9 พ.ย. 2021 เวลา 11:41 • หนังสือ
ชีวิตคือศิลปะของการเลือกใช้เวลา
2
1.
หลายปีก่อน ตอนที่ลูกสาวคนโตของผมยังเด็กมาก มีอยู่วันหนึ่ง เธอเดินเข้ามากอดผม แล้วก็พูดว่า "หนูจะรักป๊าไปตลอดชีวิตเลย ...แต่ว่าตอนที่ป๊าตายไปแล้ว แล้วหนูจะรักใครล่ะ?"
5
ภาพถ่ายโดย Juan Pablo Serrano Arenas จาก Pexels
ฮึ่ม! พูดอะไรเป็นลางเนี่ยลูก? ตอนแรกผมคิดอย่างนั้น แต่สักพักคำถามของเด็กน้อยก็ทำให้ผมฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา นั่นสิ... เราต่างรู้ว่าวันเวลาดี ๆ ไม่เคยอยู่กับเราไปตลอด แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าวันนี้ไม่ใช่วันสุดท้าย ที่จะได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารัก...และรักเรา
...ผมนึกถึงเพลงเก่าเพลงหนึ่งของ Harry Chapin ชื่อเพลงว่า Cat's in the Cradle เนื้อหาในเพลงพูดถึงผู้ชายคนหนึ่ง ภรรยาเพิ่งคลอดลูกชาย แต่เขาก็ไม่ค่อยได้อยู่กับลูกเมีย เพราะต้องทำงานหาเงิน ตอนลูกหัดเดิน เขาก็ไม่เคยได้อยู่ในช่วงเวลานั้น วันหนึ่งเมื่อถึงวัยพูดได้ ลูกชายบอกกับเขาว่า "โตขึ้นผมจะเป็นอย่างพ่อครับ"
ทุกวันลูกเอาแต่เฝ้าถามชายผู้เป็นพ่อว่า "พ่อครับ วันนี้พ่อจะกลับบ้านกี่โมง?” ฝ่ายพ่อก็ได้แต่ตอบว่า "ยังไม่รู้เลยลูก"
1
พอลูกอายุสิบขวบ พ่อซื้อลูกบอลให้ลูกชาย ลูกบอกว่า "ขอบคุณครับพ่อ พ่อสอนผมหน่อยว่าเล่นยังไง"
1
“เอาไว้ก่อนลูก พ่อยังไม่มีเวลา" เป็นคำตอบเดียวที่ผู้ชายคนนี้ให้กับลูก
แต่ลูกก็ยังอุตส่าห์บอกไปว่า "ไม่เป็นไรครับ พ่อคือฮีโร่ของผม โตขึ้นผมจะเป็นอย่างพ่อครับ"
เวลาผ่านไปจนกระทั่งลูกเรียนจบวิทยาลัย ลูกกลับมาบ้าน พ่อดีใจมากเพราะไม่ได้เห็นหน้าลูกชายมานาน
"มานั่งคุยกันหน่อยสิลูก" ลูกส่ายหัว ยิ้มแล้วพูดว่า "แล้วค่อยคุยกันพ่อ ผมแค่จะมาขอยืมกุญแจรถพ่อน่ะครับ"
วันเวลายังคงเดินไป ชายผู้เป็นพ่อเกษียณแล้ว ฝ่ายลูกชายแต่งการแต่งงาน ย้ายออกจากบ้านไปนานแล้ว
วันนึงด้วยความคิดถึง พ่อจึงโทรหาลูก "ว่างไหมลูก? พ่ออยากเจอ"
ลูกชายตอบมาว่า "ผมก็อยากเจอพ่อนะครับ แต่งานผมยุ่งมาก เด็ก ๆ ก็เป็นหวัดกันอยู่ ไว้โอกาสหน้านะครับ ดีใจที่ได้คุยกับพ่อนะครับ" แล้วก็วางหูไป
เป็นตอนนั้นเองที่ผู้ชายคนนี้เพิ่งตระหนักถึงคำพูดของลูกชายที่บอกว่า
"โตขึ้นผมจะเป็นอย่างพ่อครับ"
...ว่าแต่ ผมเป็นพ่อแบบในเพลงนี้หรือเปล่านะ?
2.
