Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Gourmet Story
•
ติดตาม
13 พ.ย. 2021 เวลา 02:55 • ไลฟ์สไตล์
“ผักชี” - อร่อยปาก อร่อยใจ
เรื่องของ “ผักชี” ตอนนี้เป็นข่าวโด่งดังเพราะนายกรัฐมนตรีสั่งการให้นำพื้นที่ของทหารมาปลูกผักชี แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า ผักชีที่ดีแต่โรยหน้าในบ้านเรานั้น คนญี่ปุ่นเขาทานกันอย่างจริงจังทีเดียวขนาดที่มีร้านอาหารที่ประกอบด้วยผักชีเป็นหลักอยู่หลายร้าน วันนี้จะพาไปชิมกินกัน
ขอบคุณภาพประกอบจาก haraherinonbe
เรื่องของ “ผักชี” เกิดขึ้นในการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับราคาพืชผลเกษตร โดยเฉพาะผักชีที่มีราคาแพงถึงกิโลกรัมละ 400 บาท จึงสั่งการให้นำพื้นที่ของทหารมาปลูกผักชี เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ที่ต้องบริโภคพืชผักสวนครัวนำมาประกอบอาหาร
ผักชี คือ พืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นพืชล้มลุก ถ้าจะปลูกตามนโยบายของท่านนายกฯ ก็ต้องเริ่มด้วยการเพาะเมล็ด แต่ก็ไม่ต้องไปตามหาถึงตลาดนัดต้นไม้ที่จตุจักรหรอกนะครับ ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปก็มีใส่ซองไว้ขาย
พอได้เมล็ดมาก็บดให้แตกเป็น 2 ซีก แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 1-3 วันเสร็จแล้วพึ่งลมเอาไว้ พอเมล็ดเริ่มงอก ก็ให้นำไปใส่กระถางปลูก จากนั้นคลุมด้วยฟางข้าวหรือหญ้าแห้ง แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
คราวนี้ก็รอให้ต้นผักชีโต คอยรดน้ำให้ชุ่มวันเช้า-เย็น ผักชีชอบอากาศเย็นครับ ควรให้โดนแดดอ่อน ๆ ยามเช้าบ้าง ประมาณ 30-45 วันก็เก็บเกี่ยวมารับประทานได้
ใครที่ปลูกต้นผักชีไว้ เวลาจะทานอาหารอะไรก็มาเด็ดเอาไปโรยหน้าหรือรับประทานกันได้ ไม่ต้องกลัวสารเคมีเพราะเราปลูกเอง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นเกิดเป็นกระแส “ผักชีฟีเวอร์” ขึ้น สำนักข่าว NHK ได้ทำรายการบรรยายถึงสรรพคุณต่าง ๆ ของผักชี แล้วก็มีมิวสิควิดีโอของวง 10jinactor ชื่อเพลง Phakchi Heaven มีรายการทีวีเชิญชวนให้คนญี่ปุ่นรับประทานผักชีในรูปแบบต่าง ๆ มีผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ มีเครื่องดื่มสารสกัดผักชี และ ฯลฯ
ขอบคุณภาพประกอบจาก dreamstime
คุณเกตุวดี Marumura นักเขียนเกี่ยวกับเรื่องญี่ปุ่นเล่าถึงกระแสความนิยมเรื่องผักชีของคนญี่ปุ่นไว้ว่า
“ผักชีเริ่มมาดังจริง ๆ ก็ช่วงปลายปี 2014 ตอนนิตยสารและรายการโทรทัศน์ไปถ่ายทำถึงคุณสมบัติของผักชีว่าดีต่อสุขภาพอย่างนี้อย่างนั้น มีบีตาแคโรทีนสูง ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวสวยสดงดงาม และมีฤทธิ์เป็น anti-aging ได้! (ทำไมคนไทยอย่างดิฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย เผลอเขี่ยออกจากชามก๋วยเตี๋ยวทุกครั้งที่เจอ)
