10 พ.ย. 2021 เวลา 22:28 • ท่องเที่ยว
ใบไม้เริงระบำ ที่คันไซ (10) .. Fushimi Inari Shrine ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (ศาลเจ้าเสาแดง)
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้ญี่ปุ่นเป็นเสมือนสาวทรงเสน่ห์ที่ใครๆก็อยากไปยลโฉมใกล้ๆ … เมืองที่ฮิตฮ๊อตติดชาร์จยอดนิยมของการไปดูการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลสู่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นคงไม่มีที่ใดสามารถแซงหน้า เมืองเกียวโต ไปได้
มีหลายมุมของเกียวโตที่จะช่วยปะติดปะต่อภาพแห่งความงดงามของดินแดนอาทิตย์อุทัย … ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ หรือศาลเจ้าเสาแดง ถือได้ว่าเป็นช๊อตเด็ดของเกียวโตแห่งหนึ่งทีเดียว
ศาลเจ้า กับ วัด ต่างกันอย่างไร? … รู้กันมั๊ยคะ?
ถ้ายึดเอาจากแผนที่ … เครื่องหมายสวัสดิกะ เป็นสัญลักษณ์แทนวัด ส่วนภาพซุ้มประตูที่ประกอบไปด้วยเสาสองข้างและคานพาดด้านบนสองชั้นที่เรียกว่า โทริอิ (Torii) เป็นสัญลักษณ์แทนศาลเจ้า
.. นั่นคือความแตกต่างของศาลเจ้ากับวัด
ศาลเจ้าทุกแห่ง อย่างน้อยจะต้องมีโทริอิอย่างน้อย 1 อันเสมอ หรือจะมากกว่านั้นก็ได้ เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงเขตแดนแยกอาณาเขตศักดอ์สิทธิ์ออกจากพื้นที่ทางโลกภายนอก
โทริอิ .. จะทำจากไม้ หิน โลหะ หรือปูน ก็ได้ทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะสร้างด้วยวัสดุชนิดใด ส่วนใหญ่มักจะทาด้วยสีแดงชาด
จากหนังสือ “เพลินกับญี่ปุ่น” เขียนโดย นพพร สุวรรณพานิช ให้ความรู้ว่า …
… คำว่า “โทริอิ” แม้จะฟังดูเป็นญี่ปุ่นก็จริง แต่รากคำมาจากภาษาสันสกฤต คือคำว่า “โตรน” … ซึ่งโตรนของอินเดียนั้น ไม้ที่วางพาดด้านบนระหว่างสองเสา มี 3 อัน และมีลวดลายสลีกเสลาอย่างอลังการ ส่วนของญี่ปุ่นนั้นเน้นความเรียบง่าย
“โทริอิ” … คือทางเข้าศาลเจ้า เป็นเครื่องหมายแสดงเขตแดนแยกอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ออกจากพื้นที่ทางโลก
หากโทริอิเป็นประตูที่ไม่มีบานเปิด .. นั่นหมายความว่า หากคุณพร้อม ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็พร้อมที่จะต้อนรับคุณตลอดเวลา โดยไม่ต้องมีคำว่า Open 24
ศาลเจ้าทุกแห่งจะต้องมี โทริอิ อย่างน้อย 1 อัน … แต่ที่ศาลเจ้าศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ไทชะ (Fushimi Inari Taisha) มีโทริอิมากกว่าหนึ่งหมื่นอัน !!
ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ( Fushimi Inari Shrine) … ตั้งอยู่ทางอยู่ทางตอนใต้ของเกียวโต ถือเป็นศาลเจ้าชื่อดังที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเสาโทริอิสีแดง .. เสาโทริอิสีแดงขนาดใหญ่มากที่มองเห็นแต่ไกล จะบอกว่าคุณมาถึงศาลเจ้าสุนัขจิ้งจอกที่โด่งดังแล้วค่ะ
โทริอิ และสุนัขจิ้งจอก ณ ด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้าชิฟูชิมื อินาริ … ใครมาถึงก็ต้องโพสท่าถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันค่ะ
ทำไมต้องเป็นสุนัขจิ้งจอก? … ต้องกลับไปว่ากันถึงเรื่องศาสนาค่ะ
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ไทชะ เป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโต … ชินโต เป็นความเชื่อโบราณของขาวญี่ปุ่น
ชิน .. แปลว่า เทพเจ้า
โต .. แปลว่า ศาสตร์ หรือวิถีความเชื่อ
ชินโต .. จึงหมายความถึง ศาสตร์แห่งเทพเจ้า และในช่วงหนึ่งมีการส่งเสริมขนานใหญ่เพื่อให้ผู้คนเกิดความรักชาติแบบเข้มข้น และประเพณี เซ็ปปุกุ หรือการคว้านท้องก็อยู่ในลัทธินี้ จนเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ชินโตจึงลดความสำคัญลงไป แต่ยังคงอยู่ตามศาลเจ้าและประเพณีความเชื่อโดยทั่วไปในญี่ปุ่น เช่น การมีเสาโทริอิเป็นสัญลักษณ์ประตูของศาลเจ้า มีบ่อน้ำให้ล้างมือล้างหน้า
ในลัทธิชินโตจะเน้นเรื่องเทพเจ้า .. เทพเจ้าที่เรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า Kami ก็มีหลายองค์มากๆ และเทพเจ้าก็สามารถแต่งงาน มีลูกได้
ในจำนวนเทพเจ้าทั้งหลาย เทพเจ้า อินาริ (Inari) ถือว่าเป็นเทพเจ้าที่สำคัญ เพราะเป็นเทพแห่งแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว ข้าว ชา และสาเก ตลอดจนอื่นๆอีกมาก ถือเป็น คามิ หลักในลัทธิชินโต โดยมีสุนัขจิ้งจอก คือ คิตสุเนะ (Kitsune) เป็นสัตว์บริวารและเป็นผู้ส่งสารแห่งเทพ อินาริ .. สุนัขจิ้งจอก จึงเปรียบเสมือนสื่อกลางระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์
รูปปั้นสุนัขจิ้งจอก มองเห็นได้ทั่วไปในศาลเจ้าแห่งนี้ หน้าตาน่ารัก น่าชัง ปากคาบสิ่งต่างๆที่ไม่ค่อยซ้ำกัน รูปปั้นบางอันจิ้งจอกคาบรวงข้าง แต่เมื่อมองไปยังรูปปั้นอื่น จะเห็นจิ้งจอกคาบอย่างอื่น
เมื่อเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว เป็นหนึ่งในเทพที่ชาวญี่ปุ่นให้ความเคารพ สวดภาวนาขอพรให้ธุรกิจประสบผลสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง .. ศาลเจ้าที่สร้างอุทิศเพื่อบูชาสุนัขจิ้งจอกจึงมีให้เห็นมากมายทั่วประเทศญี่ปุ่น ประมาณกันว่ามีจำนวนศาลเจ้าอินาริมากถึงกว่า 40,000 แห่ง และนับเป็นจำนวน 2 ใน 3 ของศาลเจ้าทั้งหมด … และที่ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ จะเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
