Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
no name
•
ติดตาม
11 พ.ย. 2021 เวลา 02:00 • กีฬา
" 3 ปีสู่แชมป์ดราม่าของอาร์เซน่อล "
'คุณอยากได้แชมป์ หรือคุณอยากเล่นให้สนุกโดยไม่มีแชมป์?' โดยส่วนตัว ผมถูกสอนมาให้ชนะไว้ก่อน จากนั้นเราค่อยมาว่ากันเรื่องสไตล์หลังจากเราชนะแล้ว"
จอร์จ เกรแฮม อดีตผู้จัดการทีมยุคอาร์เซน่อลยิ่งใหญ่ในทศวรรษที่ 80s ต่อ 90s เคยว่าเอาไว้
"บิ๊กจอร์จ" คือผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับอาร์เซน่อล เขาพาทีมได้แชมป์ ลีกสูงสุด 2 สมัย, เอฟเอ คัพ1 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย, ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ อีก 1 สมัย ตลอดการคุมทีม 9 ปี
เขาคือผู้ที่ทำให้อาร์เซน่อลได้ฉายาว่า "บอริ่ง อาร์เซน่อล" อาร์เซน่อลที่เล่นได้น่าเบื่อ เพราะเน้นเกมรับแน่น แบ็กโฟร์ต้องแข็งแกร่ง เน้นผลการแข่งขัน โดยเรื่องเล่นให้สวยงามเอาไว้ที่หลัง
แชมป์ลีกสูงสุด สมัยยังเป็น ดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 1990/91 อาร์เซน่อล ได้แชมป์โดยลงเตะ 38 นัด เสียไปแค่ 18 ประตูเท่านั้น!
1
แต่ที่ทำให้อาร์เซน่อลของ จอร์จ เกรแฮม ถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์คือแชมป์ดิวิชั่น 1 ในปี 1988/89 มากกว่า...
2
ก็อย่างที่ บิ๊กจอร์จ บอกเอาไว้ ผลลัพธ์มาก่อนวิธีการ โดยต้องไม่ลืมว่างานของเขา ไม่ใช่ของง่ายเลยเมื่อถูกแต่งตั้งมาคุมอาร์เซน่อลตอนปี 1986
ช่วงนั้น อาร์เซน่อล มั่วซั่วมาก ไม่ติดท็อป 5 มาหลายปีแล้ว แชมป์สุดท้ายคือ เอฟเอ คัพ ในปี 1978/79
แชมป์ต่างๆ ในประเทศตกเป็นของลิเวอร์พูล กับเอฟเวอร์ตัน เป็นส่วนใหญ่โดยมี แมนฯ ยูไนเต็ด เข้ามาแจมแบ่งแชมป์ เอฟเอ คัพ ไปได้บ้าง
ราวช่วงใบไม้ผลิปี 1986 อาร์เซน่อลต้องเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม เมื่อ ดอน ฮาว ลาออกจากตำแหน่ง
สโมสรเล็งไปที่ เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ แต่ได้รับการปฏิเสธ อาร์เซน่อล จึงเล็งไปที่กุนซือไฟแรงแห่งยุคจากสก็อตแลนด์ นั่นคือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยมีแผนจะดึงเอา จอร์จ เกรแฮม เข้ามาเป็นมือขวาด้วย
ขณะนั้น เกรแฮม ในวัย 42 ปี เป็นผู้จัดการทีมหนุ่ม เพิ่งผ่านการคุมมิลล์วอลล์มาแค่ทีมเดียว
แผนงานของ อาร์เซน่อล ต้องล้มไปเพราะช่วงดังกล่าว เฟอร์กี้ ซึ่งคุมอเบอร์ดีนอยู่ ติดภารกิจเพื่อชาติ ต้องไปคุมทีมชาติสก็อตแลนด์ควบคู่ไปด้วย เตรียมทีมไปลุยฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก เนื่องจาก จ็อค สตีน เสียชีวิตกระทันหัน
เฟอร์กี้ บอกว่าเขาขอตัดสินใจหลังฟุตบอลโลกจบก่อน ทำให้อาร์เซน่อล เรียกตัว จอร์จ เกรแฮม มาสัมภาษณ์งานทันที ทั้งที่ตัวของบิ๊กจอร์จ เองไม่ได้ยื่นใบสมัครด้วยซ้ำ
