8 พ.ย. 2021 เวลา 23:00 • ครอบครัว & เด็ก
📌ภาวะปัญญาอ่อนกับออทิสติกต่างกันไหม📌
ก่อนหน้านี้เราเคยพูดถึงภาวะออทิสติกมาบ้างแล้วแต่ยังไม่เคยพูดถึงภาวะปัญญาอ่อนที่หลายๆคนยังคงไม่เข้าใจว่าออทิสติกกับปัญญาอ่อนอยู่ในกลุ่มเดียวกันหรือต่างกัน และวิธีการสังเกตเหมือนกันหรือไม่
ภาวะปัญญาอ่อน เป็นอาการภาวะร่วมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้น อยู่ในกลุ่มออทิสติก พบร่วมได้ร้อยละ 50 - 70 ภาวะออทิสติกในบางรายมีระดับสติปัญญามากกว่าคนปกติทั่วไปและบางรายก็มีความสามารถพิเศษในระดับ อัจฉริยะ(Autistic Savant) เช่น มีความสามารถในการวาดรูป มีความสามารถพิเศษในเรื่องของความจำ การคิดเลขเร็วและภาษา เป็นต้น
ออทิสติก เป็นกลุ่มของโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและการทำงานของสมอง ซึ่งมีผลทำให้พัฒนาการผิดปกติหรือไม่สมวัยจากเด็กทั่วไป มีความบกพร่อง 3 ด้านได้แก่ ด้านสังคม ด้านอารมณ์ และ ด้านภาษา เด็กออทิสติกจะมีภาษาที่ไม่สมวัย เช่น พูดช้า ไม่มีความต้องการสื่อสาร ไม่สามารถสื่อสารได้ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับออทิสติก
🔹ระดับอาการของกลุ่มออทิสติก แบ่งเป็น 3 ระดับ
1.ระดับกลุ่มที่มีอาการน้อย มีระดับสติปัญญาปกติหรือสูงกว่าปกติ มีพัฒนาการทางภาษาดีกว่ากลุ่มอื่น แต่ยังมีความบกพร่องในทางทักษะสังคม การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของบุคคลอื่น บางครั้งเรียกว่า กลุ่มออทิสติกที่มีศักยภาพสูง (High function) หรือที่รู้จักกันในชื่อแอสเพอเกอร์ซินโดรม (Asperger's Syndrome)
2.ระดับกลุ่มที่มีอาการปานกลาง จะมีอาการล่าช้าในการพัฒนาการทางด้านภาษา การสื่อสาร ทักษะสังคม การเรียนรู้และการช่วยเหลือตนเอง และจะมีพฤติกรรมกระตุ้นตนเองพอสมควร
3.ระดับกลุ่มที่มีอาการรุนแรง กลุ่มนี้มักจะมีความล่าช้าในพัฒนาการเกือบทุกด้าน ตั้งแต่วัยเด็กและอาจเกิดร่วมกับภาวะอื่น เช่น ภาวะปัญญาอ่อน หรือบางคนมีปัญหาทางอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง
🔹ภาวะปัญญาอ่อน
สติปัญญาเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่แรกเกิด แต่มีปัจจัยด้านพันธุกรรม ปัจจัยสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ในครรภ์ของมารดาจนหลังคลอดล้วนเกี่ยวข้องและมีผลต่อสติปัญญาของทารกได้ เช่น ภาวะแวดล้อมที่มีการให้ความรัก ความอบอุ่น การกระตุ้นพัฒนาที่เหมาะสมกับวัยก็มีผลต่อการเสริมสร้างสติปัญญาให้มีศักยภาพมากขึ้นได้ สามารถประเมินระดับสติปัญญาหรือเรียกว่าการทำ IQ test
ภาวะบกพร่องทางสติปัญญา มีพัฒนาการบกพร่องซึ่งทำให้ความสามารถในการพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว ภาษา สังคมและพฤติกรรมการปรับตัวด้อยกว่าเด็กปกติในอายุเดียวกัน มีระดับสติปัญญา(IQ)ต่ำกว่า70ในเกณฑ์เฉลี่ยทั่วไป ทำให้ขาดทักษะต่างๆที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตหรือมีข้อจำกัดด้านสติปัญญา เรียนรู้ช้ากว่าปกติ
🔹อาการในภาวะปัญญาอ่อน
 
เด็กที่มีภาวะปัญญาอ่อนอาจไม่แสดงอาการที่ชัดเจน จนกว่าเด็กจะเข้าสู่วัยเรียน อย่างไรก็ตาม การติดตามพัฒนาการของเด็กอย่างใกล้ชิดสม่ำเสมอจะช่วยคัดกรองภาวะปัญญาอ่อนได้
 
🔹พัฒนาการช้า สามารถสังเกตได้ตามนี้
 
1.ไม่สามารถพลิกตัว ลุกขึ้นนั่ง คลาน หรือเดินได้เมื่อเทียบกับพัฒนาการในเด็กปกติวัยเดียวกัน
2.พูดช้า มีปัญหาการสื่อสาร การใช้คำไม่ถูกต้องเหมาะสม
3.ใช้สีหน้า ท่าทาง หรือสัญลักษณ์ในการสื่อสารมากกว่าการใช้คำพูด
4.มีพัฒนาการช้าในการทำกิจวัตรประจำวัน การขับถ่าย สวมใส่เสื้อผ้า
5.เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ช้า เขียน อ่าน การคิดคำนวณตัวเลข
มีความยากลำบากในการจดจำ และขาดทักษะในการเรียนรู้
6.มีอารมณ์เกรี้ยวกราดและไม่สามารถควบคุมได้
7.ขาดทักษะในการเข้าสังคมอยู่ร่วมกับผู้อื่น
🔹ภาวะปัญญาอ่อนแบ่งออกได้ดังนี้
IQ(Intelligence Quotient)
ค่า IQ 90 – 109 คือ เรียนรู้ได้ในระบบปกติ
ค่า IQ 80 – 89 คือ เรียนรู้ในระบบปกติได้ แต่จะช้ากว่าเล็กน้อย
ค่า IQ 70 – 79 คือ ความบกพร่องทางสติปัญญาหรือเรียกกันว่าภาวะปัญญาอ่อน มักจะต้องการความช่วยเหลือพิเศษจึงจะสามารถเรียนรู้ได้
ค่า IQ ต่ำกว่า 70 คือ สติปัญญาบกพร่องจะต้องอาศัยระบบการศึกษาพิเศษ
🔹ความรุนแรงของความบกพร่อง ซึ่งแบ่งได้เป็น
-บกพร่องอย่างอ่อน คือ เรียนรู้ทางด้านวิชาการได้ในระดับหนึ่ง สามารถอ่านออกเขียนได้ โดยในการเรียนรู้จะต้องใช้เวลาที่มากกว่าปกติ
-บกพร่องปานกลาง คือ สามารถฝึกฝนสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวันได้
-รุนแรงถึงรุนแรงมาก คือ เป็นกลุ่มที่ต้องอาศัยผู้ดูแลอยู่ตลอดเวลาเพราะช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น การกิน การถ่าย มีโรคทางกายเห็นเด่นชัดร่วมด้วย
🔹สาเหตุของภาวะปัญญาอ่อน
 
1.ความผิดปกติทางพันธุกรรม มีภาวะผิดปกติของโครโมโซม
2.เกิดปัญหาระหว่างการตั้งครรภ์ อาจมีปัจจัยที่กระทบกระเทือนต่อพัฒนาการสมองของทารกในครรภ์จนทำให้เกิดภาวะปัญญาอ่อน เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเสพติด ผู้เป็นแม่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี เกิดภาวะติดเชื้อ หรือมีภาวะครรภ์เป็นพิษ
3.เกิดปัญหาระหว่างการคลอด เช่น เด็กขาดออกซิเจนในขณะคลอดหรือคลอดก่อนกำหนด
4.การเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคหัด
5.การได้รับบาดเจ็บที่กระทบกระเทือนสมอง เช่น การบาดเจ็บบริเวณศีรษะจากอุบัติเหตุ เกิดการติดเชื้อในสมอง
6.การเจ็บป่วยอื่น ๆ เช่น มีความผิดปกติของเนื้อสมอง สมองผิดรูป โรคลมชัก
7.ปัจจัยภายนอก เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเสพติด ได้รับสารพิษอย่างสารปรอทหรือสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย มีสุขอนามัยที่ต่ำมาก เคยจมน้ำ เคยถูกทารุณกรรม เคยถูกละเลยการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ผู้ปกครอง และถูกกักขังหรือแยกตัวออกจากสังคมเป็นเวลานาน
🔹แนวทางการรักษา
 
1.การกระตุ้นพัฒนาการ ได้ผลดีมากในเด็กเล็ก ควรให้การวินิจฉัยภายในขวบปีแรก เมื่อสังเกตเห็นเด็กมีพัฒนาการช้ากว่าเกณฑ์ปกติ และควรประเมินพัฒนาการของเด็กทุก2-4 เดือน เพื่อคัดกรอกภาวะปัญญาอ่อน หากรู้ไวก็จะได้รับการกระตุ้นพัฒนาการได้ทัน
2.การจัดการเรียนให้เหมาะสมกับสติปัญญาและความสามารถของเด็ก เพราะเด็กบางคนสามารถเรียนในโรงเรียนปกติได้ บางคนก็ต้องเรียนในโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ บางคนเหมาะกับการฝึกอาชีพ บางคนที่เป็นมากก็ต้องอยู่ในโรงพยาบาลหรือสถาบันฝึกสำหรับเด็กที่เป็นภาวะปัญญาอ่อนโดยตรง
🔹การป้องกันภาวะปัญญาอ่อนในเด็กแรกเกิด
 
1.สำหรับผู้มีประวัติครอบครัวป่วยด้วยโรคทางพันธุกรรม ควรรับการตรวจหาโรคก่อนวางแผนตั้งครรภ์
2.ผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์ในช่วงอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ควรรับการตรวจคัดกรองกลุ่มดาวน์ซินโดรม
3.ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ระหว่างตั้งครรภ์
4.ควรฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด
5.ไปตรวจครรภ์ตรงตามนัดหมายทุกครั้ง เพื่อให้ทราบถึงอาการผิดปกติ และสามารถแก้ไขหรือรักษาได้ทันท่วงที
มารดาจำเป็นต้องรู้จักรักษาตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีในขณะตั้งครรภ์ ไม่ควรดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือใช้ยาเสพติด ค่อยหมั่นสังเกตการพัฒนาทางกายและใจของลูกในขณะที่คลอดออกมาปกติหรือไม่ เช่นการคว่ำ ชันคอ นั่ง เดิน พูด ถ้าหากมีพัฒนาการช้าไปก็ควรรีบปรึกษาแพทย์
📌ร่วมแบ่งปันข้อมูล แลกเปลี่ยนความรู้ เกี่ยวกับการดูแลเด็กออทิสติก สมาธิสั้น พัฒนาการช้า แบบไม่ใช้ยา ได้ที่กลุ่ม>>https://bit.ly/3wk0l3M
✅ทำแบบประเมินอาการออทิสติก ATEC ได้ที่ >> https://neurobalanceasia.com/atec/
#Neurobalanceasia #Neurofeedback #Biofeedback #Brain #healthwellness #Autism #ADHD #Hyperactivity #ASD #Downsyndrome #Sensoryprocessingdisorder #ออทิสติก #สมาธิสั้น #พัฒนาการช้า #พูดช้า #สมอง #ดาว์นซินโดรม #อารมณ์รุนแรง
โฆษณา