9 พ.ย. 2021 เวลา 13:29 • ดนตรี เพลง
Cat’s in the Cradle
Harry Chapin
หลายปีก่อน มีภาพยนตร์โฆษณารณรงค์เลิกบุหรี่ชิ้นหนึ่ง นำเพลงนี้มาเป็นเพลงประกอบ แต่เรื่องราวไม่ค่อยจะตรงกับเนื้อหาของเพลงเท่าไหร่นัก นอกจากว่าเป็นเรื่องของพ่อกับลูกชายเหมือนกัน
เพลงนี้ประพันธ์ขึ้นเมื่อปี คศ. 1974 โดย Harry Chapin และขับร้องเองเป็น version ต้นฉบับ Harry Chapin ถูกจัดเป็นนักร้องประเภทดังเพลงเดียว คือ นอกจากเพลงนี้แล้ว ไม่มีเพลงอื่นๆของเขาที่เป็นที่รู้จักเลยหรืออาจจะมีบ้างในวงแคบๆ เพลงนี้ถูกตัดออกมาเป็นแผ่นซิงเกิ้ล ออกวางจำหน่ายได้เพียงไม่นานก็ขึ้นถึงอันดับ 1 ของนิตยสารบิลบอร์ดอยู่นานหลายสัปดาห์ ซึ่งก็สมควรอยู่หรอกเพราะลุงชาลีฟังเพลงนี้ครั้งแรก ก็เกิดอาการ “ปิ๊ง” ขึ้นมาทันที
ในเนื้อหาของเพลงกล่าวถึง พ่อที่เลี้ยงดูบุตรชายมาตั้งแต่วัยแบเบาะ ตัวพ่อเองก็อยู่ในวัยทำงานก่อร่างสร้างตัว จึงไม่ค่อยมีเวลาได้เล่นหัวกับลูกได้บ่อยนัก ขณะที่เจ้าตัวเล็กก็เริ่มโต เป็นวัยที่กำลังต้องการพ่อแม่ อยากเล่นกับพ่อ ชวนพ่อเล่นขว้างลูกเบสบอล พ่อก็บอก เอาไว้วันหลัง วันนี้พ่อเหนื่อยจากการงาน เจ้าลูกชายก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก เพียงแต่คิดในใจว่าโตขึ้นจะเป็นเหมือนพ่อ ( I’m gonna be like him )
วันเวลาผ่านล่วงเลย ไอ้หนูเติบโต เรียนจบมหาวิทยาลัย เริ่มต้นชีวิต ทำงานอยู่ในต่างเมือง ฝ่ายพ่อก็เริ่มย่างเข้าสู่วัยเกษียณ และกลายเป็นฝ่ายโหยหา อยากพบปะพูดคุยประสาพ่อลูก ก็ทำได้เพียงแค่พูดกันไม่กี่คำทางโทรศัพท์ เจ้าลูกชายก็บอกว่า คิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่งานยุ่งมาก ไม่สามารถปลีกเวลาได้จริงๆ ขอบคุณที่โทรมานะพ่อ คุณพ่อวางโทรศัพท์อย่างห่อเหี่ยว อ้างว้าง พร้อมกับครุ่นคิด เออ.....ไอ้หนู เอ็งมันช่างเหมือนพ่อจริงๆ ( My boy was just like me )
เป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ ที่ในวัยเด็กไม่อยากห่างพ่อแม่ ไปไหนก็ต้องไปด้วยพ่อ-แม่-ลูก บางครั้งต้องไปในสถานที่ไม่เหมาะสำหรับเด็ก ก็ต้องฝากเลี้ยงซึ่งเจ้าตัวเล็กไม่ได้ยินยอมง่ายๆหรอก ออกฤทธิ์ใหญ่โต ต้องติดสินบนถึงจะสงบลงได้ จวบจนเขาย่างเข้าสู่วัยรุ่นนั่นแหล่ะ เริ่มมีเพื่อน มีโลกส่วนตัว เริ่มปฏิเสธที่จะไปไหนมาไหนกับพ่อแม่ นอกจากเป็นที่ที่เขาอยากไป
ฉะนั้น คุณพ่อแม่ทั้งหลาย ควรให้เวลากับลูก อยู่กับเขาในช่วงที่เขายังต้องการเรา และมีความสุขยามที่ได้ไปไหนมาไหนกับเรา จะได้ไม่มาบ่นน้อยใจในภายหลังว่าลูกไม่มีเวลาให้ ควรจะฉวยโอกาสในช่วงเวลานั้น ปลูกฝังสิ่งดีงามให้กับเขาตั้งแต่ยังเล็ก เติบใหญ่จะได้เป็นคนดีของสังคม
ทุกวันนี้ พ่อแม่ส่วนใหญ่ มักละเลยในการอบรมสั่งสอนบุตรหลาน ปล่อยให้เป็นภาระของโรงเรียน​ ของครูแต่เพียงผู้เดียว ส่วนตัวเองก็ใช้เวลาไปกับธุรกิจ มุ่งมั่นหาเงิน สะสมความร่ำรวย เป็นเศรษฐีพันล้าน กลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน ปรนเปรอลูกด้วยสินค้าแบรนด์เนม ทิ้งลูกไว้กับบัตรเครดิต ใช้จ่ายตามใจชอบ รอบตัวเขาล้วนแล้วแต่สิ่งของหรูหราฟุ่มเฟือย สิ่งที่ติดตามมาก็คือเราได้เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีชีวิตห่างไกลจากธรรมชาติ บูชาเทคโนโลยี พวกเขารู้จักกุ้งหอยปูปลาเท่าที่มันวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ระบบนิเวศน์ของธรรมชาตินั่นอยู่ห่างไกลจากความคิดของพวกเขา แทบไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ
ระบอบการเมืองในปัจจุบันเอื้ออำนวยให้กับคนร่ำรวยเท่านั้นได้สิทธิ์เข้ามานั่งในสภา ทำให้เรามีผลิตผลจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงินเหล่านี้มาทำหน้าที่บริหารประเทศ เราจึงได้ผู้นำที่ไม่รู้จักหญ้าแฝกหรือแม้กระทั่งคอนกรีตก็ยังอ่านแยกคำยังไม่ถูก และเราได้เห็นเสนาบดีนายหนึ่งกอดคอกับนักธุรกิจร่ำไห้น้ำตาไหลพราก เมื่อเห็นนิคมอุตสาหกรรมจมอยู่ใต้ผืนน้ำ แต่กับภาพผืนนาข้าวที่ถูกน้ำท่วมจนมิดรวงนับแสนไร่ ไม่สามารถสะกิดต่อมรับรู้ใดๆของเขาเลย
คนรุ่นใหม่มองเห็นประกายวูบวาบของเพชรนิลจินดาสวยกว่าแสงระยิบวาววับของหิ่งห้อยบนกิ่งลำพู หรือเสียงกรีดธนบัตรจากเครื่องนับในธนาคาร เพราะพริ้งกว่าเสียงสายลมเบียดใบไม้ริมคลอง
ลุงชาลีมิได้ปฏิเสธเทคโนโลยี ยอมรับว่ามันเป็นคุณประโยชน์มหาศาล แต่เราต้องไม่ตกเป็นทาสของมัน ต้องควบคุมมันให้อยู่ในปริมาณที่พอดี เคียงคู่ไปกับวิถีแห่งธรรมชาติ แล้วจะพบว่า โลกเรานี้มันช่างสวยสดงดงามเหลือเกิน.
โฆษณา