5 พ.ย. 2021 เวลา 01:45 • ปรัชญา
#ตายไปแล้วก็เอาสมบัติติดตัวไปไม่ได้พุทธแค่เตือนไม่ให้โลภ,หลง
เพราะสมัยพุทธกาล เศรษฐี 9 คนที่เป็นตำนานมาให้ "พระอุบาลีคุณูปมาจารย์/จันทรสิริจันโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาศ
เอามาเป็นต้นแบบสร้างพระนวโกฏ พระมี 9เศียร
เพราะเศรษฐี 9 คนนั้น
ทำที่พักอาศัยให้พระภิกษุ
แต่ละคนท่านตักบาตรพระคนละเกินพันองค์ต่อวัน
จนเศรษฐีคนหนึ่งถึงกับยากจนลง
ไปถามพุทธองค์ว่าทำบุญมากทำไมจน
พุทธองค์เน้น "ความพอดี/ทางสายกลาง" ไม่ตึงไม่หย่อนของแต่ละคน
เศรษฐีคนนั้น ก็สามารถเอาอนวคิดนั้น มาปรับเป็นความคิดขิงตน กลับมีสถานะภาพความมั่งคั่งเหมือนเดิม
ด้วยโภคทรัพย์ และอริยทรัพย์
เพราะพุทธเน้น เหมาะสมที่สุด(optimum) ที่เป็นจุดเหมาะสมพอดีของแต่ละเหตุการณ์และจังหวะของมิติเวลา เช่น เล่นว่าว จุดเหมาะสมสุดขึ้นอยู่สภาพแรงลม ที่แปรผัน จุดนี้จึงต้องผ่อน และกระตุกตามสภาะของลมทีาเปลี่ยนแปรตามธรรมชาติตลอดเวลา
ไม่ใช่ ต้องเกิดผลลัพธ์สูงสุด (maximum) คือจุดสูงสุด
ก็เหมือนกับ "ตึงสุดก็ขาดง่าย"
เพราะ "ภิกขุ" คือผู้ขอที่ต้อง บิณฑบาตร อาหารที่ชาวบ้านมี(และก่อนชาวบ้านกิน)
อาหารจึงตามศรัทธาของชาวบ้าน(ไม่ใช่มาลำบากคิดว่าต้องมังสะวิรัตแก่พระภิกษุ)
พุทธศาสนานั้นมีแนวคิดว่า
ถ้า "ไร้คนใจบุญสุนทาน" แบ่งปันคืนสู่สังคม
จะมีวัดสวยๆที่เป็นศิลปที่สืบทอดถึงคนรุ่นหลังเห็นแล้วเกิดปิติสุขหรือ
เพราะเพื่อเหนี่ยวนำจิตใจหรือ
จะบ่มเพาะจิตวิญญาน (mind) ให้เติบโตเพื่อ
"ปัญญาที่รู้เท่าทันโลก" ได้ยังไง
โลกจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้อย่างไร
อย่างเช่นคริสต์จักร ทำสงครามศาสนากับอิสลามหลายร้อยปี
เพราะคริสตจักรต้องการเป็นเจ้าโลก ที่ควบคุมแม้กษัตริ์ยทุกคนในยุโรปในฐานะ "ผู้นำแห่งจิตวิญญาน"
ที่ทำให้ "King" ของยุโรปทั้งหลายบงการให้ตั้งนิกายใหม่ของคริสต์ ทั้งในอังกฤษ รัสเซีย ฯลฯ
เพื่อหลุดจาการครอบงำของ "ผู้นำจิตวิญญาน"
สงครามศาสนาระหว่างคริสต์จักรกับมุสลิม ในภายหลังก่อนที่คริสต์จักรที่กรุงโรมจะแพ้สงคราม
ก็มีเหลือแค่คริสต์ในฝรั่งเศสและประเทศเล็กๆ
จึงแพ้อิสลามในที่สุด
บางคนบอกพุทธมีนิกายหลักก็สอง นิกายย่อย 27
เพราะพุทธมี "แก่น"คือพระอภิธรรมปิฎก(ที่มีพื้นฐานรากเหง้ามาจากสัจธรรม/ปรมัตถสัจจะ/ความจริง/truth เหมือนกันทุกกนิกาย
แต่วิถีการครองชีพในแต่ละประเทศแตกต่างกันที่ต้องมี "เปลือกและกระพี้ทางพุทธต่างกัน
แค่ต่างกันในการปฏิบัติต่างกัน
ดังนั้นในมหานิกายเช่นจีน ญี่ปุ่น ก็ยึดพุทธอภิธรรม ที่เป็น"อภิธรรมปิฎกเดียวกัน "เป็น "แก่น"
ในนิกายหินยาน /เถรวาท แม้มีมหานิกายและธรรมยุติ ก็ต่างกันแค่เปลือกเรื่องกินอาหาร 1-2มื้อ ใส่ไม่ใส่รองเท้า
พุทธจึงเน้นหลักของการแบ่งปัน(ทำบุญทำทาน) ภายใต้พรหมวิหาร4 เพื่อทุกฐานะก็สามารถสร้างบุญบารมี(ไม่รวยเงินแต่รวยด้วยหัวใจที่แบ่งปันก็ได้)เพื่อเปลี่ยนชีวิตด้านความสุขในดวงจิตให้เกิดผลพอกพูนด้านปัญญาที่รู้เท่าทันโลก
ที่จะเกิดความเท่าเทียมกัน
ของ "ความเป็นมนุษย์ ในการกำหนดชะตาชีวิตตนเองโดยไม่ต้องพึ่งเทพเทวา พระเจ้า"
แต่จะเน้นว่า ทุกฐานะ(ความมั่งคั่งของโภคทรัพย์และอริยทรัพย์) สามารถแบ่งปันได้ ให้แก่กลุ่มด้อยโอกาสกว่า ทางสังคม
ผ่านด้วยการ "ให้เพื่อเกิดบุญบารมี" ทั้งสร้างวัด(ด้านจิตวิญญาน) ทั้งสร้างโรงพยาบาล(ด้านสุขภาพ) ฯลฯ
"#รวยเข้าไปเถอะครับ"
เพราะถ้ามี "อริยทรัพย์ของแนวคิดพุทธ"
คือรู้จักแบ่งปัน
รักษาธรรมชาติของจักรวาล (เช่นการปล่อยก๊าซที่โลกร้อนขึ้น ความสันติสุขของการอยู่ร่วมกันของทุกศาสนา การเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรแก่มนุษย์ด้วยกันและต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ)
และแน่นอน ต้องเข้าใจ "ความจริง/truth" ของธรรมชาติเรื่อง 1.ไตรลักษณ์(ก.เกิดมาแล้วก็ดับไป ข. ความทุกข์เกิดตลอดถ้าไม่ใช้ปัญญา ที่คุมโดยจิต ตอบโจทย์ ชีวิต ค.ไม่ติดยึดตัวตน และปล่อยวาง/ถ้าหนัก)
2.ปฏิจสมุปบาท ก. วิบากกรรมทำให้เกิดมามืดหรือสว่าง(แต่มีอิทธิพลแค่ 1ใน3) และกุศลกรรมภพปัจจุบันมีส่วน2ใน3ทำให้ชีวิตไปสว่าง
ข.หลุดจากวัฏฏสังสารได้(ไม่เกิดไม่ดับ) ถ้าหมด กิเลศ(โลภโกรธหลง) และตัณหา(ความทะยานอยาก)
**โดย ศ.ดร.ดิเรก ฤกษ์หร่าย , 5พย.64. www.blockdit/direkrerkrai
โฆษณา