1). ไม่รู้ว่ามีจริงมั้ย แต่ลึก ๆ ก็แอบเชื่ออยู่ครับว่ามีจริง เพราะตั้งแต่ค่อย ๆ ลองสังเกตและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็พบว่าเป็นไปตามที่ท่านกล่าวจริง ๆ อย่างเรื่องทางสายกลาง ที่สภาวะใจให้ฝึกให้ไม่หย่อนไม่ตึงจนเกินไปแล้วจะเข้าถึงความสุขได้ หรือเรื่องสุขอื่นนอกจากใจหยุดนิ่งแล้วไม่มี เป็นความสุขที่ใจไม่โดด สุขที่สบาย เบา ๆ โลง ๆ เป็นต้น
พอพบว่าหลายเรื่องที่ท่านสอนเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผนวกกับท่านเป็นผู้ละสิ้นแล้วกิเลสและความทุกข์ทั้งปวงเลยทำให้เชื่อแบบนั้นครับ แต่ก็ไม่ถึงกับเชื่อแบบหมดใจซะทีเดียวเพราะยังไม่เคยเห็นพบนี้พบหน้าหรือถ้าเคยก็คงจำไม่ได้
2).
(2.1)
ถ้าอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ ต้องเลือกก่อนว่าจะเอาอะไรในวิทยาศาสตร์มาจับ
ตรรกศาสตร์ เลข ฟิสิกส์ จิตวิทยา บลา ๆ
เรื่องกฎแห่งกรรม ถ้าแค่ชาตินี้ที่เห็นได้ชัด ๆ ก็คงเป็นเรื่องการก่อกำเนิดบุคลิกลักษณะ ที่ทำให้เราเป็นเราในวันนี้จากเหตุการณ์ทั้งหลายตั้งแต่ยังเด็ก เช่น ปมต่าง ๆ นา ๆ และเสียงของผู้อื่นที่ยังคงสะท้อนเสียงดังอยู่ในหัวให้เรากระทำอะไรต่าง ๆ นา ๆ แต่เราก็มักจะลืมและไม่ทันตั้งตัวว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีก็ทุกข์เสียแล้ว เป็นต้น
(2.2)
ส่วนตัวคิดว่าเรื่องทางธรรมหลายเรื่องเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและลึกซึ้ง แถมยังมีพวกที่ป็นอจิณไตยอีกมากมาย (นึกคิดจินตนาการด้วยเหตุผลไม่ได้ ต้องเพียรฝึกตนฝึกใจเพื่อเข้าไปเห็นด้วยตัวเองเท่านั้น) เท่าที่นึกออกตอนนี้จึงเป็นแค่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่พอจะเอามาเป็นเครื่องมืออธิบายอะไรได้นิดหน่อย เช่น การตั้งสมมติฐาน การทดลอง ดูผลทดลอง สรุปผลพร้อมหาสมมติฐานใหม่ เป็นต้น
การสังเกตเนือง ๆ ไปในเหตุปัจจัยก็สำคัญในการช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้น ก็คือ "เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงดับไป" สังเกตสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติว่าอะไรก่อให้เกิดอะไรกันบ้างเป็นทอด ๆ
แนวทางการอธิบายนึงที่ดูจะเข้าท่าดีคือต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรทำให้ไปเกิดในภพภูมิต่าง ๆ
สิ่งนั้นคือสภาวะใจของเรา จิตสุดท้ายก่อนตายว่าจะพาเราไปไหน ถ้าใจขุ่นมากก็ไปภูมินึง ถ้าใจสุขใสมากก็ไปอีกภูมิ
สภาวะใจเป็นกรรม ภพภูมิเป็นผลของกรรม
ตอนยังไม่ตาย จริง ๆ แล้วเราก็ตายตลอดเวลาอยู่ ตายจากคนเดิมในเสี้ยววิที่แล้วเป็นอีกคนในตอนนี้ ดังนั้น ใจเป็นยังไงในตอนนี้ก็มีภูมิรองรับอยู่ตลอดอยู่แล้ว แค่ร่างกายเรายังอยู่ดีเลยยังอยู่ตรงนี้
(2.3)
เรื่องพันธุกรรม - กรรมพันธุ - คนเรามีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
มีรากศัพท์คำไทยมากมายที่สื่อเกี่ยวโยงกับศาสนาพุทธ
(2.4)
ประเด็นสุดท้าย มีธรรมะเรื่อง นิยาม 5 ได้แก่ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม
ที่พระพุทธเจ้าท่านเรียบเรียงไว้ครอบคลุมว่าเป็นกฎของธรรมชาติ ตอนเห็นครั้งแรกว้าวมาก ไม่เคยนึกเลยว่ามีหมวดธรรมแบบนี้ในศาสนาพุทธด้วย
.
.
.
ไม่รู้ว่าหลุดประเด็นมากไปมั้ย (แอบรู้สึกว่าเขียนงง 😆😆😆) ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยด้วยฮับ
หรือสงสัยอยากถามเพื่อขบคิดเพิ่มเติมได้นะ 🎉
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
