3 พ.ย. 2021 เวลา 05:30 • ไลฟ์สไตล์
[ไขข้อสงสัย] วิปปิ้งครีมแบบ "Dairy" กับ "Non-Dairy" แตกต่างกันยังไง ?
ต้องบอกก่อนเลยว่าหัวข้อนี้ พวกเราไม่ได้เริ่มต้นจากการสงสัยของเราเอง
แต่ว่าได้มาจากแฟนเพจท่านหนึ่ง ที่ได้หลังไมค์มาหาพวกเราว่าอยากทราบความแตกต่างในเรื่องของครีม โดยเฉพาะวิปปิ้งครีมแบบ "Dairy" กับ "Non-Dairy"
หลังจากที่ได้อ่านคำถาม ก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที (สงสัยไปถึงว่า ทุกวันนี้เราทานครีมแบบไหนนะ อารมณ์แบบว่าลืมสังเกตไปเลย)
ถ้างั้นวันนี้พวกเรา InfoStory ขออนุญาตนำสิ่งที่พวกเราได้ทำการค้นหาและรวบรวมคำตอบของข้อสงสัยนี้ กับภาพอินโฟกราฟิกสุดสบายตากันเช่นเคย 🙂
ต้องขอขอบพระคุณ คุณลูกเพจที่เสนอหัวข้อที่ชวนไขข้อสงสัยมาให้พวกเราด้วยนะคร้าบ ^^
สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากอ่านเพิ่มเติมกันต่อ พวกเราขอนำเสนอเรื่องราวสั้น ๆ เกี่ยวกับต้นกำเนิดของวิปครีม มาให้เพื่อน ๆ อ่านกัน
นับตั้งแต่ครีมได้กำเนิดขึ้นมาจากนวัตกรรมการผลิตที่ต่อยอดการนำผลิตภัณฑ์จากโคนม (เอาง่าย ๆ คือนมวัว) มาใช้ประโยชน์
ซึ่งได้ถูกบันทึกไว้ว่ามีการเริ่มใช้มายาวนาน ตั้งแต่ประมาณช่วงศตวรรษที่ 13-14
โดยว่ากันว่าชาวยุโรปเริ่มรู้จักเจ้าครีมนมสดเนี่ย มาจากชาวอินเดีย
แต่ก็มีบันทึกของชาวโรมันที่เขียนไว้ว่า “ครีม” ได้ถูกเริ่มต้นคิดค้นและใช้โดยชาวโรมัน ในช่วงศตวรรษที่ 9 ตะหากละ...
สารภาพเลยว่าพวกเราเองไม่คาดคิดว่าครีม มันจะถูกคิดค้นและใช้มาอย่างยาวนานขนาดนั้น
เรากลับนึกไปเองว่าการผลิตครีม มันค่อนข้างจะเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ทางอาหาร ซึ่งคิดว่าน่าจะต้องเกิดในยุคสมัยใหม่ อย่างเช่น ประมาณช่วงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (ช่วงศตวรรษที่ 18-19) ซึ่งก็ผิดถนัดเลยละ แห่ะ ๆ
อะ...แต่ไม่ว่าจะเถียงเรื่องราวของต้นกำเนิดของครีม ยังไงก็ตามนะ
พวกเราในฐานะผู้บริโภค ก็คงไม่ได้ต้องการจะสนใจเรื่องราวที่มากมายไปกว่านี้…
แต่ไหน ๆ พวกเราก็ทำการค้นหามาแล้ว อีกทั้งเพื่อน ๆ เอง ก็อ่านมาถึงตรงนี้แล้วด้วย หยั่งงั้นพวกเราก็ขออนุญาตแชร์เพิ่มเติมสั้น ๆ เกี่ยวกับ ต้นกำเนิดของวิปครีมวิปครีมกันนิดนึง
อย่างที่เพื่อน ๆ อาจทราบกันมาบ้างแล้วว่า "วิปครีม (Whipped Cream)" คือวิปปิ้งครีม (Whipping Cream) ที่นำมาตีขึ้นรูปจนฟูฟ่อง
ซึ่งวิธีการทำวิปครีม อาจจะดูเหมือนว่าเป็นวิธีการทำอาหารที่สมัยใหม่มาก…
แต่แท้จริงแล้ว อาจไม่ใหม่ขนาดนั้นน่ะสิ (เอาอีกแล้วเหรอ..)
