4 พ.ย. 2021 เวลา 18:29 • ไลฟ์สไตล์
ผมมองว่าการอ่านเป็นวิธีหนึ่งในการต่อ jigsaw ของภาพรวมในสิ่งที่คุณอยากรู้ครับ คือมันมาจากความสนใจอยากรู้อยากเห็น (curiosity) เป็นแรงผลักดันครับ คือคุณอ่านโดยคุณมีคำถามอยู่ในใจและคุณต้องการหาคำตอบจากสิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่
อย่างผมเป็นคนชอบรถยนต์ เวลาผมอ่านบทความหรือแม้กระทั่งแผ่นพับของรถรุ่นใดรุ่นหนึ่ง ผมจะได้คำศัพท์ใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับรถมาศึกษาต่อ โดยใช้ข้อมูลจาก Youtube หรือสื่อทางอินเตอร์เน็ตอื่นๆในการขยายผลหาข้อมูเพิ่มเติม เช่น ผมอ่านเจอคำว่า “ระบบกันสะเทือนแบบปีกนก” ผมก็ได้การบ้านที่จะต้องทำความเข้าใจว่า ระบบที่ว่านี้คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับระบบกันสะเทือนแบบอื่นๆ
ซึ่งแน่นอนว่า จุดประสงค์ของผมไม่ได้ต้องการอ่านให้จบๆไป แต่เป็นการอ่านเพื่อตอบคำถาม ปะติดปะต่อเรื่องราวมากกว่า และการอ่านแบบนี้จะกินเวลามาก เพราะต้องทำการบ้านไปเรื่อยๆในการอ่านแต่ละย่อหน้า เป็นการอ่านในลักษณะที่เรียกว่า detailed reading ซึ่งจะแตกต่างจากการ skimming และ scanning
สิ่งสำคัญคือคุณต้องอ่านไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะจับจังหวะการกวาดสายตาได้ดีขึ้นและมันจะทำให้คุณอ่านได้เร็วขึ้นโดยไม่สูญเสียความเข้าใจในรายละเอียดของสิ่งที่คุณอ่านอยู่ เรียกในแบบของผมคือ balancing between speed and accuracy
การอ่านโดยขีดเส้นใต้หรือใช้ markers สีต่างๆ รวมถึงการทำโน้ตย่อก็ช่วยครับ
โฆษณา