หลังการสัมภาษณ์ อาร์เซน่อลแต่งตั้ง จอร์จ เกรแฮม เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่เลย เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 1986
นั่นคือจุดเริ่มต้นของเขากับสโมสรที่เขาเคยเล่นให้มาก่อนตอนเป็นนักเตะ
จอร์จ เกรแฮม เล่นกองหน้า แล้วผันมาเป็นกองกลาง ติดทีมชาติสก็อตแลนด์ด้วย ฝีเท้าดี เคยเล่นให้ทั้ง วิลล่า, เชลซี, อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคริสตัล พาเลซ
อาร์เซน่อล ที่ดูมั่วซั่ว ไร้ระบบระเบียบ ถูก บิ๊กจอร์จ โละนักเตะที่เป็นเหมือน Deadwood หรือไม่ได้มาตรฐานของเขาออกไปทันที และใช้ไม้แข็ง เอาวินัยเข้ามาใส่ เอาความเข้มเข้ามาใส่เนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทีมในตอนนั้น
"ผมเคี่ยวเข็ญจนนักเตะผมแทบบ้า แต่ผมถูกสอนมาให้เอาชนะ"
ปีแรกในการคุมทีม เกรแฮม พาอาร์เซน่อลได้แชมป์ทันที แชมป์ลีก คัพ ในฤดูกาล 1986/87
ทว่าไฮไลท์ของเขาคือในฤดูกาล 1988/89 กับการแย่งแชมป์ลีกกับลิเวอร์พูล
มันจะมีกี่ครั้งในประวัติศาสตร์กันเชียว ที่โปรแกรมนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2 ทีมที่ลุ้นแชมป์จะได้มาเจอกันเอง ในสถานการณ์ที่สูสีสุดๆ ชนิดอะไรก็เกิดขึ้นได้
หลังจบนัดที่ 37 ตารางคะแนนเป็นดังนี้
1. ลิเวอร์พูล 76 คะแนน ได้ 65 เสีย 26 ผลต่าง +39
2. อาร์เซน่อล 73 คะแนน ได้ 71 เสีย 36 ผลต่าง +35
นั่นหมายความว่า อาร์เซน่อล ยังมีโอกาสคว้าแชมป์ โดยเงื่อนไขสำหรับอาร์เซน่อลคือ
- ต้องชนะด้วยสกอร์ห่าง 3 ประตูขึ้นไปจึงจะได้แชมป์ เพราะแต้มจะเท่า และจะแซงเรื่องผลต่าง
- หากชนะด้วยสกอร์ห่าง 2 ประตูเป๊ะ แต้มเท่า ผลต่างก็เท่า แต่จะได้แชมป์เพราะ "ประตูได้" เยอะกว่าลิเวอร์พูล
หากผลเป็นอื่น เช่น อาร์เซน่อลชนะประตูเดียว หรือลิเวอร์พูลไม่แพ้ แชมป์จะตกเป็นของลิเวอร์พูลทันที
มุมที่อาร์เซน่อลจะบุกมาทำตามเงื่อนไขมีไหม ก็ต้องตอบว่ามี แต่มันไม่ง่ายเพราะเกมนี้เตะที่แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูลเคยบุกไปแบ่งแต้มมาที่ไฮบิวรี่ 1-1 ในเกมแรกที่ทั้งคู่เจอกันตอนต้นซีซั่น
เกมสนุกตั้งแต่นาทีที่ 53 เมื่ออาร์เซน่อล มาได้ฟรีคิก 2 จังหวะ (Indirect Free Kick) บริเวณปีกขวา ไนเจล วินเทอร์เบิร์น เปิดเข้าไปให้ อลัน สมิธ โหม่งเช็ดเข้าประตู
นักเตะลิเวอร์พูลประท้วงว่าบอลไม่โดนหัว สมิธ เพราะถ้าไม่โดน ลูกนี้จะไม่ได้ประตู เพราะเป็นฟรีคิก 2 จังหวะ แต่ผู้ตัดสินปรึกษากับไลน์แมนแล้วก็ให้เป็นประตู
จากนั้นลิเวอร์พูลเองก็มีโอกาสทวงประตูตีเสมอเช่นกัน แต่ก็ไม่สำเร็จ ท้ายเกม จอห์น อัลดริดจ์ ได้บอลค่อยๆ ยิงเข้าไปแต่ก็ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
กระทั่งนาทีที่ 90 พอดี เควิน ริชาร์ดสัน กองกลางอาร์เซน่อล มีอาการบาดเจ็บ แน่นอนว่าไม่ได้สำออย เพราะทีมกำลังต้องการประตู
ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าผู้ตัดสินทดเวลากี่นาที แต่กล้องก็จับไปที่ สตีฟ แม็คมาน ห้องเครื่องของลิเวอร์พูล ยกนิ้วชี้ขึ้นมาบอกเพื่อนร่วมทีม ปากก็บอกว่า "วัน" หมายถึง 1 นาที แล้วกระตุ้นเพื่อนว่าเฮ้ย เอาหน่อย
ขณะนั้นเวลาเหลืออีกไม่กี่วินาทีแล้ว พอเริ่มเล่นกันใหม่ ลิเวอร์พูลพยายามฆ่าเวลาเต็มที่ ผ่านบอลคืนหลัง จ่ายไปที่ผู้รักษาประตู บรูซ กร็อบเบลลาร์
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ โอกาสของอาร์เซน่อลก็น้อยลงทุกวินาที ยังดีที่ได้ทดเพิ่ม จากอาการเจ็บของ ริชาร์ดสัน ในนาทีสุดท้าย
จอห์น บาร์นส์ ได้บอลทางปีกขวา เขาลากบอลลุยเข้าเขตโทษไปแล้วด้วย หากช็อตนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางทีผู้ตัดสินก็อาจจะยกนกหวีดเตรียมเป่าแล้ว
พอดี เควิน ริชาร์ดสัน ไปเกี่ยวบอลมาจากบาร์นส์ที่กำลังลากเลื้อยเข้าเขตโทษอาร์เซน่อล แล้วจ่ายคืนไปที่ผู้รักษาประตู จอห์น ลูคิช ซึ่งตอนนั้นผู้รักษาประตูยังใช้มือรับลูกเปิดของเพื่อนร่วมทีมได้อยู่
ลูคิช คว้าบอลมาแล้วขว้างขึ้นหน้าอย่างเร็ว บอลมาถึง ลี ดิ๊กสัน ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก นอกจากเปิดยาวขึ้นหน้าไปทันที อลัน สมิธ เอาบอลลงได้ แล้วกลับตัวตวัดบอลต่อเมื่อเห็น ไมเคิ่ล โธมัส ทะยานขึ้นมาจากแผงมิดฟิลด์
โธมัส พยายามแตะบอลจังหวะเดียวจะให้เข้าเขตโทษไปติด สตีฟ นิโคล แต่บอลยังเป็นใจเด้งมาเข้าทางเขา ไมเคิ่ล โธมัส นิ่งพอที่จะลากบอลเข้าไปดีดสวนตัว บรูซ กร็อบเบลาร์ เข้าไปตุงตาข่าย
2
นั่นเป็นประตูสำคัญสุดๆ ที่ตรงตามเงื่อนไขพอดิบพอดี
สกอร์ 2-0 ทำให้อาร์เซน่อลมีแต้ม 76 แต้ม, ผลต่างประตูได้เสีย +37 เท่ากับลิเวอร์พูลเป๊ะ แต่พวกเขาจะเป็นแชมป์เพราะมีลูกยิงได้ที่เยอะกว่า (73 ต่อ 65)
ผู้ตัดสินยังให้โอกาสลิเวอร์พูลเขี่ยบอลบุกต่ออีกชุด แต่เมื่ออาร์เซน่อลสกัดได้ และเปิดยาวขึ้นหน้า ในที่สุดบอลก็ออกข้าง จึงเป่านกหวีดยาวในท้ายที่สุด
ทีมงานข้างสนามของอาร์เซน่อลเฮฮากันสุดเหวี่ยง ไม่นับแฟนบอล และนักเตะในสนาม
จะเว้นไว้ก็เพียง จอร์จ เกรแฮม เพียงคนเดียว เขาทำเพียงเดินไปจับมือกับ เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือลิเวอร์พูล แล้วยกสองมือขึ้นมากำหมัดแค่นั้น ก่อนจะปรามคนอื่นๆ ให้ใจเย็นๆ
ภาพของ จอร์จ เกรแฮม ที่นิ่งจนเหลือเชื่อ ทั้งที่นี่คือแชมป์ที่ดราม่าที่สุด น่าเหลือเชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์
แม้จะวางท่านิ่ง มีเพียงรอยยิ้ม และการเดินไปกอดนักเตะในสนาม แต่ความจริง มันตรงข้าม ภายในของ บิ๊กจอร์จ มันแทบระเบิด
"ผมได้คิดเอาไว้แล้วว่าผมจะบอกสื่อยังไงดี บอกทำนองว่า 'คือ เราพยายามเต็มที่แล้ว เราชนะ 1-0 แต่มันก็ยังไม่พอ' คือผมคิดเอาไว้แบบนี้แล้ว อยู่ดีๆ ไมเคิ่ล โธมัส ก็มายิงประตูที่สองให้เราเฉยเลย!"
