6 พ.ย. 2021 เวลา 05:20 • ธุรกิจ
จากเด็กเกเร สู่ ซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้ง Unicorn Startup ที่มีมูลค่าธุรกิจทะลุ 30,000 ล้านบาท
เรื่องราวของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ หากมองกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงปลายทาง เรามักจะพบเส้นทางอันน่าเหลือเชื่อ บุคคลที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ก็เช่นกันครับ
เขาคือเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียน เล่นแต่กีฬา เพราะอยากเป็นนักฟุตบอล มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนประจำ จนกระทั่ง ป.6 อาจารย์ใหญ่ถึงกับต้องเรียกผู้ปกครองไปเข้าพบ
จากปัญหาชวนปวดหัวในครั้งนั้น ครอบครัวจึงตัดสินใจส่งเขาไปเรียนโรงเรียนประจำที่นิวซีแลนด์ เพื่อดัดนิสัย แต่ก็ยังไม่ตั้งใจเรียนอยู่ดี หลังจบ กลับมาสอบมหาวิทยาลัยในไทย ก็ยังไม่ติดซักที่
แต่ความผิดหวังในครั้งนั้น ทำให้เขา ตั้งหน้าตั้งตา เพื่อที่จะสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในอังกฤษให้ได้ จนในที่สุดมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ก็รับเข้าเป็นนักศึกษา จากการเตรียมตัวถึง 9 เดือนเต็ม
และเมื่อได้โอกาสครั้งสำคัญ เขาตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่าต้องสำเร็จเท่านั้น เขาเข้าห้องสมุดอ่านหนังสือถึงวันละ 10-12 ชั่วโมงแทบทุกวัน ช่วงคริสมาสต์ก็ไม่กลับไทย ผลลัพท์คือเรียนจบใน 3 ปี พร้อมได้รับรางวัลเกียรตินิยมเหรียญทอง
จากเด็กที่สอบไม่ติดมหาวิทยาลัยในไทย กลายเป็นเด็กที่ ม.เคมบริดจ์ ม.ยูซีแอล และ ม.ระดับท็อปของโลกอ้าแขนรับ เมื่อเขายื่นสอบเพื่อเข้าศึกษาต่อในชั้นปริญญาโท … สุดท้ายเขาตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ในคณะเศรษฐศาสตร์ และก็สำเร็จดังที่คาดหวังไว้
เมื่อเรียนจบในปี 2013 เขาเริ่มทำงานใน Investment ฺBanking ที่เซี่ยงไฮ้ ทำงานได้เพียงหนึ่งเดือน จุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งสำคัญของเขาก็เกิดขึ้น เมื่อได้ค้นพบสิ่งที่เรียกว่า “Bitcoin”
เขาค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin อย่างหนักจนมั่นใจว่านี่จะเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลก จึงตัดสินใจลาออกจากงานที่มั่นคง มุ่งสู่ ซิลิคอน วัลเลย์ ที่สหรัฐ เพื่อไปเรียนรู้ในเมืองหลวงแห่งเทคโนโลยีของโลก … แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง หลังถูกปฏิเสธจาก ทั้งเฟสบุ้ค กูเกิล และบริษัทเทคชั้นนำอีกหลายแห่ง
แต่การเดินทางมาในครั้งนี้ เขาไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า เมื่อมีโอกาสได้เข้าพบกับผู้บริหาร Paypal ซึ่งหัวข้อการสนทนาในวันนั้นยิ่งทำให้เค้ามั่นใจ ในระบบ ฺBlockchain ว่าจะเปลี่ยนโลกใบนี้ไปตลอดกาล
ความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาเมืองไทย เพื่อเปิดบริษัทของตัวเอง โดยอาศัยชั้นลอยของบ้าน ที่ทำธุรกิจร้านเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ เป็นสำนักงานแห่งแรก ของ “Coin.co.th” โดยมีพนักงานเป็นตัวเขาคนเดียวในตำแหน่ง CEO ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะรับเพิ่มอีก 2 คน ซึ่งก็คือญาติของเขาที่กำลังว่างอยู่ในเวลานั้น