เราเดินไปตามถนนทางเข้าศาลเจ้า ผ่านเสาโทริอิสีแดงอันแรก
ทั้งสองข้างทางเดิน ด้านหนึ่งเป็นร้านรวงต่างๆ อีกด้านหนึ่งเป็นลานจอดรถ … เสาโทริอิอันที่สอง อยู่ใกล้กับทางขึ้นไปยังหมู่อาคารของศาลเจ้า
ตามธรรมเนียมการเข้าศาลเจ้าของญี่ปุ่น เราจะต้องชำระล้างร่างกายก่อนเข้าไปสักการบูชา … เริ่มจากชำระล้างมือซ้าย จากนั้นจึงชำระล้างมือขวา ท้ายสุดจึงใช้น้ำบ้วนปากเล็กน้อย การบ้วนปากให้ใช้มือซ้ายรองน้ำจากกระบวย แล้วจึงนำไปจรดที่ริมฝีปาก ไม่ใช้ริมฝีปากจิบน้ำจากกระบวยโดยตรง และตอนบ้วนน้ำออก อาจใช้ฝ่ามือปิดปาก เพื่อเป็นมารยาทที่ดี
เมื่อเดินตามบันไดขึ้นมาที่ลานชั้นนอกของศาลเจ้า … จะมองเห็นกลุ่มอาคารทาสีแดงสดเจิดจ้าท้าแสงแดดในวันที่เราไปเยือน เป็นภาพที่สวย แต่นี้นี่ไม่ใช่ไฮไลท์ในการเที่ยวชมวันนี้ค่ะ
ฉันเชื่อว่า หนึ่งในภาพความฝันของนักเดินทางหลายคนที่เมื่อไปเที่ยวเกียวโตแล้ว คือการได้ไปเดินลอดซุ้มเสาโทริอิสีแดงนับหมื่นต้น ที่ทอดยาวเรียงรายจากไหล่เขา ขึ้นไปสู่ยอดเขาด้วยระยะทางราว 4 กิโลเมตร จนไปถึงที่ตั้งของศาลเจ้า ฟุชิมื อินาริ หรือศาลเจ้าจิ้งจอก
ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของทัศนียภาพของเสาแดงโทริอิ (鳥居) มากกว่าหนึ่งหมื่นสี่พันต้น ที่วางเรียงรายตั้งแต่บริเวณด้านหน้า ยาวไปจนถึงยอดเขา ราวกับอยู่ในโลกแฟนตาซี
… และหากจำกันได้ ซายูริ นาวเอกภาพยนตร์เรื่อง Memory of Geisha ก็มาวิ่งลอดซุ้มประตูที่นี่ เพื่อไปขอพรเทพเจ้าให้เธอสมหวังในความปรารถนา
ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนศาลเจ้าแห่งนี้ มีมาตั้งแต่ในยุคสมัยเอโดะ … พวกเขาจะมาขอพรให้ธุรกิจการค้าขายของตนประสบความสำเร็จ และจะถวายเสาแดงโทริอิให้กับศาลเจ้าแห่งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณ จนถึงปัจจุบันนี้มีเสาโทริอิ ตั้งเรียงรายอยู่กว่าหนึ่งหมื่นสี่พันต้นแล้ว และว่ากันว่าราคาเสาแต่ละต้นในปัจจุบันต้องใช้เงินบริจาคราว 150,000-200,000 บาททีเดียว เมื่อบริจาคแล้วก็จะมีชื่อจารึกอยู่ที่เสาเหล่านี้ค่ะ
ที่นี่เองเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Sayuri จึงทำให้เป็นที่รู้จักกันมากยิ่งขึ้น กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในญี่ปุ่น
ด้านในของศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ … มีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกให้เห็นเป็นระยะ เป็นลักษณะเฉพะ ซึ่งแตกต่างปากศาลเจ้าอื่นๆ อีกทั้งแผ่นไม้สำหรับเขียนขอพร แทนที่จะเป็นไม้สี่เหลี่ยมเหมือนกับที่วัดหรือศาลเจ้าอื่น ก็กลายเป็นรูปหน้าสุนัขจิ้งจอก มีหูแดงๆ 2 ข้างและเส้นคิ้ว … ที่เหลือ เป็นส่วนที่ให้เจ้าของแผ่นป้ายได้วาดหน้าสุนัขจิ้งจอกเอาเองตามใจชอบ
ฉันเดินตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆไปเรื่อยๆตามทางเดินในอุโมงค์โทริอิ … เสาโทริอิ ในทิศทางไปเราเดินไปข้างหน้าจะมองเห็นว่าเป็นเสาเกลี้ยงๆ แต่หากหันหลังกลับมา เสาโทริอิ จะมีอักษรภาษาญี่ปุ่นเขียนเอาไว้ทุกเสา ดูขลังดี … เสียดายที่อ่านไม่ออก เลยไม่เข้าใจว่าเขาเขียนเอาไว้ว่าอะไรบ้าง
เดินมาสักพักอุโมงค์ก็จะแยกออกเป็น 2 ทาง ด้านซ้ายและด้านขวา แต่ก็ไปในทิศทางเดียวกัน เป็นคู่ขนานที่ลาดชันไปตามสโลปของภูเขา เรียกกันว่า Senbon Gate หรือประตูหมื่นเสา ที่ใครๆก็ต้องมาโพสท่าถ่ายรูปให้เห็นเสาเรียงกันเป็นพืดอยู่ด้านหลังกันค่ะ … แต่การถ่ายภาพสวยๆให้ปราศจากคนอื่นในภาพนั้นแสนยาก ด้วยมีผู้คนมหาศาลที่ใจเดียวกับเรามาตั้งท่ารอเก็บภาพเช่นกัน
ในช่วงนี้เราจะเดินไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ค่ะ เพราะทั้งสองทางจะวางตัวขนานกันไปในทิศทางเดียวกันในระยะทางราว 100 เมตร ที่ตลอดทางเต็มไปด้วยเสาที่ขนาดเล็กกว่าช่วงแรก
เมื่อสุดทางอุโมงค์คู่ … จะมีศาลเจ้าเล็กๆอีกอันหนึ่ง และจะมีบันไดไต่ความสูงขึ้นไปยังอุโมงค์เสาโทริอิที่อยู่ด้าบน ซึ่งอุโมงค์เสานี้จะพาไปจนถึงยอดเขาที่สูงราว 223 เมตร ซึ่งที่ตั้งของศาลเจ้า ฟุชิมื อินาริ หรือศาลเจ้าจิ้งจอก
สว. อย่างเราถึงจะเป็นขาลุย แต่ไม่ได้เดินขึ้นไปจนถึงยอดเขาค่ะ จำได้ว่าหลายคนบอกว่าข้างบนไม่มีอะไรมาก แต่สามารถมองเห็นวิวธรรมชาติ ที่มีต้นไม้เหมือนที่อื่นๆ .. เราเลยเดินตัดอกมายังพื้นที่ที่เป็นป่าโปร่งๆ มีต้นไม่ใหญ่ร่มรื่น บรรยากาศยอดเยี่ยม
เมื่ออกมายืนด้านนอกของอุโมงค์ … มองเห็นแนวของอุโมงค์เสาโทริอิสีแดงสดท่ามกลางความเขียวขจีของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รอบบริเวณ ความคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกตที่ไม่รู้ว่าจะไปถึงที่ไหน ให้ความรู้สึกกึ่งลึกลับ กึ่งน่าค้นหา
… เดินไปเรื่อยๆ อาจจะเจอเจ้าชายจิ้งจอกสุดหล่อมารับกลางทางก็ได้นะ อิอิ
ถนนทางเข้าศาลเจ้า มีทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง … หากมีเวลาพอ ก็อยากแนะนำให้ลองเดินผ่านถนนทางเข้าด้านหลังดู
… เพราะว่ามีร้านขายของฝาก ร้านขายอาหารอยู่ตามข้างทางมากมาย สามารถเดินได้เพลิดเพลินแน่นอน
.. ถ้ามีโอกาส ก็ซื้อ อินาริซุชิ (เต้าหู้ทอดสีเหลืองที่นำมาห่อด้วยข้าว) มาลองทานกันนะคะ อาจจะรสขาติไม่เหมือนที่เราคุ้นเคยในเมืองไทยที่ต้องราดด้วยน้ำจิ้มเต้าหูรสหวานๆ แต่ก็อร่อยในระดับหนึ่งแน่นอนค่ะ
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกกับพี่สุ … รวม link บทความที่เขียนในเพจ ..
***เมืองไทย ไดอารี่ by Supawan
***Supawan’s colorful world
***สถานีอร่อย by Supawan
โฆษณา