10 พ.ย. 2021 เวลา 05:45 • ประวัติศาสตร์
ทฤษฎี 6 ข้อเกี่ยวกับ “แอตแลนติส (Atlantis)”
“แอตแลนติส (Atlantis)” คือตำนานเกี่ยวกับดินแดนในสมัยโบราณที่เชื่อว่ามีอารยธรรมก้าวหน้า เป็นดินแดนมหัศจรรย์ และทุกวันนี้ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าดินแดนแห่งนี้เคยมีอยู่จริงหรือไม่
ได้มีทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับแอตแลนติสมากมาย และที่ผมยกมานำเสนอนี้ คือส่วนหนึ่งในทฤษฎีเหล่านั้น
1.แอตแลนติสคือทวีปกลางมหาสมุทรแอตแลนติกที่อยู่ๆ ก็จมลงใต้ทะเล
1
ความคิดที่ว่าแอตแลนติสเป็นสถานที่ๆ มีอยู่จริง ไม่ใช่เพียงแค่ตำนานที่แต่งขึ้น เพิ่งจะปรากฎขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19
1
“อิกเนเทียส แอล. ดอนเนลลี (Ignatius L. Donnelly)” นักการเมืองและนักเขียนชาวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “Atlantis, the Antediluvian World” ในปีค.ศ.1882 (พ.ศ.2425) ได้กล่าวว่าความรุ่งเรืองของโลกยุคโบราณต้องมีรากฐานมาจากอารยธรรมที่เก่าแก่ หากแต่มีความก้าวหน้าอย่างสูง โดยสาเหตุที่เขาคิดอย่างนี้ เนื่องจากมองว่ามนุษย์ในสมัยโบราณไม่ได้ฉลาดและรอบรู้พอที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ก้าวหน้าได้
อิกเนเทียส แอล. ดอนเนลลี (Ignatius L. Donnelly)
ดอนเนลลีเชื่อว่าแอตแลนติสเป็นทวีปที่จมอยู่ใต้น้ำ ในตำแหน่งที่เพลโต (Plato) เคยกล่าวอ้าง นั่นคือในมหาสมุทรแอตแลนติก ใกล้กับ “เสาหินแห่งเฮอร์คิวลิส (Pillars of Hercules)” ซึ่งเป็นเสาหินที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งของช่องแคบยิบรอลตาร์
ในปัจจุบัน ก็ยังมีคนบางส่วนที่เชื่อในทฤษฎีนี้ หากแต่จากการสำรวจ ก็ไม่ได้พบหลักฐานที่แน่ชัดที่จะช่วยสนับสนุนทฤษฎีนี้
1
2.แอตแลนติสจมลงเนื่องจาก “สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (Bermuda Triangle)”
1
ในเวลาต่อมา นักเขียนหลายคนก็ได้รับแรงบันดาลใจจากทฤษฎีของดอนเนลลี และได้สนับสนุนทฤษฎีของดอนเนลลี หากแต่ได้มีการวิเคราะห์ แสดงความเห็นของตนเองลงไป คาดการณ์ว่าแอตแลนติสน่าจะอยู่ที่ไหน
หนึ่งในนักเขียนเหล่านี้ คือ “ชาร์ลส์ เบอร์ลิทซ์ (Charles Berlitz)” นักเขียนชาวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติหลายเล่ม
ชาร์ลส์ เบอร์ลิทซ์ (Charles Berlitz)
ในยุค 70 (พ.ศ.2513-2522) เบอร์ลิทซ์ได้กล่าวอ้างว่าแอตแลนติสคือทวีปที่มีอยู่จริง ตั้งอยู่นอกบาฮามาส และต้องสูญสิ้นความรุ่งเรืองเนื่องจาก “สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า (Bermuda Triangle)”
4
สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า คือบริเวณในมหาสมุทรแอตแลนติก ที่ซึ่งเรือจำนวนหลายลำได้สาปสูญไปอย่างปริศนา และแอตแลนติส ก็อาจจะสูญหายเนื่องจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