นั่นก็เพราะว่า การทำวิปครีม ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดมาจากชาวอิตาลี ประมาณปี ค.ศ. 1549
ก่อนที่ต่อมาชาวฝรั่งเศสจะนำวิธีการทำวิปครีม มาพัฒนากับสูตรอาหารโดยเฉพาะขนมหวานเช่น เค้กนมสด หรือนำไปตกแต่งบนขนมต่าง ๆ ซึ่งการนำวิปครีมที่สดใหม่แต่ดูอ่อนนุ่มนี้ ชาวฝรั่งเศสก็จะเรียกว่า “Chantilly cream (crème fouettée)”
Chantilly cream
ในเวลาต่อมา ครีมที่มาจากทั้งชาวอิตาลีและฝรั่งเศสจะถูกบันทึกลงใน “Oxford English Dictionary” ในช่วงปี ค.ศ. 1673 โดยชาวอังกฤษว่า “Whipped Cream”
พอหาไปหามา ก็พบเรื่องราวชวนขบขันเบา ๆ อยู่เรื่องหนึ่งคือ ในช่วงก่อนที่คำว่า “Whipped Cream” จะถูกบันทึกขึ้นมาโดยชาวอังกฤษ
เพื่อน ๆ ทราบไหมว่า ?
ชาวอังกฤษน่ะ เขารู้วิธีการทำวิปครีม มาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1550 กันแล้ว ซึ่งว่ากันว่ามาจากชาวอิตาลีและฝรั่งเศสที่มาอาศัยในเกาะอังกฤษ
เนื่องจากชาวอังกฤษเองก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร ก็เลยเรียกมันตรง ๆ ตามลักษณะภายนอกที่เห็นและผ่านการเรียกของชาวฝรั่งเศส ว่า “Milk Snow (A Dyschefull of Snow)” หากแปลเป็นไทยก็คงจะเรียกว่า “นมหิมะ” ซึ่งอาจจะชวนให้นึกถึงบิงซูกันในปัจจุบันไปแทนได้
เมนู Dyschefull of Snow
ซึ่งก็ใช้เวลานานกว่าเกือบร้อยปี ถึงจะมีการเรียกออกมาเป็นชื่อที่ติดหูพวกเราอย่าง “วิปครีม”
ก็น่าแปลกดีนะ ที่หลากหลายชาติในยุโรปที่เข้ามาแย่งกันเคลมว่าเป็นผู้คิดค้นครีมหรือบันทึกคำว่าวิปครีม
อันที่จริงแล้ว ถ้าแย่งกันแบบนี้ เราก็อาจจะเรียกได้ว่าเลยว่าวิปครีม เป็นการประยุกต์ใช้ทางอาหารรูปแบบหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการกิน ไม่แพ้กาแฟเลยทีเดียว (แต่ส่วนตัวพวกเรามองว่า คงไม่ได้หนักแน่นเท่าวัฒนธรรมกาแฟที่พวกเราชอบนำมาเสนอเนอะ ^^)
หวังว่าเพื่อน ๆ คงจะได้รับสาระสบายสมองกันไปเช่นเคย ซึ่งอาจจะชวนปวดขมับได้เบา ๆ กันไปกับเรื่องสั้นในโพสนี้ (แต่หากเป็นเช่นนั้น พวกเราคงต้องกราบขออภัยเพื่อน ๆ ผู้อ่านไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะคร้าบผม)
โฆษณา