5 พ.ย. 2021 เวลา 03:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รูปแบบประเภทของการจัดการความเสี่ยง
ปแบบประเภทของการจัดการความเสี่ยง
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากจะเริ่มต้นการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการเทรดหุ้นหรือค่าเงินก็ล้วนแล้วแต่เป็นการลงทุนด้วยกันทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อนจะเริ่มลงทุนก็คือ การจัดการความเสี่ยงหรือการเตรียมความพร้อมในความเสี่ยงนั่นเอง บางคนรู้แต่ว่าอยากจะลงทุน แต่จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรลงทุนในสินทรัพย์อะไร และลงทุนอย่างไร วันนี้แอดจะมาแนะนำให้กับมือใหม่หัดเทรดกัน
ขั้นตอนแรก ท่านจะต้องตั้งเป้าหมายของการลงทุนก่อนว่าจะลงทุนไปเพื่ออะไร เช่น ลงทุนเพื่อนำเงินไปเที่ยวต่างประเทศ เพื่อให้ชนะเงินเฟ้อ เพื่อนำไปเรียนต่อ เพื่อซื้อบ้าน หรือเพื่อไว้ใช้ยามเกษียณ และต้องประเมินว่าเป้าหมายนั้นมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน เพราะจะสัมพันธ์กับการเลือกสินทรัพย์ที่ลงทุนว่าควรเลือกสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในระดับใด
ขั้นที่สอง จำนวนเงินที่ต้องการใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย โดยต้องระบุจำนวนเงินที่ต้องการที่ชัดเจน เพื่อวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม
ขั้นที่สาม เวลาที่จะใช้เงิน จะได้ทราบระยะเวลาในการลงทุน เช่น ระยะสั้น 3-6 เดือน ระยะกลาง 1-5 ปี หรือระยะยาวคือมากกว่า 5 ปีขึ้นไป
ขั้นตอนที่สี่ คือ พิจารณาเงื่อนไขในการลงทุนว่าต้องการลงทุนในสินทรัพย์แบบไหน จำนวนเงินต้นที่จะลงทุนเท่าไหร่ ผลตอบแทนแบบไหนและคาดหวังผลตอบแทนที่เท่าไหร่ หรือยอมรับการขาดทุนได้กี่เปอร์เซ็นต์
ขั้นตอนที่ 5 คือ ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ อันนี้สำคัญมาก แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับต่ำ (Conservative) คือ มุ่งเน้นการรักษาเงินต้น
- ระดับกลาง (Moderate) คือ รับความผันผวนได้ระดับหนึ่งเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น
- ระดับสูง (Aggressive) คือ รับความผันผวนได้มาก คาดหวังผลตอบแทนที่สูง และสามารถยอมรับการขาดทุนได้มาก
เมื่ออ่านครบ 5 ขั้นตอนนี้แล้วนักลงทุนมือใหม่หัดเทรด ก็จะต้องเริ่มพิจารณาเลือกประเภทสินทรัพย์ที่จะลงทุน ซึ่งเหมาะกับความเสี่ยงที่เรารับได้ และผลตอบแทนที่คาดหวังของท่าน โดยอาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์โดยตรง หรือลงทุนผ่านกองทุนรวมก็ได้
สุดท้ายคือแนวทางการจัดสรรพอร์ตการลงทุน ขอแนะนำให้เน้นหลักการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย เพื่อไม่ให้พอร์ตรับความเสี่ยงจากการกระจุกตัวจากการลงทุนเพียงสินทรัพย์อย่างเดียว เช่น ซื้อหุ้นกู้เอกชน 40% หุ้นไทยและกองทุนหุ้นไทย LTF 25% และหุ้นต่างประเทศ 10% เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก และชนะเงินเฟ้อ แบบนี้ก็ได้ เป็นแนวทางเฉยๆนะ
เมื่อท่านลงทุนมาระยะหนึ่งแล้ว ก็หมันติดตามผลของการลงทุน และทบทวนแผนการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุกรอบ 6 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อประเมินว่าผลการลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้หรือไม่ หรือควรจะปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไร เพื่อให้ทันกับสถานการณ์การลงทุนในแต่ละช่วงเวลา
ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com
"สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม ใน Blockdit ของเรา
โฆษณา