4 พ.ย. 2021 เวลา 06:41
ครั้งหนึ่งเคยมีความคิดว่าเราก็เขียนบทความมาตั้งเยอะแยะหลายบทหลายเรื่องราว ถ้าเราลองเอาบทความที่เขียนไว้นั้นมาเรียงร้อยต่อกันเป็นเรื่องยาวๆจะเป็นยังไงนะ... เมื่อคิดแล้วก็ต้องลองลงมือทำดู ...
ผู้หญิงสีขาว ลูกสาวชาวนา...🌾🌾🌾
เมื่อฉันเห็นต้นไม้ต้นนี้ก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ทำให้หวนคิดถึงชีวิตถึงเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อย วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งนาสีเขียวตั้งแต่เป็นต้นกล้าเล็กๆจนค่อยๆเติบโต จนมีรวงข้าวสีทอง กลิ่นหอมของใบข้าว ใบหญ้า น้ำค้างที่เกาะบนใบไม้ตอนเช้าๆ กลิ่นไอดินยามฝนตก ช่างเป็นธรรมชาติที่สวยงามเหลือเกิน เวลาผ่านไปหลายปี อะไรๆเปลี่ยนแปลงไปมาก ต้นไม้ที่เคยต้นเล็กๆเมื่อตอนเราเป็นเด็ก ตอนนี้เติบโตขึ้นมากจนเอื้อมเก็บดอกไม่ถึง ทุ่งนาที่เคยวิ่งเล่นก็เปลี่ยนแปลงไปจนแทบจะจำไม่ได้ นี่เราทำงานจนไม่ได้กลับมาที่นี่นานเท่าไหร่แล้วนะ เราเป็นเด็กบ้านนอกที่เข้ามาทำงานในเมือง แต่ชีวิตก็ยังยึดติดกับความสมถะ เรียบง่าย และยังคิดถึงกลิ่นอายของธรรมชาติไม่เคยลืมเลือน ทุกครั้งที่ได้กลับบ้านจะคิดถึงที่นี่เสมอ ทุ่งนา ต้นไม้ และชีวิตเมื่อครั้งยังเด็ก
ธรรมชาติยามเย็นที่ไม่ได้เห็นแบบนี้มานานมากแล้วช่างสวยงามจริงๆ แสงอาทิตย์รำไรที่ใกล้จะลับขอบฟ้า ตัดกับปุยเมฆบางๆที่ใกล้จะจางหายไป มองผ่านทุ่งข้าวสีทองไปไกลสุดสายตา ภูเขาที่ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้าเหมือนจะใกล้ แต่จริงๆแล้วไกลลิบ ถ้าไปยืนอยู่ตรงนั้นจะได้ยินเสียงนกน้อยใหญ่ร้องจิ๊บๆกันระงมไม่รู้ว่าคุยอะไรกันก่อนจะเข้านอน มองกลับมาอีกทางมีหมาน้อยวิ่งเล่นกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อากาศหน้าหนาวก็เย็นจับใจ ต้องก่อไฟผิง ควันไฟสีขาวรากับปุยเมฆก็ปลิวพุ่งพัดไปตามสายลมตัดกับความมืดยามที่เแสงอาทิตย์มืดลงไปตามกาลเวลา
บ้านน้อยหลังนี้สุขีเสียจริง
เด็กน้อยเคยเดินวิ่งสนุกสนาน
เวลาผ่านไปเหมือนเพิ่งไม่นาน
ชวนให้คิดถึงวันวานที่ผ่านมา
มองยอดไม้โบยโบกอยู่บนฟ้า
เสียงนกกาเจื้อยแจ้วน่าทึ่งคนึงหา
อีกแมวน้อยเล่นสนุกทุกเวลา
หยอกล้อกันเฮฮาสบายใจ
เสียงแม่ยุ่งหุงข้าวอยู่บนบ้าน
เสียงพ่อขานเรียกลูกมาแต่ไหน
นั่งล้อมวงกินข้าวให้เร็วไว
พอพลบค่ำก็ดับไฟเตรียมเข้านอน