บ่อยครั้งที่ผมมัวเอาเวลาไปแลกกับเงิน แล้วก็พร่ำบอกลูกว่า "เอาไว้ก่อนนะลูก ป๊ายังไม่ว่าง" ว่าแล้วก็หันหลังก้มหน้าตาทำงานต่อไป ...มันคงเจ็บพิลึก ถ้าลูกจำแผ่นหลังของผมที่กำลังทำงาน...ได้มากกว่าใบหน้า
3
หลายปีก่อน ผมเคยได้ยินแนวคิดหนึ่งที่สอนกันว่า ลูกเต้าวัยอ่อนยังไม่ต้องดูแลมากตอนนี้ก็ได้ เพราะเขายังเด็ก ไม่เสียคนหรอก ให้พ่อแม่รีบขยันหาเงินตั้งแต่ตอนนี้ เสาร์อาทิตย์ก็ให้ทำงาน เมื่อประสบความสำเร็จ อนาคตจะได้มีทุกวันเป็นวันครอบครัว จะได้อยู่ด้วยกันทุกวัน จะได้มีเงินดูแลความฝันของลูก ๆ
ผมเคยเชื่อแบบนั้น ตอนนั้นจึงแทบไม่เคยอยู่บ้าน ออกทำงานทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์ ...กว่าจะหายโง่ว่าความสำเร็จไหน ก็แลกเอาวัยเด็กกับความน่ารักของลูกคืนมาไม่ได้ ก็เมื่อผมเสียวันเวลาที่ใช้ร่วมกันกับลูกสาวคนเล็กไปเป็นปี เพราะแทบไม่เคยอยู่กับลูกเลย
วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่า...กอดลูก คุยกับลูกตอนสามขวบ ไม่มีทางเหมือนวันที่เขาสิบสามหรือสามสิบ
ชีวิตไม่ใช่การทุ่มเทเวลาทั้งหมด เพื่อเสาะแสวงหาแคปซูลอาหารที่กินแล้วอิ่มทั้งชีวิต ชนิดที่ว่าไม่ต้องกินอีกเลย แต่ชีวิตอาจคือการหุงข้าวสวยกลิ่นหอมฉุย ผัดกับข้าวควันโขมง กินกันพร้อมหน้าพร้อมตา
5
มองในตู้เย็น ดูตู้กับข้าว ...เราพอมีพอกิน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
3.
มันไม่ใช่ "สตางค์" ที่สำคัญที่สุด แต่ "สไตล์" ต่างหากคือสิ่งที่เราต้องการอย่างแท้จริง "อยากมีไลฟ์สไตล์แบบไหน?" คือคำถามแรกที่เราควรถามตัวเอง แล้วคำถามต่อมา จึงค่อยเป็นคำถามนี้ "แล้วต้องทำอย่างไร ต้องใช้สตางค์เท่าไหร่ เพื่อให้ได้ไลฟ์สไตล์นั้น?" จากนั้นจึงวางแผน แล้วลงมือทำให้ได้ไลฟ์สไตล์นั้นมาครอง
1
ฟังดูน่าเกลียดนะครับที่พูดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ กับความฝันและไลฟ์สไตล์ แต่เราอยู่ในโลกทุนนิยม แทบทุกความฝันต้องใช้เงิน บางไลฟ์สไตล์ต้องใช้สตางค์เยอะ แต่บางไลฟ์สไตล์ก็ใช้เงินน้อยกว่าที่เราคิดไว้มาก
1
ระหว่างคนที่ความสุขของเขาคือ การได้ขับรถคันใหม่ ได้ใช้มือถือรุ่นล่าสุด ได้อยู่บ้านหลังโตๆ ได้ใช้ของแบรนด์เนม ได้เที่ยวต่างประเทศ กับอีกคนที่ความสุขของเขาคือ การได้นั่งชมนกชมไม้ในสวนสาธารณะ ได้จิบกาแฟสักแก้ว ได้อ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม บ่าย ๆ ได้นอนสักงีบ ตอนเย็นเดินเล่น ออกกำลัง วันหยุดเที่ยวที่ไหนก็ได้ ขอแค่ครอบครัวพร้อมหน้าก็พอ
2
สองคนนี้ไม่มีใครผิด-ถูก-ดี-เลวกว่ากัน แค่ต่างกันตรงความยาก-ง่ายในการมีความสุขเท่านั้นเอง คนแรกอาจต้องออกแรงมากหน่อย คนหลังอาจง่ายหน่อย เพราะไม่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอกมากนัก
2
ย้ำอีกทีว่าสองคนนี้ไม่มีใครผิด-ถูก-ดี-เลวกว่ากัน อยู่ที่ชอบแบบไหนแค่นั้น
จริงอยู่ที่เป้าหมายของชีวิตนั้นไม่ใช่ "เงิน" แต่คือ "ความสุข" แต่เราต้องยอมรับว่าหลายความสุขก็ใช้เงินซื้อได้ ประเด็นก็คือ ถ้าเรามีความสุขโดยไม่ต้องใช้เงินได้มากเท่าไหร่ มันก็เหมือนเราเจอทางลัดออกจากป่า เพื่อไปสู่แหล่งน้ำอันชื่นใจได้เร็วขึ้นเท่านั้น
3
วันนี้เรามีไลฟ์สไตล์ในแบบที่ต้องการหรือยัง?
