12 พ.ย. 2021 เวลา 04:52 • หนังสือ
ชีวิตที่หรูหรา คือชีวิตที่มีเวลาอ่านหนังสือ
5
1.
ในอนาคตอันใกล้ ผมคิดว่าหนังสือเล่มนั้นไม่ตาย ไม่หายไปไหน แต่จะเป็นเพียงเรื่องของการซื้อเพื่อสะสม เหตุเพราะ 3 อย่างต่อไปนี้
ภาพถ่ายโดย cottonbro จาก Pexels
หนึ่ง เพราะเรามีอะไรให้ทำเยอะขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอในยูทูบ หนังนับหมื่นเรื่องผ่านช่องทางสตรีมมิ่ง พอดแคสท์ที่ใช้ฟังตอนเดินทาง หรือโซเชียลมีเดียที่เอาเวลาไปเกือบหมด ...เรียกว่าจะเพื่อความบันเทิง หรือจะเพื่อสาระความรู้ หนังสือเล่มก็โดนแย่งเวลาไปไม่น้อย
2
แต่ก็จะมีคนกลุ่มนึงออกมาบอกว่า ฉันชอบอ่านหนังสือเล่มมากกว่า ฉันไม่ชอบฟัง ไม่ชอบดู ก็นั่นแหละครับ ...หนังสือเล่มไม่หายไปหรอก เพียงแต่จะเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม ไม่ต่างกับจักรยานหรือแผ่นเสียง
เด็กทุกวันนี้ ถ้าไม่ได้เรียนที่โรงเรียน พวกเขาแทบไม่อ่านหนังสือเล่มกันเลย (แต่ยังอ่านบนมือถือนะครับ) เมื่อพวกเขาไม่ได้โตมากับหนังสือเล่ม จึงไม่ผูกพันกับหนังสือแบบคนรุ่นก่อน หนังสือเล่มจึงมีแนวโน้มเป็นของเฉพาะกลุ่ม
1
ซึ่งส่วนตัวผมชอบนะ เพราะเมื่อทำเฉพาะกลุ่ม คุณภาพจะดี สังเกตหนังสือเล่มในยุคนี้สิครับ เนื้อหาดี ออกแบบสวยมาก
1
สอง เพราะคอนเทนต์ออนไลน์คุณภาพดีขึ้น
เมื่อก่อนเนื้อหาออนไลน์อาจจะบางเบา เชื่อถือไม่ได้ แต่ลองดูตอนนี้...เอาแค่ facebook นักเขียนบางคนเขียนเนื้อหายาวมาก ดีมาก ทั้งหมดนี้เขียนให้อ่านฟรี ทุกวันด้วย หลายเว็บไซต์ก็เนื้อหาดีชนิดต้องกราบ ออกแบบก็สวย เหมาะกับอ่านในมือถือ แน่นอนครับ...อ่านฟรีอีกเช่นกัน ยังไม่นับพอดแคสท์อีกนับหมื่นตอนที่ฟังกันทั้งชีวิตก็ไม่ทัน
2
จึงมีเหตุผลน้อยมากที่เรายังซื้อหนังสือเล่ม เว้นแต่จะซื้อเพื่อสะสม ถือเป็นเรื่องทางใจ
สาม เพราะบ้านไม่มีที่เก็บหนังสือแล้ว
1
ประเด็นนี้ผมว่าน่าคิด คนที่ซื้อหนังสือเป็นหลักน่าจะเป็นคนเมือง คนเมืองก็คือคนที่ไม่ได้มีบ้านใหญ่โตนั่นเอง หลายคนอยู่ห้องเช่า คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ เมื่อซื้อหนังสือมากเข้า ก็เริ่มไม่มีที่เก็บ แถมที่ซื้อมาก็ยังไม่ได้อ่าน (ดองเป็นมะม่วง) วันนึงเมื่อเจ็บปวดกับเรื่องนี้มากพอ (หมายถึงไม่มีที่เก็บ และไม่ได้อ่าน) เขาจะค่อย ๆ เลิกซื้อหนังสือในที่สุด
2
เดือนก่อนผมเพิ่งบริจาคหนังสือ 500 เล่ม และยังเหลืออยู่ที่บ้านอีกมาก แน่นอนว่าหลายเล่ม...ยังไม่ได้อ่าน
2.
ทุกวันนี้ผมยังซื้อหนังสืออยู่มั้ย? ตอบว่า ซื้อครับ ทุกวันนี้ยังอ่านหนังสืออยู่มั้ย? ตอบว่า อ่านครับ แต่ผมรู้ดีว่าผมเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้น คนที่มีเวลาว่าง หรือออกแบบเวลาได้ คนที่การอ่านถือเป็นการทำงานอย่างหนึ่ง...ซึ่งนี่ไม่ใช่ชีวิตของคนทั่วไป
3
ครั้งหนึ่ง ผมจึงเขียนทีเล่นทีจริงว่า "ชีวิตที่หรูหราคือชีวิตที่มีเวลาอ่านหนังสือ"
2
...ซึ่งน่าจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง
3.