ภาพแบบนี้คนอยู่ในเมืองคงไม่ได้เห็นกันง่ายๆสินะ เด็กบ้านนอกอย่างฉันถึงแม้จะไม่ค่อยรู้จักความหรูหรา ไฮโซอย่างใครเขา แต่นี่คือภาพจำที่คุ้นตามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ที่มองดูยามใดก็สบายตา สบายใจไปทุกที ไม่รู้จักหรอกห้างสรรพสินค้า รู้จักแต่ห้างนามาตั้งแต่เด็กๆ สระน้ำกว้างสุดลูกตา ลู่วิ่งคือทุ่งนาที่อยู่รอบๆ ปลาน้อยปลาใหญ่ก็พากันบ้วนน้ำ บุ๋งๆ พวกเจ้าคงสนุกมากน่าดู แสงแดดที่ส่องกระทบยอดไม้ ก็สว่างพอที่จะเห็นเงาต้นไม้น้อยใหญ่ที่สะท้อนกับน้ำในสระก็สวยไปอีกแบบ หน้าแล้งน้ำก็แห้งขอด ใบไม้ก็ร่วงหล่นราวกับฤดูใบไม้ร่วงที่ต่างประเทศ ท้องฟ้าก็กำลังสวย มีเมฆบางๆล่องลอยอยู่ทั่วไป สายลมแผ่วพัดกระทบใบหน้า ยืนหลับตาแล้วสูดสมหายใจเข้าได้อย่างเต็มปอด มันช่างเป็นอะไรที่สดชื่นนนนน เสียจริงเชียว นี่แหละความหรูหราของฉันที่หาที่ไหนมาเทียบก็ไม่มีวันเหมือน
แดดส่องฟ้าเป็นสัญญาณวันใหม่ พระอาทิตย์ขึ้นส่องแสงพาให้ท้องฟ้าค่อยๆสว่าง บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของอีกวัน และมีการเริ่มต้นของแต่ละชีวิตที่แตกต่างกันออกไปตามหน้าที่ของตน นกน้อยและสัตว์ต่างๆก็เตรียมออกอาหาร เสียงร้องกันเจี๊ยวจ๊าวระงมป่า มนุษย์นั้นหนาบ้างก็หุงหาอาหาร ตามวิถีแบบชนบท บ้างก็ต้องรีบตื่นเตรียมตัวออกไปทำงานตามวิถีของคนเมือง ชีวิตก็ดำเนินไปตามวิถี บางชีวิตโชคดีได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอยู่ต่อไปอีกวัน บางชีวิตต้องบากบั่นต่อสู้แม้แต่ลมหายใจยังแทบจะไม่มีอีกต่อไป ชีวิตก็เหมือนดวงอาทิตย์ที่เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง เดี๋ยวสว่าง เดี๋ยวมืด สลับหมุนเวียนกันอยู่รำ่ไปไม่จบสิ้น เมื่อมีโอกาสได้ตื่นมาพบแสงสว่างของวันใหม่ มีลมหายใจได้ไปต่อ ก็ใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่า อย่าประมาทเพราะไม่มีใครรู้ว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้ตื่นมาเห็นแสงอาทิตย์เช่นวันก่อนๆที่ผ่านมา
แสงสุดท้ายของวัน วันนี้เราผ่านอะไรกันมาบ้างหนอ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาจนกระทั่งถึงตะวันตกดิน เราได้ทำประโยชน์ หรือโทษ กับใครบ้าง
ในหนึ่งวันเราต่างเร่งรีบตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา ภาระหน้าที่มากมายที่รออยู่ ทำให้เรากุลีกุจอไปทำหน้าที่ตรงนั้นจนบางครั้งก็ลืมไปว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วหนอ
นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก็เดินวนไปวนมาไม่รู้กี่รอบ บางครั้งเราไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองเลยว่าผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว วันๆเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานจนไม่ได้สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้างเลยก็มี