"ผมวางมาดให้นิ่งไว้ แต่ในใจผมไม่เป็นงั้นเลย ผมต้องแสดงให้เป็นงั้น"
หลังจบเกมคืนนั้น นักเตะอาร์เซน่อล กลับลงไปฉลองกันยับในกรุงลอนดอน ทว่าเจ้านายอย่าง เกรแฮม กลับเลือกที่จะปลีกวิเวก เพื่อเลี่ยงการต้องเจอกับสื่อที่จะต้องมารุมล้อมแน่นอน
เขาเลือกขึ้นเหนือไปยังสก็อตแลนด์บ้านเกิด เพื่อไปผ่อนคลายความตึงเครียดอย่างหนักด้วยการตีกอล์ฟ
"ลูกชายผมมารับผมและเราเดินทางไปที่สก็อตแลนด์ เราดื่มชากับแซนด์วิช ตอนที่คนเสิร์ฟเขามาบริการเรา เขาบอกว่า 'ขอโทษครับ ผมดูเกมฟุตบอลเมื่อคืนนี้ คุณดูเหมือนหนึ่งในคนที่อยู่ตรงซุ้มม้านั่งข้างสนามเลย' ผมก็หัวเราะแล้วบอกไปว่า 'คุณรู้ไหม มีคนพูดแบบนี้หลายคนนะ!'"
จอร์จ เกรแฮม ใช้เวลาเพียง 3 ปี ก็นำแชมป์ลีกสูงสุดกลับมาสู่อาร์เซน่อลได้สำเร็จ
นั่น เป็นแชมป์ดิวิชั่น 1 ครั้งแรกในรอบ 18 ปีของสโมสร เพราะแชมป์ครั้งสุดท้ายก่อนหน้านั้นคือปี 1970/71 ที่ตัวของ จอร์จ เกรแฮม เองยังเป็นนักเตะของอาร์เซน่อลอยู่เลย
1
วิธีการของโค้ชที่ประสบความสำเร็จคือ รู้ลำดับความสำคัญ และมีวิธีการที่จะเปลี่ยนแปลงนักเตะให้กลายเป็นผู้ชนะ
"พื้นฐานของทุกอย่างที่คุณทำคือให้เริ่มจากข้างล่างก่อน เมื่อคุณออกแบบอาคาร คุณไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปเริ่มจากด้านบนนะ คุณเริ่มจากรากฐาน"
"ในฟุตบอล คุณสร้างทีมจากแนวรับ คุณทำฐานให้แน่นแล้วจึงเริ่มทำขึ้นไปจากนั้น หลายคนอยากกระโดดไปเริ่มกลางทางเลย พวกเขาไม่อยากทำงานสกปรก งานเหนื่อยยากลำบาก"
"ผมถามคนในวงการกีฬาว่า 'คุณอยากได้แชมป์ หรือคุณอยากเล่นให้สนุกโดยไม่มีแชมป์?' โดยส่วนตัว ผมถูกสอนมาให้ชนะไว้ก่อน จากนั้นเราค่อยมาว่ากันเรื่องสไตล์หลังจากเราชนะแล้ว"
เพียง 3 ปี จอร์จ เกรแฮม ได้สร้างอาร์เซน่อลจนกลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษได้อีกครั้ง
ปี 1995 จอร์จ เกรแฮม โดนเอฟเอ ตรวจสอบพบว่ารับเงิน "กินเปล่า" จากเอเยนต์รูเน่ เฮาเก้ ชาวนอร์เวย์ ในการซื้อตัว ยอห์น เยนเซ่น กับ พอล ลีเดอร์เซ่น เมื่อปี 1992
แม้เขาจะคืนเงินจำนวนนี้ และยืนยันมาตลอดว่ามันเป็นเงินที่ได้มาเป็นการให้โดยสมัครใจของเอเยนต์ ไม่ได้เกี่ยวกับข้อตกลงในการซื้อนักเตะ แต่ก็ไม่มีผล สุดท้ายทำให้เขาโดนปลดออกจากตำแหน่งและโดนแบน 1 ปี
1
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถของ จอร์จ เกรแฮม ในการคุมทีมลดน้อยลงไป
บอริ่ง อาร์เซน่อล ก็อาจจะใช่ แต่เมื่อเราลองไล่ดูในหน้าประวัติศาสตร์ พวกเขาคือแชมป์ ไม่ใช่เพียงทีมเล่นฟุตบอลได้สนุก แต่แทบไม่มีใครจดจำ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
www.cheerball.com/news/talk
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
Line :
https://line.me/R/ti/p/@cheerballth
Facebook :
www.facebook.com/cheerball
Twitter :
www.twitter.com/cheerballthถ
Website :
www.cheerball.com
Youtube :
www.youtube.com/cheerballth
ขอบคุณครับ
2 บันทึก
6
1
2
6
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย