9 พ.ย. 2021 เวลา 07:09 • ธุรกิจ
อยากบุกจีนต้องรู้ ! วิธีรับมือเมื่อจดเครื่องหมายการค้าในจีนไม่ผ่าน
ในยุคที่ไม่ว่าฐานกำลังซื้อและกำลังผลิตของโลกต่างก็ขึ้นอยู่กับประเทศมหาอำนาจอย่างจีน เจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ จึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องมีความเกี่ยวพันกับประเทศจีนในเชิงการค้าไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น อาจมีการว่าจ้างโรงงานผลิตสินค้าหรือวัตถุดิบบางส่วนในประเทศจีน หรือมีความต้องการจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์และช่องทางกระจายสินค้าที่มีอยู่นับไม่ถ้วนในประเทศจีนนั่นเอง
สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการหรือเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในระยะที่ผ่านมา และมักจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการละเมิดหรือถูกลอกเลียนแบบในภายหลัง นั่นก็คือ “การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศจีน”
และแน่นอนว่าผู้ประกอบการหรือเจ้าของแบรนด์จำนวนหนึ่งย่อมประสบความสำเร็จในการจดทะเบียนและทำให้เครื่องหมายการค้าได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศจีน แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ต้องเผชิญกับปัญหาระหว่างการจดทะเบียนอยู่ ซึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยและเป็นอุปสรรคสำคัญของเจ้าของแบรนด์ต่าง ๆ คงหนีไม่พ้น “การถูกปฏิเสธไม่รับจดทะเบียน” นั่นเอง
IDG ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องหมายการค้าไม่น้อยไปกว่า 10 ปี ได้มองเห็นถึงเหตุผลในการปฏิเสธของนายทะเบียน ที่มีความเป็นไปได้ตั้งแต่ การที่เครื่องหมายขาดลักษณะบ่งเฉพาะตามกฎหมาย (Lack of Distinctiveness), มีองค์ประกอบที่ต้องห้ามตามกฎหมาย (In contrary to Public Order or Good Morals) หรือ มีลักษณะที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น (Likelihood of Confusion) ซึ่งสามารถพบได้มากที่สุดสำหรับผู้ประกอบการไทย
ถ้าให้พูดถึงในส่วนของการรับมือเมื่อเครื่องหมายการค้าถูกปฏิเสธ จะมีด้วยกันหลายวิธีที่สามารถทำได้ โดยครั้งนี้ IDG จะขอกล่าวถึงเฉพาะวิธีหลัก ๆ ที่เป็นที่นิยมสำหรับเจ้าของแบรนด์ ดังนี้
1.การอุทธรณ์คำสั่งปฏิเสธ (Trademark Review)
เมื่อได้รับคำสั่งปฏิเสธโดยอ้างเหตุความเหมือนหรือคล้ายจากตัวแทนเครื่องหมายการค้า (หรือในบางกรณีอาจได้รับแจ้งจากบริษัทตัวแทนอื่น ๆ จากประเทศจีน) ควรตรวจสอบถึงวันที่ได้รับคำสั่งในทันที เพราะจะมีผลไปถึงวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ด้วย ปัจจุบันประเทศจีนกำหนดระยะที่สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับคำสั่ง
“การอุทธรณ์คำสั่งปฏิเสธ” (Trademark Review) เป็นเสมือนการร้องขอให้มีการทบทวนเหตุผลในการพิจารณาเครื่องหมายการค้า ผ่านการนำเสนอข้อเท็จจริงและเอกสารหลักฐานที่แสดงว่าเครื่องหมายการค้าของท่าน แตกต่างกับเครื่องหมายการค้าที่นายทะเบียนอ้างถึงในคำสั่งปฏิเสธ ตลอดจนหลักฐานที่แสดงถึงสิทธิที่ดีกว่าในความเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น ๆ หรือหลักฐานที่แสดงถึงความมีชื่อเสียงแพร่หลายของเครื่องหมายการค้า เป็นต้น
โอกาสสำเร็จของการอุทธรณ์ นอกจากจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและหลักฐานของฝั่งเจ้าของแบรนด์แล้วนั้น ยังจะต้องประเมินจากจำนวนเครื่องหมายการค้าที่นายทะเบียนอ้างถึงในคำสั่งปฏิเสธ และระดับของความเหมือนหรือคล้ายนั้น ๆ อีกด้วย
แม้เอกสารหลักฐานจะเป็นส่วนสำคัญในการอุทธรณ์ แต่ไม่ได้มีการบังคับ และเจ้าของแบรนด์สามารถอุทธรณ์ให้สำเร็จได้แม้ไม่มีเอกสารหลักฐานประกอบเลยก็ตาม แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่มีและรายละเอียดในคำสั่งปฏิเสธด้วย
ในกรณีที่เจ้าของแบรนด์ต้องการนำส่งหลักฐานแต่ต้องการเวลาในการรวบรวม ก็สามารถระบุในคำอุทธรณ์ได้ว่าประสงค์จะนำส่งหลักฐานเพิ่มเติมในภายหลัง ไม่เกิน 90 วันนับจากวันที่ได้ยื่นอุทธรณ์
กระบวนการอุทธรณ์ใช้ระยะเวลาประมาณ 8 – 12 เดือนจึงจะทราบผล หากสำเร็จ เครื่องหมายการค้าจะได้รับการประกาศโฆษณาเป็นระยะเวลา 90 วัน และได้รับหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนต่อไป แต่หากการอุทธรณ์ไม่สำเร็จ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม เจ้าของแบรนด์ยังสามารถยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยนั้น ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศจีนต่อได้ แต่ก็จะต้องประเมินความเป็นไปได้โดยตัวแทนหรือผู้เชี่ยวชาญก่อน เพราะส่วนใหญ่มักจะดำเนินการให้สำเร็จในชั้นศาลได้ยากหากไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ
2. การแก้ไข/ปรับเปลี่ยนชื่อหรือภาพเครื่องหมายการค้าเพื่อยื่นคำขอจดทะเบียนใหม่ และการรีแบรนด์ (Rebranding)
เนื่องจากประเทศจีนเป็นประเทศที่ใช้ระบบการจดทะเบียนแบบ ‘First-to-file’ ซึ่งทำให้มีการสันนิษฐานว่าผู้ที่ยื่นคำขออยู่ก่อนมีสิทธิที่ดีกว่า ดังนั้น หลาย ๆ ครั้ง เจ้าของแบรนด์อาจพบว่ามีเครื่องหมายที่มีชื่อหรือภาพคล้ายกับของตัวเองที่มีการจดทะเบียนไว้อยู่ก่อนแล้ว หากเป็นเพียงความบังเอิญ ซึ่งเกิดขึ้นได้สำหรับประเทศจีนที่มีจำนวนคำขอต่อปีเกินกว่า 30 ล้านคำขอที่สูงที่สุดของโลก เพราะฉะนั้นการเลี่ยงความเหมือนหรือคล้ายนี้ โดยที่เจ้าของแบรนด์ยอมที่จะแก้ไข หรือปรับชื่อแบรนด์ เช่น ตัดส่วนที่คล้ายกับคนอื่น เปลี่ยนตัวอักษรบางตัว ออกแบบองค์ประกอบต่าง ๆ มาใหม่ เติมคำหรือข้อความอื่น ๆ หรืออาจใช้โอกาสนี้ในการรีแบรนด์เลยก็ย่อมได้ หากยังไม่ได้มีการเริ่มสร้างฐานลูกค้าในประเทศจีนนั่นเอง ทั้งนี้ เพื่อให้มีโอกาสได้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศจีนอาจเป็นทางออกที่เหมาะสมและประหยัดเวลา ตลอดจนค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด
ในขณะเดียวกัน IDG ก็มองเห็นว่า วิธีที่เพิ่งกล่าวไปนี้ก็อาจไม่เหมาะกับทุก ๆ แบรนด์ เพราะเท่ากับเป็นการสร้างเงื่อนไขและข้อจำกัดบางประการให้กับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการตลาด หรือการผลิต ที่จะต้องปรับให้เป็นไปตามการแก้ไข ปรับเปลี่ยนชื่อ หรือ ภาพเครื่องหมายการค้านั้น ๆ อีกด้วย
ในการยื่นคำขอใหม่ เจ้าของแบรนด์ควรเลือกระบุรายการสินค้า/บริการโดยพยายามเลี่ยงรายการที่อาจมีความทับซ้อนกับเครื่องหมายที่นายทะเบียนเคยยกอ้างในคำสั่งปฏิเสธนั่นเอง และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำในการสืบค้นเครื่องหมายการค้า เพื่อเลี่ยงโอกาสในการได้รับการปฏิเสธอีกครั้งจากเหตุความเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายของบุคคลอื่น
** ซึ่งในส่วนของรายละเอียดที่กล่าวมานี้ ทาง IDG มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาฟรี และ บริการที่ตอบโจทย์เจ้าของแบรนด์หลาย ๆ ท่านตามที่ต้องการ
เจ้าของแบรนด์อาจพิจารณาการยื่นคำขอใหม่ผ่านการยื่นคำขอภายในประเทศ (National Filing) ผ่านตัวแทนเครื่องหมายการค้าไปยังสำนักเครื่องหมายการค้าจีน (CNIPA) หรือเลือกระบบทางเลือกอย่างพีธีสารมาดริด (Madrid Protocol) ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนได้
3. การทำหนังสือยินยอมให้สามารถใช้เครื่องหมายการค้าในเชิงพาณิชย์ร่วมกัน (Trademark Coexistence Agreement/Letter of Consent)
อย่างที่กล่าวไปว่าประเทศจีนมีปริมาณคำขอต่อปีจำนวนมาก ส่งผลให้โอกาสในการจดทะเบียนสำเร็จที่ลดน้อยลงทุกปีเพราะไม่ว่าจะคิดชื่อแบรนด์มาดีแค่ไหนก็มีโอกาสที่จะไปเหมือนกับเครื่องหมายที่ยื่นคำขอไว้ก่อนหน้านี้แล้วอยู่ดี จึงทำให้มีการเกิดวิธีการแก้ไขที่เป็นที่ยอมรับในทางปฏิบัติของสำนักเครื่องหมายการค้าจีน
แม้ว่าในปัจจุบัน การได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้รับจดทะเบียนอยู่ก่อนจะยังไม่สามารถรับประกันความสำเร็จในการจดทะเบียนได้ แต่ทั้งสำนักเครื่องหมายการค้าฯ และชั้นพิจารณาคดีในศาลทรัพย์สินทางปัญญา รวมไปถึง หนังสือยินยอมดังกล่าว เริ่มมีบทบาทในการโน้มน้าวและส่งผลให้เครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกันสามารถได้รับจดทะเบียนอยู่ร่วมกันในประเทศจีนได้ ตามเจตนาของคู่กรณี และสอดคล้องกับหลักการสากลแบบเดียวกันในหลาย ๆ ประเทศ ที่อนุญาตให้มีการนำส่งหนังสือยินยอมนี้เพื่อให้เครื่องหมายการค้าได้รับจดทะเบียนนั่นเอง
เมื่อได้รับคำสั่งปฏิเสธเพราะเหตุความเหมือนหรือคล้าย เจ้าของแบรนด์ควรตรวจสอบว่ามีเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ถูกอ้างประกอบการปฏิเสธอยู่มากน้อยแค่ไหน หากมีเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ถูกอ้างมามากกว่า 1 ราย อาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะใช้วิธีนี้ในการหักล้างคำสั่งปฏิเสธได้ เพราะหัวใจสำคัญของวิธีนี้ คือการเจรจากับเจ้าของเครื่องหมายการค้าดังกล่าว เพื่อให้ได้หนังสือยินยอมที่ลงนามเรียบร้อยมา เป็นการแสดงถึงการรับรู้และการให้อนุญาตให้เครื่องหมายของท่าน สามารถอยู่ร่วมกัน (coexist) ในทางทะเบียนและในเชิงพาณิชย์
การยินยอมลักษณะนี้ ไม่ใช่การเป็นเจ้าของร่วมในเครื่องหมายการค้าแต่อย่างใด เพราะต่างคนต่างสามารถใช้เครื่องหมายการค้าที่อาจมีชื่อคล้ายกัน หรือชื่อเหมือนกันแต่ดีไซน์ต่างกันได้ โดยไม่กระทบต่อผลประโยชน์ซึ่งกันและกันนั่นเอง ซึ่งเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนอยู่ก่อน อาจมีการเรียกร้องขอค่าตอบแทนหรือการจำกัดสิทธิต่าง ๆ ได้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการเจรจาต่อรองค่ะ
อย่างไรก็ตาม IDG มองเห็นว่าการเจรจาเพื่อขอความยินยอมนี้ ในทางปฏิบัติเจรจาที่จะให้มีการสำเร็จได้ เป็นเรื่องค่อนข้างยาก และมักเป็นไปได้กับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักอยู่บ้างแล้ว และมีกำลังเพียงพอที่จะเจรจาต่อรอง ทั้งยังมีข้อจำกัดอื่น ๆ แวดล้อมอีกด้วย อย่างเช่น การติดต่อเพื่อขอเจรจา, ภาษา, เจตนาที่ไม่สุจริตหรือเรียกร้องสิทธิเกินสมควรของฝ่ายตรงข้าม หรือแม้กระทั่งกรอบเวลาที่จำกัด เพราะจะต้องมีการนำส่งหนังสือยินยอมภายในกระบวนการอุทธรณ์คำสั่งปฏิเสธ หรืออุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาเท่านั้น อีกทั้ง ยังไม่ได้รับรองการจดทะเบียนสำเร็จอีก หากเป็นแบรนด์ที่เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจหรือเข้าสู่ตลาดจีน อาจต้องพิจารณาให้ดีและควรปรึกษาตัวแทนหรือผู้เชี่ยวชาญก่อน ซึ่ง IDG มีผู้เชี่ยวชาญ และ ประสบการณ์ที่ยินดีให้คำปรึกษาเจ้าของแบรนด์ว่าควรตัดสินใจอย่างไร
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดกับแบรนด์ของท่านในอนาคต และ ยังมอบสิทธิในฐานะเจ้าของเครื่องหมายการค้าหลายประการแก่ผู้ที่จดทะเบียนได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องพิจารณาและดำเนินการก่อนที่สินค้าหรือบริการจะเป็นที่รู้จักแพร่หลาย เพราะอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีนำแบรนด์ของท่านไปจดทะเบียนไว้ก่อน และสร้างปัญหาอีกนับไม่ถ้วน ยิ่งเป็นประเทศจีนด้วยแล้ว ยิ่งจดทะเบียนได้ยาก
ดังนั้น เจ้าของแบรนด์ควรมีการวางแผนและเลือกดำเนินการให้เหมาะสม และควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการวางแผนรับมือกับคำสั่งปฏิเสธอย่างมีประสิทธิภาพ และ ประหยัดเวลา
โฆษณา