4.
ผมค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับประโยคสายลมแสงแดดที่บอกว่า "ระหว่างทางนั้นสำคัญกว่าเป้าหมาย" และคิดว่าที่ถูกต้อง มันน่าจะเป็น "เป้าหมายนั้นสำคัญ แต่อย่าลืมมองความงามระหว่างทางด้วย"
2
ผมไม่เห็นด้วยกับประโยคที่บอกว่า "เงินซื้อความสุขไม่ได้" ผมว่าที่ถูกมันน่าจะเป็น "เงินซื้อความสุขได้หลายอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง" บางทีมันอาจถึงเวลาแล้วที่เราจะพิจารณาว่า ประโยคเท่ๆ แต่ผิดตรรกะนั้น ได้ทำลายศักยภาพของคนเราไปเท่าไหร่แล้ว?
3
คำถามคลาสสิกที่ชอบถามกันก็คือ ระหว่าง "ความร่ำรวย" กับ "ความสุข" จะเลือกอะไร? ก.ความร่ำรวย ข.ความสุข ค.ทั้ง ก. และ ข.
คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผูู้คนจำนวนมากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ข้อ ก. ก็ข้อ ข. เขาไม่เชื่อว่าข้อ ค. มีอยู่จริง ที่ตลกร้ายกว่านั้นก็คือ ผู้คนจำนวนมากไม่มีทั้งความร่ำรวยและความสุข ...พูดง่าย ๆ เขาไม่ได้กาคำตอบเลย
1
ถ้าเป็นผม ขอเลือกข้อ ค. ผมเลือกทั้งสองอย่างนั่นแหละ เพราะถ้าเราเจอแบงค์พันกับช่อดอกไม้ตกอยู่ที่พื้น ทำไมเราจะต้องเลือกเก็บแค่อย่างเดียว? เพราะชีิวิตไม่ใช่การหาเงินให้ได้มากที่สุด ชีวิตไม่ใช่การหาความสุขให้ได้มากที่สุด
2
แต่ชีวิตคือศิลปะของการเลือกใช้เวลา ไปกับสิ่งที่มีความหมาย (ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องใช้เงิน)
2
5.
"...แต่ว่าตอนที่ป๊าตายไปแล้ว แล้วหนูจะรักใครล่ะ?" คำถามนี้ที่ลูกถามผม ผ่านมาหลายปีแล้ว ผมยังไม่ตาย หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก ผมลาออกจากงานประจำ ทำงานอยู่ที่บ้าน รับงานนอกบ้านบ้าง แต่ชีวิตส่วนใหญ่ก็อยู่ที่บ้าน ได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างที่ต้องการ ไปรับลูกที่โรงเรียน เล่นกับลูก พาลูกเที่ยว กินข้าวเย็นด้วยกันแทบทุกวัน ใช้วันเวลาร่วมกัน
1
...เพราะเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าวันนี้ไม่ใช่วันสุดท้าย ที่จะได้ใช้ชีวิตกับคนที่เรารัก...และรักเรา
"...แต่ว่าตอนที่ป๊าตายไปแล้ว แล้วหนูจะรักใครล่ะ?" ...วันนั้นผมตอบเธอไปว่าอย่างไรน่ะเหรอครับ? ผมตอบไปว่า "ป๊าไม่มีวันตายหรอกลูก ป๊าเป็นอมตะ ฮ่าๆๆ"
1
ได้ฟังคำตอบนี้ เด็กน้อยที่ยังไร้เดียงสา ดีใจใหญ่ ร้องลั่น "เย่ เย่ ป๊าไม่มีวันตาย" ...ใช่...ป๊าไม่มีวันตายหรอก ป๊าอยู่ในหัวใจหนูนั่นแหละ ผมคิดในใจ
"การได้อยู่ในห้วงคำนึงของใครคนหนึ่ง...แม้ในวันที่เราจากไป เพราะตอนที่ยังหายใจ เราต่างได้ใช้เวลาสร้างความทรงจำร่วมกัน"
4
...และบางที ประโยคนี้เองที่อาจคือความหมายของชีวิต.
โฆษณา