มีอยู่วันหนึ่ง ผมรู้สึกได้ถึงความพ่ายแพ้ของหนังสือเล่ม สิ่งที่เราคิดกันว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบอ่านหนังสือ สิ่งที่เราคิดว่าหนังสือแพง เข้าถึงยาก คนก็เลยไม่อ่านหนังสือเล่ม เหตุผลเหล่านี้...เหมือนจะไม่จริงครับ
1
เรื่องของเรื่องคือ ผมพาลูกไปทดสอบที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง มีเด็กมาทดสอบมากถึงเกือบ 2,000 คน ระหว่างที่เด็กสอบ ผู้ปกครองก็นั่งรอกันไป เพราะใช้เวลาสอบถึง 4 ชั่วโมง บ้างก็นั่งโต๊ะหินอ่อน บางถึงกับเอาเสื่อมาปู
แน่นอนครับ ผู้ปกครองเกือบทุกคนเล่นมือถือฆ่าเวลา ซึ่งก็ไม่แปลก...ใครจะพกหนังสือมาอ่าน (ยกเว้นผมที่พกหนังสือติดตัวตลอด)
แต่ความพีคของเรื่องนี้ก็คือ ทางโรงเรียนใจดี กลัวผู้ปกครองจะร้อน ก็เลยเปิดห้องสมุดที่แอร์เย็นฉ่ำ ให้ผู้ปกครองได้เข้าไปนั่งรอ อ่านหนังสือไปพลาง ๆ
1
ห้องสมุดที่นี่ถือว่าใหญ่ครับ ผมกวาดตาดูมีหนังสือดี ๆ เยอะ บางเล่มระดับเปลี่ยนชีวิตได้เลย เช่น หนังสือหลายเล่มของท่านพุทธทาส The Magic of Thinking BIG หรืออีกหลายเล่มของนักคิดอย่าง Edward De Bono หนังสือใหม่ ๆ ที่เพิ่งวางขาย ห้องสมุดนี้ก็มีให้อ่าน
2
...แต่ภาพที่ผมเห็นก็คือ มีผู้ปกครองไม่ถึง 10% ที่หยิบหนังสือมาอ่าน นอกนั้นล้วนก้มดูมือถือกันแบบที่เราเห็นจนชินตา ย้ำอีกทีว่านี่คือการนั่งรอระดับ 4 ชั่วโมง แต่แทบไม่มีใครหยิบหนังสือมาอ่านเลย
นี่อาจเป็นความแพ้ของหนังสือเล่ม ทั้งที่กองอยู่ตรงหน้า แต่ยังไม่ถูกหยิบจับมาอ่าน
4.
ไม่ได้บอกว่าอ่านหนังสือเล่มดีกว่าดูมือถือ แต่ผมแค่รู้สึกว่าโลกเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ไม่ใช่แค่เด็กหรอกที่ไม่อ่านหนังสือ ผู้ใหญ่อย่างเราก็แทบไม่อ่านหนังสือกันแล้ว ดูสิครับ ขนาดอยู่ในห้องสมุด ยังแทบไม่มีใครหยิบหนังสืออ่าน
3
พฤติกรรมที่เป็นนิสัยใหม่ของคนยุคนี้ นั่นคือ ว่างเมื่อไหร่ ต้องหยิบมือถือขึ้นมากดดู กดดูทั้งที่ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากดูอะไร (ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการเล่นมือถือมันสนุก ในขณะที่หนังสือนิ่ง ๆ ไม่เร้าใจ ชวนง่วงนอน)
1
นี่จึงเป็นอีกครั้งที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า พฤติกรรมการอ่าน "หนังสือเล่ม" จะหายไปจากมนุษย์ส่วนใหญ่ เพียงแต่จะอีกกี่ปี อันนี้เกินคาดเดา คงเหลือไว้แต่การอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ (ซึ่งในอนาคต ก็อาจไม่ต้องอ่านเป็นเล่ม)
หนังสือจะกลายเป็นของสะสมของปัญญาชน ผลิตจำนวนจำกัด ทำออกมาอย่างดี และมีความคูลในแบบที่แผ่นเสียงเป็น หนังสือเล่มอาจไม่ได้มีไว้เพื่ออ่านจริงจัง แต่ใช้ประโยชน์เป็นเครื่องประดับบ้าน หรือได้รู้สึกว่าฉลาด เพียงแค่ซื้อแล้วถ่ายรูปโพสต์ในโซเชียลมีเดีย
4
กี่คนที่อ่านหนังสือ Sapiens จบ? กี่คนที่อ่านหนังสือ Principles ได้ถึงหน้าสุดท้าย? แต่สองเล่มนี้ ขายได้เยอะมาก เรื่องนี้บอกอะไรเราได้บางอย่าง
3
ไม่ว่าจะโหยหาอาวรณ์แค่ไหน ไม่ว่าจะบอกว่าฉันยังอ่านอยู่นะ หนังสือเล่มก็จะเป็นเพียงการสะสม...ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง.
ปล. ถ้าคุณอ่านข้อเขียนนี้จบ คุณน่าจะเป็นคนกลุ่มน้อยมาก ๆ ครับ
16
โฆษณา