สื่อญี่ปุ่นพวกนี้ไม่ได้แค่โฆษณาสรรพคุณอย่างเดียว แต่ยังบอกวิธีการนำผักชีไปใช้ บอกลายแทงร้านอาหารที่เสิร์ฟผักชี ซึ่งส่วนมากก็เป็นร้านอาหารไทย คนญี่ปุ่นก็แห่ไปกินกันค่ะ (เป็นชนชาติที่บอกให้ทำอะไรก็ทำตามอย่างง่ายดายดีนะคะ ทีวีว่าอะไรดี ก็แห่กันไปซื้อไปลอง) ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นชอบกินอาหารไทย อาหารเผ็ด ๆ ช่วงนี้ผักชีก็เลยยิ่งถูกอยากลิ้มลองมากขึ้น
ส่วนผู้ผลิตและร้านอาหารต่าง ๆ ก็เห็นกระแสผักชีเป็นโอกาส กระหน่ำทำผลิตภัณฑ์ผักชีกันออกมาเต็มไปหมด ตั้งแต่ซอสผักชี น้ำจิ้มผักชี น้ำสลัดผักชี มันฝรั่งทอดรสผักชี และอีกสารพัดผลิตภัณฑ์ที่พยายามจะเกี่ยวดองกับผักชี (อีกนิดเดียวคงมีผ้าอนามัยกลิ่นผักชีออกมาขายแล้ว)”
ผลจากการที่คนญี่ปุ่นคลั่งไคล้ผักชีนี่เอง ในปี 2016 นิตยสาร Gurunavi ซึ่งเป็นนิตยสารด้านอาหารชื่อดังได้ยกให้ “ผักชี” เป็น “Dish of the Year” กันเลยทีเดียว
ร้านอาหารในกรุงโตเกียวที่จำหน่ายอาหารที่ประกอบด้วยผักชีมีอยู่หลายร้าน Gourmet Story เคยมีโอกาสไปชิมร้านหนึ่งชื่อ Phakchi Jo’s อยู่บนขั้น 3 ของอาคาร Bino ย่านกินซ่า เข้าไปในร้านก็จะเจอตู้กระจกโชว์การปลูกผักชีไว้อยู่หลายตู้ตั้งไว้หน้าร้านต้อนรับลูกค้า
อาหารที่ได้ไปลองก็มีเช่น พิซซ่าหน้าผักชี ไม่ได้เป็นพิซซ่าที่ชีสเยิ้มเหมือนพิซซ่าทั่วไป แต่เป็นพิซซ่าแบบแห้งคล้ายกับโรตีกรอบ แล้วโรยผักชีมาเต็มหน้า ไก่ทอดกรอบหน้าผักชี ก็ไม่ได้มีอะไรมากเป็นไก่ชุบแป้งทอดกรอบแล้วโรยมาด้วยผักชีเท่านั้น ข้าวผัดผักชีอันนี้อาจจะแปลกขึ้นนิด เขาจะเอาผักชีไปคั้นเป็นน้ำแล้วเอามาผัดกับข้าว ข้าวผัดที่ออกมาก็จะเป็นสีเขียว ๆ มีกลิ่นหอมของผักชี
ร้านนี้ยังมีอาหารอื่นอีกหลายอย่าง แต่โดยสรุปก็คือเป็นอาหารธรรมดาที่โรยผักชีมาเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ใบสองใบแบบบ้านเรา
อาหารร้าน Phakchi Jo's ขอบคุณภาพประกอบจาก Ubereats
แต่เท่าที่ดูใน Facebook ของร้าน Phakchi Jo’s เมนูในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว กลายเป็นร้านอาหารกลางวันขายอาหารจานเดียวจำพวกข้าวหรือราเม็ง(มีข้าวผัดกระเพราด้วยนะ) ก็คงเป็นเพราะพิษโควิด คนที่ไปนั่งกินอาหารในร้านนาน ๆ มีน้อยลง
กลับมาที่อาหารในเมืองไทย เราแทบจะไม่ใช้ผักชีประกอบอาหารเลย ใช้แค่โรยหน้าประดับจานเท่านั้น จนมีคำกล่าวที่ว่า “ผักชีโรยหน้า” ที่นำมาทำอาหารก็จะมีรากผักชีเป็นส่วนใหญ่ เป็นหมูหรือกุ้งผัดรากผักชี หรือมิฉะนั้น ก็เอาไปโขลกรวมกับพริกไทยและกระเทียมเป็นเครื่องเทศหอม ๆ ไว้ผัดกับอาหารเรียกกันว่า “สามเกลอ”
ที่ Gourmet Story เคยเห็นเป็นทางการหน่อยก็เห็นมีแต่ “น้ำพริกผักชี” ที่ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “น้ำพริก” ของท่าน น้ำพริกสูตรนี้ท่านบอกว่า
“...”น้ำพริกผักชี” แทนที่จะเป็นมะเขือพวงเผาหรือมะเขือขึ่น ใช้ผักชีเป็นกำ ๆ ใส่ลงไปในครกน้ำพริก เครื่องน้ำพริกอื่นก็เหมือนกับน้ำพริกธรรมดา…มีแตกต่างกับน้ำพริกครกอื่นที่ระบบสีหรือฝรั่งเรียกว่า Colour Scheme เพราะต้องใช้เครื่องแต่ของเขียวทั้งนั้น เป็นต้นว่าพริกสดก็ต้องใช้พริกเขียว…...