3.แอตแลนติสคือทวีปแอนตาร์กติกา (Antarctica)
ทฤษฎีนี้กล่าวว่าแอตแลนติสนั้น จริงๆ แล้วคือทวีปแอนตาร์กติกา โดยเจ้าของทฤษฎีนี้คือ “ชาร์ลส์ แฮปกู๊ด (Charles Hapgood)” ศาสตราจารย์และนักเขียนชาวอเมริกัน
แฮปกู๊ดได้กล่าวว่าเมื่อ 12,000 ปีก่อน ได้เกิดการเลื่อนของเปลือกโลก ทำให้ดินแดนที่ปัจจุบันคือแอนตาร์กติกา ได้เลื่อนไปทางเหนือ เกิดความเปลี่ยนแปลงของดินแดน
ในทวีปแห่งนี้ คือสถานที่กำเนิดอารยธรรมโบราณที่ก้าวหน้า หากแต่ความเปลี่ยนแปลงจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกอย่าวรวดเร็ว ทำให้ชาวแอตแลนติสจำนวนมากเสียชีวิต และเมืองทั้งเมืองก็จมอยู่ใต้น้ำแข็ง
1
ชาร์ลส์ แฮปกู๊ด (Charles Hapgood)
4.แอตแลนติสเป็นเพียงเรื่องเล่าเกี่ยวกับภาวะน้ำท่วมในทะเลดำ
ทฤษฎีนี้กล่าวว่าแอตแลนติสเป็นเรื่องแต่ง หากแต่มีเค้าโครงจากเหตุการณ์จริง นั่นคือการเกิดน้ำทะลักท่วมทะเลดำเมื่อราว 5,600 ปีก่อนคริสตกาล
ภาวะน้ำท่วมนี้ทำให้แหล่งอารยธรรมที่สำคัญได้รับความเสียหาย และชาวเมืองที่กระจายไปยังดินแดนอื่น ก็ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ก็ได้กลายเป็นตำนาน จนเกิดเป็นเรื่องเล่าของแอตแลนติสในที่สุด
1
5.แอตแลนติสคืออารยธรรมไมนวน ซึ่งรุ่งเรืองในบริเวณหมู่เกาะของกรีกโบราณ เมื่อราวๆ 2,500-1,600 ปีก่อนคริสตกาล
อีกหนึ่งทฤษฎีเกี่ยวกับแอตแลนติส ก็มีความเกี่ยวข้องกับอารยธรรมโบราณบริเวณหมู่เกาะของกรีกโบราณ นั่นคือเกาะครีตและเทรา
2
อารยธรรมนี้เป็นของชาวไมนวน ซึ่งดำรงอยู่เมื่อกว่า 4,000 ปีก่อน
เชื่อกันว่าอารยธรรมไมนวนเป็นอารยธรรมแรกๆ ของยุโรป โดยชาวไมนวนมีความเจริญรุ่งเรือง มีการสร้างอาคาร วิหารที่อลังการ และเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกๆ ที่มีภาษาเขียน
แต่ในช่วงรุ่งเรืองสุดขีดนี้เอง อยู่ๆ อารยธรรมนี้ก็สาปสูญไปจากประวัติศาสตร์ ทิ้งเพียงคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกาะเทราเมื่อราวๆ 1,600 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งตามมาด้วยคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ ทำลายล้างเมืองไมนวนจนสิ้น
และนักประวัติศาสตร์บางรายก็เชื่อว่าอารยธรรมไมนวนนี่แหละ คือแอตแลนติส
1
6.แอตแลนติสไม่เคยมีอยู่จริง เป็นเพียงเรื่องแต่งของเพลโต (Plato)
จากทฤษฎีนี้ นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์หลายคนมองว่าแอตแลนติสเป็นเพียงเรื่องแต่งของเพลโต (Palto) นักปรัชญากรีกโบราณ
นอกจากข้อเขียนของเพลโตเกี่ยวกับแอตแลนติส ก็ไม่มีบันทึกไหนที่กล่าวถึงแอตแลนติส อีกทั้งจากการสำรวจทางโบราณคดี ก็ไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดถึงการเคยมีอยู่ของอารยธรรมนี้เลย จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเพียงเรื่องแต่งเท่านั้น
แล้วคุณล่ะครับ เชื่อว่าทฤษฎีไหนน่าจะเป็นไปได้ที่สุด?
1
โฆษณา