ในช่วงเวลานี้เอง เขาต้องเผชิญความท้าทายอย่างมาก ทั้งการถูกเรียกจากธนาคารแห่งประเทศไทย กรมสรรพากร และสำนักงานป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ไปชี้แจงถึงแนวทางการทำธุรกิจ
ซึ่งในวันที่คริปโตเคอเรนซี่ ยังไม่มีกฏหมายกำกับดูแลเหมือนปัจจุบันนี้ ข้อกล่าวหาต่างๆ … แชร์ลูกโซ่… ฟอกเงิน ประเดประดังเข้าสู่ตัว CEO วัย 23 ปี จนยากเกินรับมือ
สิ่งที่ตามมาคือปัญหาในครอบครัว ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ต่างห้ามปรามให้เค้าหยุด และหันมาทำงานประจำซักที เพราะตัวเขาเอง ด้วยความที่จบมหาวิทยาลัยชั้นนำขนาดนี้ สามารถทำงานที่บริษัทการเงินชั้นนำอย่าง แมคเคนซี โกลแมนแซค เงินเดือนหลักแสนได้สบาย
แต่ด้วยความเชื่อมั่นอันหนักแน่นในตัวเขา ทำให้เขาตัดสินใจเดินหน้าต่อ ด้วยการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความมั่นใจให้กับสังคม เขาเดินสายให้ข้อมูล และบรรยายตามสถานที่ต่างๆ ทั้งหน่วยงานกำกับดูแล มหาวิทยาลัย บริษัทเอกชน และหน่วยงานราชการ ชนิดแทบไม่มีวันหยุดพัก
จนกระทั่งสิ่งที่เค้าเชื่อ เริ่มผลิดอกออกผล การยอมรับในคริปโตเคอเรนซี่เริ่มแพร่หลาย ทั้งในต่างประเทศ และไทย จนนำไปสู่การมี พรบ.สินทรัพย์ดิจิทัล โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ซึ่งเปรียบเสมือนกฏหมายที่ใช้ในการกำกับดูแล สิ่งอะไรที่เคยเป็นสีเทา ก็กลายเป็นมีความชัดเจน
ในช่วงเวลานี้เองที่เค้าตัดสินใจ ก่อตั้งบริษัทใหม่ ที่มีชื่อว่า “Bitkub capital group holdings”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ด้วยกระแสการไหลบ่าที่รุนแรง จากโลกการเงินแห่งความเป็นจริง สู่โลกการเงินดิจิทัล
เพียงเวลาไม่ถึง 4 ปี … จากบริษัทที่เคยขาดทุน 37 ล้านบาท สู่บริษัทที่มีรายได้ 5,000 ล้านบาท กำไร 2,000 ล้านบาท และรับฝากเงินจากคนไทย 50,000 ล้านบาท
จากจุดเริ่มต้นในโลกการเงินดิจิทัล ที่มีพนักงานคือตัวเขาเป็น CEO เพียงคนเดียว สู่บริษัทที่ให้บริการด้านคริปโตเคอเรนซี่ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ที่มีพนักงานกว่า 1,400 คน
และจากการก่อตั้งบริษัทบนชั้นลอย ย่านประตูน้ำ วันนี้บริษัทของเค้าก้าวไปอีกขั้นหลังจากที่ “กลุ่ม SCBX” ได้ประกาศเข้าลงทุน ใน บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผ่านการเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 51 % จากบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ด้วยมูลค่ารวมกว่า 17,850 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ผลักดันให้บริษัทของเค้าก้าวสู่การเป็น Unicorn หรือบริษัทที่มีมูลค่าธุรกิจมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 30,000 ล้านบาท ไปโดยปริยาย
เค้าคือ “ท้อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
#Bitkub #ตั๊กอยากเล่า
โฆษณา