนานหลายปีเลย
"พี่เป็นผัวที่มิได้เรื่องเลยแม่เกสร หากพี่ดูแลเจ้ารักเจ้าให้มากกว่านี้พี่คงได้อุ้มลูกของเรานานแล้ว พี่ขอโทษ" ขุนปวรรัชดลรู้สึกผิดที่คิดไม่ดีกับภรรยา เพราะคิดว่าเกสรไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ จึงไม่คิดที่จะสนใจใส่ใจเธอแต่กลับไปสนใจแต่กับพวกบ่าวไพร่ในเรือน เขาอยู่กับอีแต้มมากกว่ากับภรรยาที่แต่งงานกันมานาน
เกสรยกมือลูบใบหน้าคมคายของสามีด้วยความรักเธอไม่ได้โกรธหรือเกลียดเขาเลย เพียงแต่เธอแค่น้อยใจและผิดหวังเท่านั้นเอง เพราะเธอรู้ดีว่าความจริงเป็นเช่นไร
"อย่าโทษตนเองเลยเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรเสียน้องก็มีลูกให้พี่ขุนแล้ว ลูกของเรา" เธอจับมือหยาบของสามีมาวางทาบหน้าท้องที่นูนขึ้นมานิดหน่อย
"ขอบน้ำใจเจ้ามาก ต่อไปนี้พี่จักดูแลเจ้ากับลูกให้ดีที่สุด"
โฆษณา