2
น้ำพริกผักชีนี้ เมื่อทำเสร็จแล้วจะไปจิ้มอะไรก็ไม่ได้ เพราะไม่อร่อยไปหมด ปลาที่แกล้มก็ไม่ต้องมี ใช้ได้อย่างเดียวคือคลุกข้าวกินเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าใครที่ชอบผักชี ขาดไม่ได้ ก็คงจะอร่อยดีกระมังครับ”
อย่างไรก็ตามแต่ ดร.ภญ.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ ได้กล่าวไว้ในบทความชื่อ “ผักชีของไทย..ดังไกลถึงญี่ปุ่น..แล้วประโยชน์คืออะไร” เป็นบทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงประโยชน์ของผักชีไว้ว่า
“ส่วนใบ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้อาการกระหายน้ำ แก้อาการไอ แก้หวัด แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการอาหารเป็นพิษ ลดระดับน้ำตาลในเลือด
ส่วนผล ช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้น ช่วยละลายเสมหะ แก้อาการปวดฟัน ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร กระตุ้นต่อมในกระเพาะอาหารและลำไส้ เพิ่มน้ำดีให้มากขึ้น ช่วยรักษาอาการปวดท้อง ช่วยแก้อาการบิด ถ่ายเป็นเลือดช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร มีเลือดออก
ทั้งต้น ช่วยขับเหงื่อ ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร มีเลือดออก ช่วยแก้เด็กเป็นผื่นแดง ไฟลามทุ่ง ช่วยให้ผื่นหัดออกเร็วขึ้น
ส่วนราก ใช้เป็นน้ำกระสายยา ช่วยกระทุ้งพิษไข้หัว ไข้อีดำอีแดง รักษาเหือดหิด อีสุกอีใส”
มีประโยชน์มากมายขนาดนี้ เห็นทีจะต้องเอาผักชีมาโรยหน้าอาหารให้มากขึ้นแล้วไม่ใช่แค่ไม่กี่ใบอย่างที่เคยเป็นมา
ขอบคุณภาพประกอบจาก Zebra Bravo ใน Wongnai
ขอจบ Gourmmet Story ตอนนี้ด้วยบทกลอนจาก “นิราศภูเขาทอง” ของสุนทรภู่ที่กล่าวถึงผักชีไว้!!! แต่ต้องเล่าถึงที่มาก่อนนิดนึงคือ ขณะที่แต่ง “นิราศภูเขาทอง” นี้ สุนทรภู่ยังบวชเป็นพระภิกษุอยู่ แต่เวลาแต่งกลอนก็ยังเอ่ยถึงสาว ๆ และความรัก ท่านเกรงว่าผู้อ่านจะเข้าใจผิดก็เลยออกตัวเอาไว้ท้ายคำกลอนนี้ว่า
"เหมือนแม่ครัวคั่วแกงพะแนงผัด
สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา
อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา
ต้องโรยหน้าเสียสักหน่อยอร่อยใจ"
เรื่องตอนที่แล้ว “อย่างไหนเป็นพิซซ่าอิตาเลียนแท้?” อ่านได้ที่
https://www.blockdit.com/posts/618723517c3e0f0ca9457870
Gourmet Story - เรื่องราวเกี่ยวกับอาหารที่เป็นเกร็ดความรู้ เล่าสู่กันฟัง เพิ่มความอร่อยของอาหารที่เรารับประทาน ติดตามได้ที่
https://www.blockdit.com/pages/5ec8e61ec4d9510ca73a2d34
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย