12 พ.ย. 2021 เวลา 05:33 • ปรัชญา
ความฝัน
ภาพจาก Monash University
การฝันเป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้รู้ว่าภายใต้จิตสำนึกลึกๆ ของเรามีอะไรฝังอยู่ และเป็นวิธีปลดปล่อยภาระทางจิตออกไปเพื่อให้จิตของเราสบายขึ้น
เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในความฝัน นอกจากเรื่องราวของตัวเราเอง ยังมีเรื่องราวอื่นๆ ด้วย บางครั้งเป็นเรื่องราวที่ดี บางครั้งก็น่ากลัว
บางครั้งก็พบว่าสิ่งที่เราฝันนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอนาคต บางครั้งก็ฝันถึงชีวิต และจิตใจของคนอื่นโดยที่เขาเหล่านั้นไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเราเลย
เราจะฝันได้แม่นยำ เมื่อจิตใต้สำนึกเราอยู่ในภาวะที่เป็นอิสระเท่านั้น
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บ่อยครั้งมักสอน และแนะนำเรื่องต่างๆ ผ่านทางความฝันมากกว่าช่วงที่เราตื่น เพราะช่วงนั้นจิตใจเราจะสงบไม่มีความคิดกังวลค้างอยู่ในใจ ไม่เหมือนเวลาเราตื่นความคิดเราไม่นิ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการเชื่อมต่อ
ถ้าจิตเราเป็นอิสระ ขณะฝันจิตของเราจะปลดปล่อยเพื่อทำความสะอาดและกลั่นกรองสิ่งสกปรกในใจออกมาด้วย ทำให้เราปลอดโปร่งเมื่อตื่นจากฝัน และความฝันนั้นกับเรื่องราวในชีวิตจริงจะเข้าใกล้กัน บางทีเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือความฝันที่เป็นจริง
ในทางตรงกันข้าม จิตที่ยังไม่เป็นอิสระ ความฝันไม่ได้มาจากร่างที่เป็นส่วนของสามัญสำนึก หรือ จิตยังไม่ว่าง นั่นคือความฝันปลอม แท้จริงแล้วจิตของเขาเหล่านั้นมีแต่ความอ้างว้างโดดเดี่ยว พวกเขาเหล่านั้นล้วนแต่กำลังแสวงหาความรัก และความเมตตาจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีแต่เรื่องในหัวใจที่ทำให้ร้องไห้ มีความกังวล และความเครียด การท้อแท้หมดกำลังใจ เมื่อตื่นมาแล้วจะไม่สดชื่นซึ่งเป็นบ่อเกิดของการเจ็บป่วย
ความฝันทำให้เราเข้าใจเรื่องของชีวิตจริง และธรรมชาติที่เป็นจริง เราไม่ต้องคิดหรอกว่าเราเป็นใคร แท้จริงใครเป็นเรามากกว่า แท้จริงเราแต่ละคนเฉียดๆ พระเจ้าทีเดียว เพียงในขณะตื่นเรามีอัตตาบังตาเราไว้ จนทำให้เราหลงทาง แตกแยกไม่เป็นหนึ่งเดียวมีแต่ความทุกข์ทรมาน
มนุษย์เรามีเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าเราจะมองกระจกเห็นว่านี่คือตัวเรา นั่นคือตัวเขา แท้ที่จริงทั้งสองก็คือตัวเราคนเดียว หรือหมายความว่าเรา และธรรมชาติ รวมถึงจักรวาลก็คือตัวเรานั่นเอง
โฆษณา