ในที่ทำงานเปิดไฟสว่างทั้งวันทั้งคืนจนไม่รู้ว่าข้างนอกนั้นมืดหรือว่าสว่าง ฝนตก ฟ้าร้องถ้าไม่ดังมากจริงๆ ก็คงจะไม่ได้ยิน มารู้อีกที อ้าวพื้นถนนเปียก นี่คือฝนตกใช่ไหม
เวลาเกือบทั้งหมดใช้ไปกับงานในอาคาร จนต้องมานั่งทบทวนว่าเราใช้เวลาตั้งมากมายไปกับอะไรบ้าง แล้วแบ่งเวลาส่วนหนึ่งเพื่อพาตัวเองออกไปมองสิ่งแวดล้อมข้างนอกว่าเป็นยังไงบ้าง
ฉันยอมตื่นเช้ากว่าทุกวันเพื่อออกมาดูว่าพระอาทิตย์ขึ้นตอนไหน และยอมขับรถออกไปไกลๆสักวันเพื่อไปชมความงามของธรรมชาติข้างนอกว่าสวยงามขนาดไหน
รู้มั้ยว่าเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เราได้หยุดพักและออกไปยืนมองแสงอาทิตย์ขึ้นและตกมันช่างสุขใจเหลือเกิน ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่วางทุกอย่างที่เป็นงานลง แล้วพาตัวเองออกไปจากตรงนั้น แค่นี้ก็กอบโกยความสุขกลับมาได้มหาศาลแล้ว
🍀🍀🍀ระหว่างทางกลับบ้าน ขับรถช้าๆไม่ต้องรีบมาก ถนนราดยางที่ทอดผ่านระหว่างเขา บรรยากาศชนบทที่แสนจะเงียบสงบ ไม่มีรถวิ่งสักเท่าไหร่ บางทีรู้สึกเหมือนว่า ถนนสายนี้เป็นของเรา เพราะมีรถฉันอยู่แค่คันเดียว 😃😃😃 ข้างๆทางมีต้นไม้ ทุ่งหญ้า ไร่นา ให้พอได้มองสบายตา ท้องฟ้าเวลานี้สีสดใสไม่มีมวลเมฆบดบัง แสงแดดจ้าก็ร้อนพอตัวแต่ก็ไม่ถึงกับแสบเนื้อตัว หน้าร้อนนี้ดอกไม้ตามชายป่าก็พากันบานสะพรั่ง สวยงามจนต้องจอดรถลงไปเก็บภาพไว้ ...
ดอกไม้ริมทาง ช่างสวยสะอาดตา ตัดกับท้องฟ้าสดดูสะอาดหมดจด สวยงามเหลือเกิน ระยะทางราวๆร้อยกว่ากิโลเมตร ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเหนื่อยกับการเดินทางเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้ฉันขับรถช้าลงและค่อยๆเก็บเกี่ยวภาพความสวยงามระหว่างทาง เมื่อไหร่ที่ขับรถเลยต้นไม้สวยๆก็เกิดความรู้สึกเสียดาย แต่คิดอีกที ไม่เป็นไรนะ ข้างหน้าอาจจะมีดอกไม้สวยๆให้เราได้ชื่นชมอีกก็ได้...
ทุ่งหญ้าสีทองนี้มองไปไกลๆ และกว้างไปสุดสายตา หญ้าที่ตายแล้วแต่ยังคงเกาะกลุ่มกันเป็นผืนราวกับพรมสีทอง ท้องฟ้าที่ดูสะอาดตาช่างเป็นภาพที่ลงตัวเสียจริง...
🚙🚙🚙การเดินทางวันนี้ทำให้เข้าใจว่า ไม่ว่าปลายทาง หรือ ระหว่างทางที่ผ่านมาแล้วนั้น จะเป็นอย่างไร จะสวยงามหรือไม่นั้น ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เราเจอและเก็บเกี่ยวได้ระหว่างทาง เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรไขว่คว้าหรือคาดหวังว่าสิ่งที่จะเจอในอนาคตจะเป็นเช่นไร และไม่ควรยึดติดกับอดีตที่ผ่านมาให้มากนัก แต่ควรเก็บเกี่ยวสิ่งที่พบเจอในปัจจุบัน มีความสุขกับปัจจุบันนั้นให้มากที่สุด อย่ามัวไปแวะเก็บเอาความทุกข์มาเก็บไว้ เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีลมหายใจได้อีกกี่วัน...
5
โฆษณา